สตม.ระดมกวาดล้างใหญ่อดีตคู่ชกบัวขาวโดนด้วย
ตม.ระดมกวาดล้างอาชญากรข้ามชาติหลบหนีเข้ามากบดานในเมืองไทย รวม 112 ราย มีอดีตคู่ชก “บัวขาว” เป็นหนุ่มอเมริกา วัย 23 ปี ถูกรวบอยู่เมืองไทยเกินกำหนด แถมมีคดีติดตัวทำร้ายร่างกายผู้อื่น และจับกุมหนุ่มใหญ่ชาวรัสเซียที่ร่วมกับแม่ยื่นเอกสารปลอมกู้เงินธนาคารได้เงินเผ่นหนีมา นอกจากนี้ ยังจับกุมมาเฟียเมืองน้ำหอม หัวหน้าแก๊งค้าโคเคน หลังหักหลังเรื่องผลประโยชน์ยานรก พยายามฆ่าผู้อื่น กักขังหน่วงเหนี่ยว และโจรกรรม ผู้ต้องหาทั้งหมดจะถูกส่งตัวดำเนินคดีและผลักดันกลับประเทศต่อไป
ตำรวจระดมกวาดล้างมาเฟียข้ามชาติเปิดเผยขึ้นที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 21 ธ.ค. พล.ต.ท.ณัฐธร เพราะสุนทร ผบช.สตม. แถลงผลกวาดล้างมาเฟียต่างชาติ ขบวนการอาชญากรข้ามชาติหรืออาชญากรต่างชาติที่หลบหนีคดี รวมทั้งชาวต่างชาติมีพฤติการณ์เป็นภัยต่อความมั่นคงที่หลบซ่อนตัวในประเทศไทย จับกุมผู้ต้องหาได้รวม 112 ราย
พล.ต.ท.ณัฐธรกล่าวว่า คดีแรก บ่ายวันที่ 14 ธ.ค. ฝ่ายสืบสวน ตม.จ.ชลบุรี จับกุมนายมาลิค นาอีม วัทสัน สมิท อายุ 23 ปี ชาวอเมริกัน นักมวยคู่ชกนายสมบัติ บัญชาเมฆ หรือ “บัวขาว” นักมวยไทยไฟท์ชื่อดัง ข้อหาเป็นบุคคลต่างด้าวเดินทางเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยอนุญาตสิ้นสุด จากการตรวจสอบในระบบบัญชีบุคคลเฝ้าดูพบว่า นายมาลิคเป็นบุคคลที่ศาลแขวงพระนครใต้ได้มีคำสั่งปล่อยตัวชั่วคราว เมื่อวันที่ 19 พ.ค. 53 มีเงื่อนไขห้ามเดินทางออกนอกราชอาณาจักรเว้นแต่ได้รับอนุญาตจากศาล เนื่องจากถูกดำเนินคดี ข้อหาทำร้ายร่างกายคนอื่นจนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายและจิตใจ ระหว่างที่พักอาศัยอยู่ในพัทยา จ.ชลบุรี ได้ชกมวยเป็นอาชีพและเคยขึ้นชกกับนักมวยไทยชื่อดังมาแล้ว โดยมาลิคมีรายการขึ้นชกอีกครั้งในช่วงปลายเดือนนี้ นำตัวส่ง พงส.สภ.เมืองพัทยา ดำเนินคดีตามกฎหมายและผลักดันกลับประเทศสหรัฐอเมริกา
...
คดีที่สอง เย็นวันที่ 17 ธ.ค. ฝ่ายสืบสวน ตม. จ.ชลบุรี จับกุมนายเย็ฟเกนีย์ กูบาเร็ฟ อายุ 37 ปี ชาวรัสเซีย ข้อหาเป็นบุคคลต่างด้าวเดินทางเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยอนุญาตสิ้นสุด สืบเนื่องจาก สทอ.รัสเซียประจำประเทศไทย แจ้งว่านายเย็ฟเกนีย์ เป็นบุคคลตามหมายจับของศาลแขวง Kirovski และตำรวจสากล ข้อหาฉ้อโกงและฟอกเงิน มีพฤติการณ์ร่วมกับมารดาตัวเอง แสดงเอกสารอันเป็นเท็จยื่นกู้เงิน ธนาคารแห่งหนึ่งในประเทศรัสเซีย ผู้ต้องหาได้รับเงินมา 18 ล้านรูเบิล คิดเป็นเงินไทยประมาณ 9.2 ล้านบาท ก่อนหลบหนีเข้ามากบดานที่ จ.ชลบุรี จากการตรวจสอบในระบบสารสนเทศ สตม. พบว่านายเย็ฟเกนีย์เป็นบุคคลตามระเบียบ S115368 มีพฤติการณ์เข้าลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 12 (7) พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2552 ตามคำสั่ง ผบก.สส. สตม. ลงวันที่ 6 ต.ค. 2558 ก่อนควบคุมตัวส่ง พงส.สภ.เมืองพัทยา ดำเนินคดีตามกฎหมาย
ผบช.สตม.กล่าวอีกว่า คดีต่อมาเจ้าหน้าที่ กก.1 บก.สส.สตม. จับกุมนายซัฟฟี่ ไกรบา อายุ 26 ปี ชาวฝรั่งเศส ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลเมืองดรากวินยอง ประเทศฝรั่งเศส ข้อหาพยายามฆ่าผู้อื่น กักขังหน่วงเหนี่ยวและโจรกรรม จับกุมได้ที่ริมถนนเจริญกรุง แขวงและเขตบางรัก กทม. โดยเมื่อวันที่ 7 ธ.ค. ที่ผ่านมา นายซัฟฟีพร้อมพวกรวม 3 คน ได้ร่วมกันกักขังหน่วงเหนี่ยว โจรกรรม พยายาม ฆ่าผู้อื่นและกระทำผิดในรูปแบบขององค์กรอาชญากรรม เนื่องจากมีความขัดแย้งกันในเรื่องของผลประโยชน์จากการลักลอบจำหน่ายยาเสพติด (โคเคน) หลังจากนั้นทั้ง 3 ราย ได้แยกย้ายกันหลบหนี โดยนายซัฟฟีได้หลบหนีไปยังประเทศสเปนและเดินทางต่อมายังประเทศไทย และไปกบดานอยู่กับเพื่อนชาวฝรั่งเศสที่ จ.ระยอง ต่อมาตำรวจฝรั่งเศสจับกุมตัวผู้ต้องหาร่วมแก๊งได้ 2 ราย ซัดทอดว่านายซัฟฟี เป็นตัวการใหญ่ จากการตรวจสอบพบว่านายซัฟฟีได้เดินทางเข้ามาเมื่อวันที่ 13 ธ.ค. ผ่านทางด่าน ตม.ทอ.สุวรรณภูมิ จึงเพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรและผลักดันกลับประเทศฝรั่งเศสต่อไป
คดีที่สี่ ฝ่ายสืบสวน ตม.จ.ภูเก็ต ร่วมกันจับกุมนายเวิร์นเนอร์ เอนริว แวนเดน โบรค อายุ 47 ปี ชาวเบลเยียม จากการตรวจสอบพบว่านายเวิร์นเนอร์ เข้ามาในประเทศไทยตั้งแต่วันที่ 20 ม.ค.2558 อยู่ได้ถึงวันที่ 18 ก.พ.2558 โดยอยู่เกินกำหนด 305 วัน แจ้งข้อหาเป็นบุคคลต่างด้าวเดินทางเข้ามาอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด นำตัวส่ง พงส.สภ.กะทู้ จ.ภูเก็ต ดำเนินคดีตามกฎหมายและผลักดันกลับประเทศเบลเยียม
คดีสุดท้ายเจ้าหน้าที่ บก.สส.สตม. ได้ระดมกวาดล้างบุคคลต่างด้าวที่อยู่ในราชอาณาจักรโดยผิดกฎหมาย จะดำเนินการระดมกวาดล้างจับกุมทุกวันที่ 19-25 ของทุกเดือน จับกุมได้รวม 108 ราย แบ่งเป็นคนต่างด้าวผิวสี คือ โซมาเลีย 8 ราย กินี 3 ราย ไนจีเรีย 3 ราย มาลีและไลบีเรียประเทศละ 2 ราย คนต่างด้าวเอเชียใต้ คือ ปากีสถาน 50 ราย อินเดีย 15 ราย บังกลาเทศและศรีลังกาประเทศละ 1 ราย เวียดนาม 3 ราย และอื่นๆอีก 22 ราย หลังจากนี้จะส่งผู้ต้องหาดำเนินคดีตามกฎหมายและผลักดันกลับประเทศต้นทางต่อไป