หลายจังหวัดทั่วไทย ประสบภัยแล้งหนัก น้ำในแม่น้ำรวมถึงสระที่ขุดไว้เหือดแห้ง ไม่พอต่อการเกษตร ทำให้พืชผลทางการเกษตรเน่าตาย รวมถึงปลาในบ่อ ด้าน นายอำเภอละงู เตรียมยื่นหนังสือถึง นอภ. ประกาศพื้นที่พิบัติภัยแล้ง...
บึงกะโล่ น้ำเริ่มแห้ง ทำให้ชาวบ้านหลายร้อยคนไปทอดแหหาปลาประทังชีวิต
เมื่อวันที่ 12 มี.ค. 59 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า “บึงทุ่งกะโล่” ตั้งอยู่ที่ ตำบลป่าเซ่า อ.เมือง จ.อุตรดิตถ์ ซึ่งเป็นแหล่งเก็บน้ำที่ใหญ่ที่สุดของจังหวัด แม้ว่าบึงทุ่งกะโล่จะถือว่าอยู่ในตำบลป่าเซ่า แต่จริงๆ แล้ว กินพื้นที่ถึง 2 ตำบล คือ ป่าเซ่าและคุ้งตะเภาทางเข้า ซึ่งเป็นแหล่งน้ำเพื่อการเกษตรและอุปโภคบริโภคขนาดใหญ่ของจังหวัดอุตรดิตถ์ มีเนื้อที่ประมาณ 7,000 ไร่ ตอนนี้น้ำแห้งขอด แม้แต่คลองพระเทพฯ ที่ขุดไว้ล้อมรอบบึงก็แห้งลง เพราะชาวนาต่างเร่งสูบน้ำไปทำนาและปลูกหอมแดงกันหมด
ทั้งนี้ เนื่องจากรัฐบาลประกาศงดให้ปลูกข้าวนาปรัง ชาวนาจึงได้สูบน้ำในบึงกะโล่แห่งนี้มาใช้แทน และทางด้านประตูระบายน้ำที่ออกคลองจระเข้น้ำได้เริ่มแห้งลง จนทำให้ชาวบ้านในเขตรอบนอก ต่างได้นำอุปกรณ์หาปลาลงไปในบึงเพื่อลงหว่านแหในบึงน้ำสาธารณประโยชน์ขนาดใหญ่ซึ่งเป็นบึงที่มีความสมบูรณ์ มีปลาอยู่ตามธรรมชาติ ทำให้มีปลาชุกชุม ซึ่งปลาส่วนใหญ่ที่ได้จะเป็นปลาช่อน ปลาฉลาด ปลาหมอ และปลาตะเพียน เป็นปลาที่นำมารับประทานประทังชีวิตในช่วงฤดูแล้งนี้อย่างดี
...
อ่างทองแล้งหนัก! สันดอนโผล่กลางเจ้าพระยา เหล็กชะลอน้ำโผล่
แม่น้ำเจ้าพระยาที่ไหลผ่าน จังหวัดอ่างทอง ตั้งแต่อำเภอไชโย อำเภอเมืองอ่างทอง ไปจนถึงอำเภอป่าโมก มีระยะทางกว่า 40 กิโลเมตร ปริมาณน้ำลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในพื้นที่ของตำบลไชยภูมิ อำเภอไชโย จังหวัดอ่างทอง มองเห็นสันดอนทรายกลางแม่น้ำเจ้าพระยา โผล่ขึ้นมาให้เห็นชัดเจน ส่วนเหล็กที่ใช้ชะลอความเร็วของน้ำบริเวณกลางแม่น้ำเจ้าพระยา เริ่มโผล่ให้เห็นจากน้ำมากกว่า 1 เมตร
ด้านเกษตรกรผู้เลี้ยงปลากระชังบางรายเริ่มขยับนำกระชังปลาที่เลี้ยงอยู่ริมตลิ่ง ร่นแพปลาออกสู่กลางแม่น้ำเจ้าพระยา เพราะเกรงว่าปลากระชังที่เลี้ยงไว้เกิดผลกระทบทำให้ได้รับความเสียหายจากน้ำที่เริ่มตื้นเขินและแสงแดดที่แรงในช่วงกลางวัน โดยสถานีโทรมาตร C7A หน้าศาลากลางจังหวัดอ่างทอง ระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา อยู่ที่ 0.73 เมตร จากระดับตลิ่ง 9.32 เมตร ไหลผ่านอยู่ที่ 75 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวินาที แต่ยังไม่ส่งผลกระทบต่อระบบการผลิตน้ำประปาของจังหวัดอ่างทอง ส่วการเกษตร ทางชลประทานยืนยันว่า ไม่มีน้ำให้เพียงพออย่างแน่นอน ใช้ได้เพียงอุปโภคและบริโภคเท่านั้น
ปภ.โคราชเผย ผู้ว่าฯ ประสานให้เร่งเจาะบ่อบาดาลทั้งจังหวัด
นายสุเทพ รื่นถวิล หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดนครราชสีมา เปิดเผยถึงสถานการณ์ภัยแล้งในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา ทั้ง 32 อำเภอว่า ทางจังหวัดนครราชสีมาได้ประกาศให้เป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติแล้งแล้วทั้งสิ้น 10 อำเภอ ชาวบ้านเดือดร้อนกว่า 62 ตำบล 659 หมู่บ้าน รวมกว่า 57,000 ครัวเรือน พื้นที่ทางการเกษตรเสียหายกว่า 460,000 ไร่ โดยมีการดำเนินการในการจัดทำฝาย “ชาวโคราชร่วมใจสู้ภัยแล้ง” ในพื้นที่ 31 อำเภอ จากทั้งหมด 32 อำเภอ รวมทั้งสิ้น 170 แห่ง ส่วนการสูบน้ำจากแหล่งน้ำต่างๆ เข้าแหล่งกักเก็บที่ไว้ใช้ในการผลิตน้ำประปาและการอุปโภคบริโภคกว่า 37 ล้านลูกบาศก์เมตร
การแจกจ่ายน้ำอุปโภคบริโภคให้กับหมู่บ้านในพื้นที่ 7 อำเภอ ประกอบด้วย อำเภอคง โนนไทย ขามสะแกแสง วังน้ำเขียว ด่านขุนทด พระทองคำ และอำเภอสูงเนิน รวม 18 ตำบล 40 หมู่บ้าน ซึ่งเป็นพื้นที่ที่แหล่งน้ำผิวดินนั้นได้แห้งขอดจนไม่สามารถนำมาผลิตเป็นน้ำประปาได้ ทำให้ต้องมีการนำรถบรรทุกน้ำอุปโภคบริโภคออกแจกจ่ายประชาชนไปแล้วกว่า 45 ล้านลิตร อย่างไรก็ตาม ทางจังหวัดฯ ยังได้มีการจัดสรรงบยุทธศาสตร์จังหวัดในการดำเนินการขุดเจาะบ่อบาดาล จำนวนทั้งสิ้น 80 บ่อ ในพื้นที่ ทั้ง 32 อำเภอ ของจังหวัดนครราชสีมา ซึ่งคาดว่าไม่เกินสิ้นเดือนเมษายนก็จะสามารถนำน้ำจากบ่อบาดาลนำไปผลิตเป็นน้ำประปาของหมู่บ้านได้
...
"ทั้งนี้ ทาง ปภ. มีการประสานองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและกองทัพภาคที่ 2 และ ปภ.เขต 5 ในการจัดเตรียมรถบรรทุกน้ำอุปโภคบริโภคแจกจ่ายประชาชนในพื้นที่ที่มีความต้องการ ส่วนกรณีที่มีข่าวของการประปาส่วนภูมิภาคที่มีความเสี่ยงในการขาดแคลนน้ำประปานั้น นายวิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้มีการลงพื้นที่แก้ไขปัญหาดังกล่าวเรียบร้อยแล้ว โดยการเร่งสูบน้ำจากแหล่งน้ำอื่นๆ เข้ากักเก็บในแหล่งกักเก็บน้ำไว้ให้เพียงพอ ซึ่งคาดว่าสิ้นเดือนกรกฎาคมปริมาณน้ำที่จะนำมาผลิตเป็นน้ำประปานั้นมีเพียงพออย่างแน่นอน" นายสุเทพ กล่าว
สตูลเตรียมประกาศภัยพิบัติภัยแล้ง โดยเฉพาะ อ.ละงู
นายศิลปะชัย เรือนสูง นายอำเภอละงู และนายนันทวัฒน์ เกตุรักษ์ เกษตรอำเภอละงู พร้อมเจ้าหน้าที่ลงสำรวจพื้นที่ ต.แหลมสน อ.ละงู เนื่องจากชาวบ้านที่ปลูกแตงโมและแตงไทย ทั้งหมด 5 หมู่บ้าน คือหมู่ที่ 1-5 เนื้อที่เพาะปลูกจำนวน 1170 ไร่ เริ่มได้รับผลกระทบเพราะขาดแคลนน้ำ แม้จะมีการขุดบ่อแต่ก็ไม่เพียงพอ เพราะน้ำซึมออกมาไม่ทัน เป็นเหตุให้ต้นที่ปลูกไว้เหี่ยวเฉา ประกอบกับปีนี้อากาศร้อนจัดกว่าทุกปี ทำให้พื้นดินไม่สามารถเก็บความชื้นได้
...
ทั้งนี้ นายวิเชียร กรุณกิจ อายุ 55 ปี ชาว อ.ละงู เจ้าของสวนผลไม้ซึ่งปลูกทุเรียน ลองกอง มังคุด และเลี้ยงปลาดุก 3 บ่อ ในเนื้อที่ 29 ไร่ พบว่าน้ำในสระน้ำใหญ่ที่ขุดลึกประมาณ 8 เมตร มีอยู่ 2 สระ เพื่อใช้น้ำไปหล่อเลี้ยงต้นไม้ผลได้เหือดแห้งเกือบหมด ต้นไม้ผลที่ปลูกเริ่มเหี่ยวเฉาเพราะขาดน้ำ และบางต้นได้ยืนต้นตาย ส่วนปลาดุกที่เลี้ยงในบ่อจำนวน 3 บ่อ ประมาณ 10,000 ตัว น้ำแห้งเกือบหมดบ่อ นับว่า ปีนี้แล้งที่สุดในรอบ 18 ปี
ด้าน นายศิลปะชัย กล่าวว่า สำหรับพื้นที่ อ.ละงู เกิดฝนทิ้งช่วงมาตั้งแต่ปลายเดือนธันวาคมที่ผ่านมา จนถึงขณะนี้เป็นเวลา 80 วันแล้ว ทำให้แหล่งน้ำธรรมชาติ และบ่อน้ำตื้นทำการเกษตรแห้งขอด ประกอบกับสภาพอากาศร้อนจัด ไม่มีความชื้นในอากาศทำให้พืชผลและไม้ผลไม้ยืนต้นเริ่มประสบภัยและแห้งตายบางส่วน เกษตรกรประสบภัยแล้งแล้วรวมทั้งสิ้น 4050 ราย ตนเองได้รวบรวมข้อมูลเพื่อรายงานต่อผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล ขอประกาศเป็นเขตภัยพิบัติภัยแล้งต่อไป
ชลประทาน อุบลฯ เตรียมสร้างสถานีสูบน้ำจากลำน้ำมูล
...
นายสุชาติ หาญชนะชัยกูล ผู้เชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมชลประทาน (ด้านการพัฒนาแหล่งน้ำ และจัดการน้ำในพื้นที่ลุ่มน้ำ) สำนักชลประทานที่ 7 เผยว่า สถานการณ์น้ำในจังหวัดอุบลราชธานี ขณะนี้ยังอยู่ในพื้นที่เฝ้าระวัง โดยมีปริมาณน้ำที่กักเก็บไว้ในเขื่อนสิรินธร มีปริมาณถึง 60% หรือ 343.24 ล้าน ลบ.ม. ถึงแม้ในปีที่ผ่านมาปริมาณน้ำฝนจะน้อยกว่าค่าเฉลี่ยก็ตาม ขณะที่เขื่อนปากมูลมีการปิดประตูระบายน้ำเขื่อนเพื่อกักเก็บน้ำและรักษาระดับน้ำไม่ให้ต่ำกว่า 106.5 ม.รทก. พร้อมกันนี้ทางชลประทานมีการวางแผนระยะยาวในการก่อสร้างสถานีสูบน้ำด้วยไฟฟ้าขนาดเล็ก (โครงการชลประทานปากมูล) จำนวน 61 สถานี เริ่มโครงการมาตั้งแต่ปี 2546 ปัจจุบันเหลือเพียงสถานีสูบน้ำบ้านแพ อ.สว่างวีระวงศ์ คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในปี 2559 โดยสถานีสูบน้ำเหล่าน้ีทำให้เกษตรกรที่ทำการเพาะปลูกในพื้นที่ริม 2 ฝั่งแม่น้ำมูล ในรัศมีไม่เกิน 3 กิโลเมตร สามารถนำน้ำไปใช้ในการเกษตรได้กว่า 97,000 ไร่
นอกจากนี้ สำนักงานชลประทานที่ 7 ยังมีแผนการพัฒนาก่อสร้างสถานีสูบน้ำขนาดกลาง ในปีงบประมาณ 2560 อีก 23 สถานี เพื่อสูบน้ำในแม่น้ำมูลมาให้เกษตรกรที่อยู่ห่างออกไปจากลำน้ำมูล 10-30 กิโลเมตร ได้มีน้ำใช้ทำการเกษตร หากแล้วเสร็จจะสามารถนำน้ำไปใช้เพื่อการเกษตรได้อีกกว่า 7 แสนไร่ เนื่องจากปัจจุบันเรายังใช้ประโยชน์จากน้ำในแม่น้ำมูลยังไม่เต็มที่ ปล่อยทิ้งไปกว่า 30,000 ล้าน ลบ.ม.ต่อปี คาดว่าหากสร้างแล้วเสร็จเกษตรกรจะสามารถทำการเกษตรในหน้าแล้งได้เพิ่มขึ้นอีกด้วย
สำหรับปัจจุบันมีเกษตรกรที่ใช้น้ำจากโครงการโดมน้อย เขื่อนสิรินธร ในการปลูกข้าวในฤดูแล้งมีพื้นที่ 1.2 แสนไร่ และปลูกพืชฤดูแล้ง อีก 976 ไร่ โดยน้ำที่ชลประทานกักเก็บไว้ในขณะนี้จะสามารถปล่อยให้ประชาชนได้ใช้อุปโภคได้จนสิ้นสุดหน้าแล้งนี้อย่างแน่นอน