ฤาษีพุทธจรัล อดีตผู้จัดการวง "ดิ อิมพอสซิเบิ้ล" แนะ พล.อ.ประยุทธ์ เปลี่ยนชื่อประเทศแก้เคล็ดภายในวันที่ 7 ส.ค.นี้ เชื่อผลประชามติร่างรัฐธรรมนูญไม่มีปัญหา แนะทหาร-นักเรียน นั่งสมาธิภาวนาคนละ 10 นาที ช่วยเพิ่มบารมีให้กับประเทศ
เมื่อวันที่ 12 มิ.ย. 59 ดร.พุทธจรัล พุทธจรัล หรือ ดร.จรัล นันสุทานนท์ อดีต ผู้จัดการวงดนตรีชื่อดัง "ดิ อิมพอสซิเบิ้ล" วัย 74 ปี ได้ประกอบพิธีถวายดอกไม้บูชาองค์พระสยามเทวาธิราช ภายในอาศรมพร้อมทั้งขอพรให้พระสยามเทวาธิราชคุ้มครองชาติบ้านเมืองให้สงบ และให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี นำชาติเดินหน้าฝ่าฟันอุปสรรคทุกอย่างได้จนกว่าจะบรรลุเป้าหมายที่วางไว้ให้ประเทศชาติเดินหน้าสู่ความสงบสุขร่มเย็น
ทั้งนี้ ฤาษีพุทธจรัล กล่าวว่า ตนได้ทำพิธีถวายดอกไม้บูชาพระสยามเทวาธิราช เพื่อให้ประเทศชาติเดินหน้าสู่ความสงบรุ่งเรือง และขอให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี สามารถพาชาติไปสู่เป้าหมายดังตั้งใจ ซึ่งตนมองเห็น พล.อ.ประยุทธ์ จะเดินหน้าในการแก้ไขปัญหาอีกยาวนาน และประชาชนก็เริ่มหนุนการทำงานของ พล.อ.ประยุทธ์ เพราะมีความตั้งใจและมุ่งมั่นในการทำงานอย่างเต็มที่ อุปสรรคที่ขวางหน้า
อย่างไรก็ตาม ตนมั่นใจว่าทหารเอาอยู่ เพียงแต่ว่าวิธีการทำงานของทหาร มันเป็นสิ่งที่คนทั่วไป นักการเมือง พ่อค้าและนานาชาติอาจจะมองไม่เห็น แต่ความจริงจังจริงใจของทหารจะทำให้เขาบรรลุเป้าหมาย ซึ่งอันนี้เราควรจะยกย่องและประชาชนกลุ่มใหญ่เห็นความตั้งใจ เห็นความปรารถนาดี วิธีการของทหารก็คือทหาร
"เชื่อว่านายกฯ ประยุทธ์ จะอยู่อีกนาน เคยจำได้ไหมว่า นายกฯ ประยุทธ์ จะอยู่ได้ถึง 10 ปี เพราะว่าท่านเคยบอกว่าหากไม่สงบก็จะอยู่ ตนก็เห็นว่าเขาคงไม่รู้วิธี ตนก็อยากจะแนะวิธี เหมือนที่เคยพูดว่าก่อน 7 สิงหาคมนี้ จำเป็นอย่างยิ่งที่ท่านนายกฯ จะต้องเปลี่ยนชื่อประเทศ จะบอกเป็นเคล็ดก็ได้"
...
ฤาษีพุทธจรัล กล่าวอีกว่า โดยการเปลี่ยนชื่อประเทศนั้นกระแสที่จะทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ มีพลัง ความกล้าหาญ และมีความเด็ดเดี่ยวเพิ่มขึ้นในการที่จะนำพาประเทศชาติไปสู่ความปกติ มิฉะนั้นก็จะมีขบวนการที่จะทำให้เกิดความแตกแยกขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องธรรมกายก็ดี เรื่องพุทธะอิสระก็ดี เป็นผลที่ทหารไม่กล้าตัดสินใจ ถ้าตัดสินใจตั้งแต่เริ่มต้น ไม่ว่าตัดสินใจแบบไหน มันก็จะไม่บานปลายในลักษณะแบบนี้ ซึ่งมันไม่ใช่สิ่งที่ดีงามต่อชาติบ้านเมือง ต่อเศรษฐกิจ ขวัญของประชาชน หรือประเทศเป็นเรื่องสำคัญ

ส่วนเรื่องประชามติร่างรัฐธรรมนูญนั้น ฤาษีพุทธจรัล มองว่า ผ่านฉิวอยู่แล้วเพราะทหารเขาคุมอยู่ เขารู้ทุกขบวนทัพอยู่แล้ว เขาจะไม่ยอมให้ใครมาขัดขวางได้ ส่วนจะมีการเลือกตั้งปี 2560 หรือไม่ ก็อยู่ที่ว่าพอผ่านฉิวประชามติ มันจะมีเหตุการณ์เกิดขึ้นอีกที่จะทำให้ยาก เพราะว่าความขัดแย้ง หรือว่าความรู้สึกที่ไม่ปรองดองมันมีพื้นฐานที่ลึกมาก เพียงถ้าหากว่าทหาร ณ วันนี้คิดถึงเรื่องปรองดองอย่างเดียวแล้ว และคิดว่าข้าฯคือหัวครอบครัว ข้าฯคือผู้ที่จะให้อย่างเดียว อย่าไปมองลูกๆ ในประเทศผิดก็แล้วกัน
ทั้งนี้ ตอนนี้ผู้นำเรามองตรงนี้ไม่ออก เป็นพ่ออย่าไปมองใครผิด ใครจะชั่วก็ได้ ใครจะเลวก็ได้ แต่ข้าเป็นพ่อ ข้าย่อมเกื้อหนุนหล่อเลี้ยง ประคับประคอง อันนี้เขาจะชนะ อยากให้นายกฯ อ่านประโยคนี้ให้ชัดเจน
"คุณมีหน้าที่เป็นพ่อของบ้านเมือง คุณไม่มีสิทธิ์ที่จะไปทำอะไรให้ ถ้าลูกผิด อภัยให้อย่างเดียว เมตตาอย่างเดียว จะทำให้เหตุการณ์ที่กำลังจะมาไม่เกิด แต่จะเปลี่ยนชื่อประเทศก่อน 7 สิงหาคมได้ก็จะดี จะทำให้คนทั้งประเทศมีอารมณ์ร่วมกัน ปรับปรุงกระแส ถ้ากระแสมารวมกันก็จะไปได้ฉุยเลย แต่นี้กระแสมันแตกแยกอยู่ ยังมีความรู้สึกกลัวในหมู่คนบางกลุ่มอยู่"
ฤาษี ดร.จรัล กล่าวอีกว่า ดังนั้น ในปี 2560 ที่มีการมองว่าจะมีการเลือกตั้ง และมีนายกฯ คนใหม่ จึงเป็นเรื่องที่เป็นไปได้และเป็นไม่ได้ มีค่าเท่ากัน เพราะทุกขณะกระแสมันแกว่งมาก เจตนาของทุกคนเหมือนกันหมดอยากให้มีรัฐบาล เจตนาของทหารก็ใช่ แต่ทำไมถึงไม่เกิดก็ต้องเพิ่มบารมีให้กับคนในชาติ เพิ่มบารมีให้กับประเทศ ตรงนี้รัฐบาลไม่ได้ทำ
สำหรับการเพิ่มบารมี คือ ให้ทหารสักสองหมื่นคนนั่งสมาธิ ให้นักเรียนทั่วประเทศ สามหมื่นโรงเรียนภาวนาวันละ 10 นาที นั่นก็คือการเพิ่มบารมีให้กับชาติบ้านเมือง ทำไมไม่ทำกัน มันแก้ได้ทุกระดับ รดน้ำที่รากผลก็จะเกิด นี่ยังไม่ทันรดน้ำไปขอผลให้เกิด
"ส่วนเรื่องที่ถามว่าต่อไปจะมีการเปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรีคนใหม่ หรือไม่ ก็ขอบอกว่านายกฯ คนนี้ไม่ติดยึดในตำแหน่ง หากมีใครที่ท่านไว้ใจมาแทนท่านก็จะให้ ท่านไม่ได้ติดยึดตรงนั้น แต่ท่านคิดว่ามันเป็นงาน หน้าที่หลักของทหารที่จะชูชาติบ้านเมือง แต่หากท่านประวิตรจะมา ท่านก็ให้แต่ก็ต้องมีความมุ่งมั่นแบบ นายกฯ ประยุทธ์ เท่านั้น ถึงจะอยู่ตรงนั้นได้" ฤาษีพุทธจรัล กล่าว