ต้นโพธิ์ยักษ์ หน้าวัดใหญ่เมืองพิษณุโลก เจอฝนตกไม่หยุด 2 วัน 2 คืน โค่นลงมาทับแถวร้านค้าพังราบ เดชะบุญแม่ค้ากลับบ้านหมดแล้วไม่มีใครได้รับอันตราย เชื่อบารมีหลวงพ่อพระพุทธชินราชคุ้มครอง กลับได้เลขเด็ดจากรถเก๋งที่ถูกทับไปแทงหวยอีกด้วย...   

ภายหลังที่มีฝนตกลงมาอย่างหนักต่อเนื่องกันเป็นเวลาถึง 2 วัน 2 คืน ในหลายพื้นที่ของ จ.พิษณุโลก ส่งผลให้ต้นโพธิ์ยักษ์ขนาด 6 คนโอบ ที่อยู่บริเวณด้านหน้าวิหารพระเจ้าเข้านิพพาน วัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร หรือวัดใหญ่ โค่นลงมาแบบถอนรากถอนโคน ล้มทับกับร้านค้าขายของที่อยู่ใกล้เคียงกว่า 20 ร้าน และรถยนต์เก๋ง 1 คัน ได้รับความเสียหายไปด้วยเมื่อเวลา 19.00 น. วันที่ 6 ก.ค.ที่ผ่านมา แต่โชคดีที่ขณะเกิดเหตุพ่อค้าแม่ค้าเก็บร้านกลับบ้านกันไปหมดแล้ว จึงไม่มีใครได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตแต่อย่างใด

ทั้งนี้ พ่อค้าแม่ค้าส่วนใหญ่มีความเชื่อส่วนตัวตรงกันว่า ที่รอดตายได้อย่างหวุดหวิดจากภัยธรรมชาติครั้งนี้ มาจากบารมีแห่งองค์หลวงพ่อพระพุทธชินราช ที่คอยช่วยปกปักรักษาคุ้มครองให้แคล้วคลาดปลอดภัย เพราะปกติทุกวันกว่าจะปิดร้านกลับบ้านกันก็เกือบเวลา 20.00 น. แต่วันเกิดเหตุ ไม่รู้อะไรดลใจพ่อค้าแม่ค้าเก็บของกลับบ้านกันจนหมด

ต่อมา เวลา 11.00 น. วันที่ 7 ก.ค. พ.ท.สุทธิศักดิ์ ไหลเตื่อย หัวหน้าฝ่ายกำลังพลกองพลทหารราบที่ 4 ค่ายสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ได้นำกำลังพลกว่า 40 นาย เข้าเคลียร์พื้นที่อีกครั้งหลังจากเมื่อคืนที่ผ่านมา ได้เข้ามาให้ความช่วยเหลือ ร่วมกับเจ้าหน้าที่เทศบาลนครพิษณุโลกไปแล้ว โดยได้นำเครื่องจักรกลหนัก เลื่อยยนต์ เข้าตัดฟันกิ่งต้นโพธิ์ที่ยังล้มขวางทางอยู่ พร้อมขอสนับสนุนรถเครนจากกองพลพัฒนาที่ 3 ค่ายสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ เข้ามาชักลากต้นโพธิ์ขนาดใหญ่ที่ถูกตัดทอนไว้เรียบร้อยแล้ว โดยต้องใช้รถสิบล้อมาช่วยกันขนกิ่งและลำต้นต้นโพธิ์นำไปทิ้งไม่ต่ำกว่า 10 เที่ยว และนำเหล็กแผงกั้นมากั้นบริเวณจุดเกิดเหตุเพื่อความปลอดภัยของพี่น้องประชาชน ที่เดินทางมากราบไหว้ขอพรหลวงพ่อพระพุทธชินราช คาดว่าวันนี้จะสามารถเคลียร์พื้นที่บริเวณวัดใหญ่ให้กลับคืนสู่สภาพเดิมได้ ก่อนจะมีการซ่อมแซมปรับปรุงให้มีทัศนียภาพกลับมาสวยงามดังเดิม

...

อย่างไรก็ตาม ขณะที่เจ้าหน้าที่ทหารกำลังปฏิบัติงานอยู่นั้น สายฝนที่ตกโปรยปรายมาตั้งแต่เมื่อคืนจนถึงเช้า กลับหยุดตกอย่างน่าประหลาด ทำให้ปฏิบัติภารกิจได้อย่างราบรื่น โดยมีประชาชนที่ผ่านไปมาหยุดยืนดูและให้กำลังใจ

นายสมมาตย์ ขำน้ำคู้ อายุ 47 ปี อยู่บ้านเลขที่ 56/5 หมู่ 7 ต.วัดจันทร์ อ.เมืองพิษณุโลก พ่อค้าขายกาแฟที่เปิดร้านอยู่ใต้ต้นโพธิ์ยักษ์ เปิดเผยว่า ตนเองมาเปิดร้านขายกาแฟที่ใต้ต้นโพธิ์ยักษ์ที่โค่นลงมาไม่ต่ำกว่า 2 ปีแล้ว แต่ดีที่ร้านของตนไม่ถูกต้นโพธิ์ล้มทับแต่อย่างใด เนื่องจากต้นโพธิ์โค่นไปทางทิศใต้ของวัด ส่วนสาเหตุที่ต้นโพธิ์โค่นลงมาคาดว่าเกิดมาจากต้นโพธิ์ต้นนี้หมดอายุขัยแล้ว เพราะมีอายุไม่ต่ำกว่า 100 ปี สังเกตจากรากแก้วที่พบมีเชื้อรากัดกินอยู่จำนวนมาก รากจึงเริ่มผุกร่อนชอนไชยึดกับดินไม่มั่นคง ประกอบกับมีใบปกคลุมอยู่หนาทึบ เมื่อถูกสายฝนชโลมจนชุ่มฉ่ำจึงทำให้ลำต้นหนักขึ้นจนรับน้ำหนักไม่ไหวโค่นลงมาดังกล่าว ส่วนสาเหตุที่ต้นโพธิ์ยังยืนต้นอยู่ได้เป็นเวลานานก็เพราะมีต้นโพธิ์ต้นไม้อื่นขึ้นมาแซมช่วยพยุงลำต้นเอาไว้ ส่วนตัวเชื่อว่าเป็นเรื่องของภัยธรรมชาติตามปกติ แต่คนอื่นจะเชื่ออย่างไร ก็แล้วแต่ความเชื่อของแต่ละบุคคล ห้ามกันไม่ได้

ขณะที่ นางเพ็ญนภา ชมพู อายุ 44 ปี อยู่บ้านเลขที่ 28/77 ถ.สิงหวัฒน์ ต.ในเมือง อ.เมืองพิษณุโลก แม่ค้าขายสมุนไพร กล่าวว่า ร้านค้าของตนเองถูกต้นโพธิ์ยักษ์โค่นมาทับร้านพังราบ ข้าวของเสียหายไม่ต่ำกว่า 100,000 บาท แต่ไม่ได้เรียกร้องค่าเสียหายใดๆ กับทางวัดใหญ่ เนื่องจากทางวัดให้ตั้งร้านเปิดขายของกันฟรีๆ ไม่เสียค่าใช้จ่ายแต่อย่างใด พ่อค้าแม่ค้าจะช่วยทางวัดก็เพียงเรื่องค่าน้ำค่าไฟเท่านั้น และขอยืนยันว่าหากเจ้าหน้าที่ทหารเคลียร์พื้นที่แล้วเสร็จ จะขอตั้งร้านขายของอยู่ที่เดิมไม่ไปไหน เพราะเปิดร้านขายสมุนไพรมาเป็นเวลากว่า 16 ปี

"หลังจากทราบข่าวว่าต้นโพธิ์ยักษ์โค่นทับร้านตั้งแต่เมื่อคืนนี้ ก็รีบเดินทางมาดูร้านทันที และยังพบว่ามีรถยนต์เก๋งถูกต้นโพธิ์ทับพังเสียหาย จึงได้ลองเสี่ยงโชคนำเลขทะเบียนท้ายรถหมายเลข 672 ไปซื้อลอตเตอรี่อีกด้วย ส่วนตัวเชื่ออีกว่าที่รอดชีวิตมาได้ครั้งนี้เพราะบารมีขององค์หลวงพ่อพระพุทธชินราชช่วยคุ้มครองอย่างแน่นอน เพราะขณะเกิดเหตุพ่อค้าแม่ค้าได้ปิดร้านกลับบ้านกันหมด จึงไม่ได้ใครได้รับอันตราย" นางเพ็ญนภา กล่าว.

...