พายุฤดูร้อนพัดถล่มทั่วประเทศหลายจังหวัดได้รับผลกระทบอย่างหนัก ภาคอีสาน จ.อำนาจเจริญ ถูกพายุพัดกระหน่ำกินพื้นที่ 2 อำเภอ บ้านเรือนเรือกสวนไร่นาได้รับความเสียหายเป็นวงกว้าง แม่เฒ่าวัย 69 ปี บ้านไม้เก่าเพิ่งสร้าง ยังไม่เสร็จเรียบร้อยดี ถูกพายุพัดพังเสียหายทำเอา สิ้นเนื้อสิ้นตัว ภาคเหนือ จ.กำแพงเพชร สวนมะละกอในพื้นที่ อ.คลองขลุง โค่นล้มเสียหายยับเยินเป็นวงกว้าง เจ้าของสวนพากันโอดครวญทั่วหน้า ขณะที่ภาคใต้มีการประกาศพื้นที่ภัยพิบัติจากวาตภัยภายในวิทยาลัยการเกษตรและเทคโนโลยีพังงา หลังถูกพายุฝนพัดถล่มอาคารเรียนพังเสียหาย 3 หลังต้องเร่งซ่อมแซมเพื่อให้ทันรับเปิดเทอม

พายุฤดูร้อนพัดถล่มอีสานเหนือใต้หลายจังหวัด เสียหายหนัก ผู้สื่อข่าวรายงานเมื่อวันที่ 5 พ.ค.ว่า ที่ จ.อำนาจเจริญ เกิดพายุพัดกระหน่ำในพื้นที่ อ.เสนางคนิคม และ อ.เมืองอำนาจเจริญ เมื่อค่ำวันที่ 4 พ.ค.ทำให้บ้านเรือนเสียหายเป็นวงกว้างหลายตำบล ต้นไม้โค่นล้มทับเส้นทางในหมู่บ้านนับ 10 จุด ทั้งนี้ น.ส.กาใส บุญเนตร อายุ 60 ปี อยู่บ้านเลขที่ 141/1 หมู่ 1 ต.หนองสามสี อ.เสนางคนิคม หนึ่งในชาวบ้านผู้ประสบภัย กล่าวว่า ตนรื้อไม้เก่าอายุนับ 100 ปี เป็นไม้มรดกตกทอดของพ่อแม่มาสร้างบ้านใหม่ยังสร้างไม่เสร็จเรียบร้อยดี ถูกพายุพัดถล่มพังยับทั้งหลัง ทำให้หมดเนื้อหมดตัว ขณะที่นางด้วง มีลา อายุ 69 ปี ชาวบ้านหมู่ 2 ต.นาวัง อ.เมืองอำนาจเจริญ ถูกพายุพัดหอบหลังคาหายไปทั้งหลัง ทำให้ไร้ที่อยู่อาศัย ขณะที่นางด้วง มีฐานะยากจนอาศัยอยู่บ้านคนเดียวไม่มีลูกหลาน มีรายได้จากเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุเพียงเดือนละ 600 บาท พอประทังชีวิต กลับมาถูกพายุพัดบ้านซ้ำเติมอีก

ที่ จ.เลย เกิดพายุฝนพัดถล่มในพื้นที่ อ.นาด้วง อ.วังสะพุง และ อ.เมืองเลย อย่างหนักส่งผลให้บ้านเรือนราษฎร ถูกพายุพัดได้รับความเสียหาย 126 หลังคาเรือน ต้นไม้หักโค่น เสาไฟฟ้าหัก เจ้าหน้าที่ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเลย พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อยู่ในระหว่างการสำรวจความเสียหายเพื่อเร่งให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัย ส่วน จ.นครราชสีมา พายุพัดถล่มทำให้หลังคาอาคารเรียนโรงเรียนบ้านสัมฤทธิ์ ต.สัมฤทธิ์ อ.พิมาย ได้รับความเสียหาย 3 หลัง บ้านเรือนประชาชน 4 หมู่บ้านของ ต.สัมฤทธิ์ พังยับร่วม 15 หลังคาเรือน และยังมีสถานีอนามัย กับศูนย์พัฒนาเด็กเล็กที่ได้รับความเสียหายเพราะถูกหลังคาโรงเรียนปลิวมาทับด้วย นอกจากนี้ ซุ้มประตูทางเข้าอนุสรณ์สถานวีรกรรมทุ่งสัมฤทธิ์ ขนาดใหญ่ที่เพิ่งสร้างได้เพียง 2 เดือน ก็พังเสียหายทั้งหมด

...

ส่วน จ.กำแพงเพชร พายุฝนลมพัดถล่มและลูกเห็บตกในหลายอำเภอ ชาวบ้านประสบเหตุวาตภัย 4 อำเภอ ได้แก่ อ.คลองขลุง อ.ไทรงาม อ.โกสัมพีนคร อ.ขาณุวรลักษบุรี อ.ลานกระบือ บ้านเรือนราษฎรได้รับความเสียหาย 549 หลังคาเรือน โดยเฉพาะบ้านเลขที่ 43 บ้านวังหิน หมู่ 11 ต.คลองขลุง อ.คลองขลุง เป็นบ้านของนางลั่นทม คล้ายทอง หลังคาบ้านถูกลมพายุพัดหอบไปกองอยู่ในทุ่งนาห่างจากตัวบ้าน 15 เมตร และฝาผนังบ้านเป็นแผ่นยิปซัมพังทั้งแถบ โทรทัศน์ LCD เสื้อผ้าที่นอนหมอนมุ้ง เปียกฝนหมด ต้องนำมาตากแดด ส่วนเสาไฟฟ้าริมถนนพหลโยธินสายกำแพงเพชร-คลองขลุง หน้าปั๊มน้ำมันบางจาก หักโค่นถึง 18 ต้น สายไฟพาดเต็มถนน เจ้าหน้าการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค และช่างของเครือข่ายโทรศัพท์ต่างลงพื้นที่เร่งซ่อมแซมกันวุ่นวาย

ขณะที่สวนมะละกอของนายสำเริง ครูเล่งกี่ อายุ 40 ปี ตั้งอยู่หมู่ 3 บ้านโนนมะกอก ต.ท่ามะเขือ อ.คลองขลุง ปลูกบนเนื้อที่ราว 65 ไร่ ถูกพายุพัดต้นมะละกอโค่นล้มระเนนระนาดราว 1,000 ต้น จากทั้งหมด 2,000 ต้น ลูกมะละกอลอยเกลื่อนในร่องสวน คนงานระดมกำลังเร่งเก็บผลมะละกอส่งขายพ่อค้ากันวุ่นวาย เช่นเดียวกับสวนมะละกอของนายวันชัย จันทโรจน์ อายุ 53 ปี อยู่บ้านเลขที่ 20 หมู่ 4 ต.ท่ามะเขือ อ.คลองขลุง เนื้อที่ประมาณ 17 ไร่ ถูกพายุพัดได้รับความเสียหายร่วม 500 ต้น นอกจากนั้นยังมีสวนมะละกอรายเล็กอีกหลายรายได้รับความเสียหายทั่วหน้า ทำให้ขาดทุนยับเยิน เจ้าของสวนมะละกอต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ต่อไปราคามะละกอจะแพงขึ้นไปอีก อาจถึงกิโลกรัมละกว่า 10 บาท เนื่องจากมะละกอเสียหาย ทำให้ผลผลิตออกสู่ตลาดน้อยลง

จ.พิษณุโลก พายุพัดถล่มทำให้ต้นไม้ริมถนนสายพิษณุโลก-นครสวรรค์ บริเวณหลัก กม.10 ต.บางระกำ อ.บางระกำ โค่นล้มขวางเส้นทางจราจร ขณะที่เสาไฟฟ้าแรงสูงฝั่งขาเข้าตัวเมืองพิษณุโลก ถูกแรงลมพัดหักโค่นหลายสิบต้น ส่วนบ้านเรือนประชาชนในพื้นที่ ต.พันเสา อ.บางระกำ เสียหายมากที่สุดเกือบ 200 หลังคาเรือน โกดังข้าวเปรมศิริไรซ์ เลขที่ 111/1 หมู่ 2 บ้านวังเป็ด ต.บางระกำ ถูกแรงลมพัดตัวอาคารโกดังเก็บข้าวเสียหายโดยสิ้นเชิง 1 หลัง ขณะที่หลังคาอาคารเรียนโรงเรียนคลองวัดไร่ หมู่ 4 ต.บางระกำ กระแสลมพัดหลังคาสังกะสีปลิว ทำให้อุปกรณ์การเรียนเสียหายยับ เช่นเดียวกับโรงเรียนบ้านท่าโก ต.บางระกำ อยู่ใกล้กัน แรงลมพัดหลังคาอาคารเรียนชั้น ป.5 ปลิวไปตกกลางทุ่งนาไกลร่วม 500 เมตร หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งสำรวจความเสียหายเพื่อให้การช่วยเหลือแล้ว

ที่ จ.ลำปาง พายุลูกเห็บพัดถล่มในพื้นที่ อ.วังเหนือ ส่งผลให้บ้านเรือนเรือกสวนไร่นาได้รับความเสียหายเป็นวงกว้าง นอกจากนั้นยังมีน้ำป่าจากดอยวังซ้ายไหลเข้ามาในหมู่บ้าน ทำให้ไก่เป็ดและสุกรถูกกระแสน้ำป่าพัดตายจำนวนมาก โดยพื้นที่ที่ได้รับความเสียหายมากที่สุดคือ ต.ทุ่งฮั้ว ต.วังทอง และ ต.วังซ้าย จากการสำรวจพบบ้านเรือนได้รับความเสียหายกว่า 350 หลังคาเรือน เบื้องต้นทางองค์กรปกครองท้องถิ่นลงพื้นที่สำรวจความเสียหายเพื่อเร่งให้การช่วยเหลือแล้ว

ต่อมาเย็นวันที่ 5 พ.ค. พายุฤดูร้อนพัดถล่มในพื้นที่เขต อ.เมืองนครราชสีมา นานกว่า 30 นาที ทำให้เสาไฟฟ้าแรงสูงหักโค่นรวม 24 ต้น ขวางการจราจรบนถนนสาย 304 ราชสีมา-ปักธงชัย ฝั่งขาเข้า ตัวเมืองนครราชสีมา บริเวณตรงข้ามกองพลพัฒนาที่ 2 ต.ไชยมงคล รวมระยะทางกว่า 2 กม. รถยนต์ไม่สามารถวิ่งผ่านได้ เจ้าหน้าที่ต้องปิดการจราจร ให้ไปใช้ช่องทางพิเศษฝั่งตรงข้าม ส่งผลให้ไฟฟ้าดับสนิทกินพื้นที่บริเวณกว้าง เจ้าหน้าที่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค เร่งเคลียร์พื้นที่หลายชั่วโมง โชคดีขณะเกิดเหตุไม่มีรถสัญจรผ่านบริเวณดังกล่าว จึงไม่มีใครได้รับบาดเจ็บหรือเสียหาย นอกจากนี้ ยังมีเสาไฟฟ้าแรงสูงหักโค่นอีก 6 ต้น ริมถนนฝั่งตรงข้าม บริเวณปั๊มแก๊ส LPG ขาออกตัวเมืองนครราชสีมา ปิดทับเส้นทางจักรยานยาวกว่า 300 เมตร อีกทั้งเสาไฟฟ้าทับหลังคาปั๊มน้ำมันได้รับความเสียหายด้วย

ด้าน จ.พังงา พายุฤดูร้อนพัดถล่มสร้างความเสียหายเป็นวงกว้าง 2 อำเภอ คือ อ.เมืองพังงา และ อ.ตะกั่วทุ่ง ส่วนใหญ่ต้นไม้โค่นล้ม หลังคาบ้านเรือน ถูกแรงลมพัดพังยับและพืชผลทางการเกษตรได้รับความเสียหาย โดยเฉพาะภายในวิทยาลัยการเกษตรและเทคโนโลยีพังงา มีต้นไม้โค่นล้มจำนวนมาก อาคารเรียนเสียหาย 6 หลัง นางกุลธารินท์ โรจนสุรสีห์ ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดพังงา พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่วิทยาลัยการเกษตรฯ ลงพื้นที่ตรวจสอบความเสียหาย พร้อมเสนอจังหวัดประกาศเป็นพื้นที่ภัยพิบัติจากวาตภัย เพื่อเร่งดำเนินการซ่อมแซมปรับปรุงอาคารเรียนให้ทันเปิดเทอมรับนักศึกษาในวันที่ 9 พ.ค.

...

ขณะที่กรมอุตุนิยมวิทยา รายงานว่า บริเวณประเทศไทยมีอากาศร้อน และมีอากาศร้อนจัดบางพื้นที่ โดยมีฝนฟ้าคะนองกับลมกระโชกแรง บริเวณจังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน ลำปาง พะเยา แพร่ น่าน ตาก เพชรบูรณ์ เลย ชัยภูมิ ขอนแก่น มหาสารคาม ร้อยเอ็ด ยโสธร อำนาจเจริญ อุบลราชธานี ศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ และนครราชสีมา ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากพายุลมแรงที่จะเกิดขึ้น รวมถึงอยู่ห่างจากต้นไม้ใหญ่ ป้ายโฆษณา และสิ่งก่อสร้างที่ไม่แข็งแรงไว้ด้วย