สถานการณ์น้ำในเขื่อนแควน้อยบำรุงแดน อ.วัดโบสถ์ จ.พิษณุโลก ล่าสุดวันที่ 20 เม.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า น้ำสะสมในเขื่อนแควน้อยอยู่ที่ 234ล้าน ลบ.ม. หรือ 29% ของความจุตัวเขื่อน ขณะที่ปริมาณน้ำใช้การได้จริงอยู่ที่ 26% ของความจุของตัวเขื่อนส่วนการระบายน้ำของตัวเขื่อนยังระบายอยู่ที่ 1.04 ล้าน ลบ.ม.ต่อวัน เพื่อเป็นการรักษาระบบนิเวศ และส่งน้ำช่วยเหลือประชาชนในที่ราบลุ่มภาคกลางในการอุปโภคบริโภค จากปริมาณน้ำดังกล่าวส่งผลให้เขื่อนแควน้อยบำรุงแดนมีสภาพน้ำลดลง บางจุดเห็นเป็นสันดินในช่วงหัวเขื่อน สภาพแห้งแตกละแหงเป็นบริเวณกว้าง โดยเฉพาะในช่วงหน้าสันเขื่อนซึ่งมากกว่าทุกปีที่ผ่านมา สามารถเดินไปมาได้อย่างสะดวก

นายเฉลิมศักดิ์ ทักษาดิพงษ์ ผอ.เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน อ.วัดโบสถ์ จ.พิษณุโลก เปิดเผยถึงสถานการณ์น้ำในเขื่อนแควน้อยบำรุงแดนขณะนี้ว่า น้ำในเขื่อนแควน้อยยังเป็นไปตามแผนการจัดการน้ำของกรมชลประทาน การระบายน้ำของเขื่อนแควน้อยยังอยู่ที่วันละ 1.04 ล้าน ลบ.ม. เพื่อเป็นการรักษาระบบนิเวศของลำน้ำแควน้อยและส่งน้ำช่วยเหลือประชาชนในที่ราบลุ่มภาคกลางในการอุปโภคบริโภค ตามแผนการควบคุมน้ำของกรมชลประทาน ซึ่งจะกักเก็บและสำรองน้ำ สามารถใช้การได้ไม่ต่ำกว่า 200 ล้านลบ.ม. ในช่วงรอยต่อระหว่างฤดูแล้งจนถึงฤดูฝนปีหน้าคาดว่าจะเพียงพอในการช่วยเหลือประชาชนในด้านอุปโภคบริโภคในช่วงฤดูแล้งได้อย่างแน่นอน แต่ก็ยังรอลุ้นว่าจะมีฝนตกเติมน้ำในเขื่อนในปีนี้หรือไม่

ขณะเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ จ.นครสวรรค์ เจ้าหน้าที่ศูนย์ฝนหลวงภาคกลาง จ.นครสวรรค์นำเครื่องบินกาซ่าจำนวน 2 ลำ พร้อมด้วยสารฝนหลวงจำนวน 2 ตัน เร่งขึ้นบินทำฝนหลวงเพื่อช่วยภัยแล้งในพื้นที่ภาคกลางทันที หลังสภาพอากาศบริเวณพื้นที่ภาคกลางเอื้ออำนวย เนื่องจากมีความชื้นเพิ่มมากขึ้น และการก่อตัวของเมฆดีขึ้น โดยล่าสุดได้บินทำฝนหลวง เพื่อเพิ่มเติมปริมาณน้ำให้กับอ่างเก็บน้ำ ในพื้นที่อ.แม่วงก์ และแม่เปิน จ.นครสวรรค์ นอกจากนี้ยังได้บินทำฝนหลวงในพื้นที่ลุ่มรับน้ำเขื่อนทับเสลา จ.อุทัยธานี อีกด้วย ขณะที่เจ้าหน้าที่ศูนย์ฝนหลวงภาคกลางจังหวัดนครสวรรค์เปิดเผยว่า ช่วงนี้สภาพอากาศดีขึ้นเล็กน้อย หลังจากนี้สามารถทำฝนหลวงได้ติดต่อกันประมาณ 4-5 วัน แต่อย่างไรก็ตาม จะต้องเช็กสภาพอากาศแบบวันต่อวันอีกครั้ง ซึ่งทางเจ้าหน้าที่จะเน้นพื้นที่เขื่อน อ่างเก็บน้ำต่างๆ พื้นที่ลุ่มรับน้ำเจ้าพระยา และพื้นที่การเกษตรต่างๆ เพื่อบรรเทาและแก้ไขปัญหาภัยแล้งให้ได้มากที่สุด

...

จ.เชียงใหม่ นายอนุพงษ์ วาวงศ์ นายอำเภอสันกำแพงเชียงใหม่ เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้นางแจ่มจันทร์ ล่ามช้าง เกษตรอำเภอ ออกสำรวจความเสียหายจากปัญหาภัยแล้ง พบว่า อ.สันกำแพง มีอยู่ 10ตำบล 100 หมู่บ้าน เจ้าหน้าที่เกษตรที่รับผิดชอบแต่ละตำบลหมู่บ้านออกไปสำรวจพืชผลทางเกษตรที่เกษตรกรได้รับผลกระทบจากภัยแล้ง เบื้องต้นทราบว่า ขณะนี้สวนลำไย มะม่วงที่กำลังออกดอกได้ยืนต้นตายจนหมด เพราะแหล่งน้ำแห้งขอดแทบทุกตำบล นับว่าแล้งวิกฤติสุดในรอบหลาย 10 ปีที่ผ่านมาส่วนลำน้ำแม่ออน แม่โฮม แม่กวง และลำน้ำแม่ปูคา สายหลักในอำเภอสันกำแพงแห้งขอดเช่นกัน.