การเลือกตั้งครั้งใหญ่ในประเทศเมียนมา ที่เพิ่งผ่านพ้นไปอย่างราบรื่น ไม่ปรากฏเหตุการณ์ใดๆตามบริเวณชายแดนไทย–เมียนมา ถือเป็นนิมิตหมายที่ดี
กรมกิจการพลเรือนทหาร กองบัญชาการกองทัพไทย ได้นำคณะสื่อมวลชนเยี่ยมชมการปฏิบัติงาน “โครงการประชาสัมพันธ์สนับสนุนการจัดระเบียบชายแดนในพื้นที่ภาคเหนือ” เมื่อไม่นานมานี้
พล.ท.ชัยพฤกษ์ อัยยะภาคย์ เจ้ากรมกิจการพลเรือนทหารในฐานะหัวหน้าคณะฯ บอกว่า พล.อ.สมหมาย เกาฏีระ ผบ.ทหารสูงสุด อยากให้สื่อมวลชนได้รู้ถึงความเป็นอยู่ของหน่วยทหารตามแนวชายแดน เขาได้ปฏิบัติหน้าที่ปกป้องรักษาอธิปไตยของชาติอย่างไร เพื่อนำไปเผยแพร่สู่สาธารณะ
เป้าหมายแรกมุ่งหน้าขึ้นไปยัง ฐานปฏิบัติการดอยช้างมูบ ต.โป่งงาม อ.แม่สาย จ.เชียงราย ซึ่งเป็นที่ตั้งของ กองบังคับการกองร้อยทหารม้าที่ 2 หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารม้าที่ 2 ค่ายเม็งรายมหาราช ภายใต้การบังคับบัญชาขึ้นตรงกับกองทัพภาคที่ 3
ฐานที่มั่นตั้งอยู่บนความสูงจากระดับน้ำทะเล 1,485 เมตรบนแนวสันเขาเทือกเขาแดนลาว ซึ่งเป็นแนวชายแดนระหว่างประเทศไทยกับประเทศเมียนมา อยู่ห่างจากตัวเมืองเชียงราย 94 กิโลเมตร...มีเพียงรั้วไม้ไผ่สานขวางเป็นรั้วธรรมชาติเท่านั้น แน่นอนว่า ต่างฝ่ายต่างรู้ดีว่าเป็นพื้นที่ของใคร
“เสธ.นาม” พ.อ.จักเรศ ศิริพงศ์ เสนาธิการหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารม้าที่ 2 ชี้แจงว่า พื้นที่รับผิดชอบของหน่วย ไล่ตั้งแต่บ้านปูนะ ต.เทอดไทย อ.แม่ฟ้าหลวง ถึงบ้านห้วยน้ำริน ต.เวียงพางคำ อ.แม่สาย จ.เชียงราย ความยาวประมาณ 34 กิโลเมตร
ภูมิประเทศส่วนใหญ่เป็นดอยสูง อาทิ ดอยก่อเมือง ดอยช้างมูบ ดอยผู้เฒ่า ดอยนางนอน...ชาวบ้านส่วนใหญ่เป็นชาวไทยภูเขาเผ่าอาข่าร้อยละ 70...เผ่ามูเซอ ร้อยละ 30
...มีช่องทางธรรมชาติที่ลักลอบเข้า–ออก ได้แก่ ช่องปูนะ ช่องป่าซาง ช่องผาขาว ช่องบาลาหลวง ช่องนาแก และช่องสามปี
...
ฝั่งพม่าได้วางกำลังเผชิญหน้าไว้ 1 กองพัน และ 1 ฐานปฏิบัติการ รวมถึงกองกำลังชนกลุ่มน้อย กองทัพรัฐฉาน (SAA)...เป็นกำลังจากภาคเชียงตุง วางกำลังเอาไว้ถึง 7 ฐานปฏิบัติการ
“เสธ.นาม” บอกอีกว่า ภารกิจสำคัญที่หน่วยเหนือมอบหมายตาม 5 แผนงานคือ ป้องกันชายแดน...สกัดกั้นปราบปรามยาเสพติดตามแนวชายแดน...แรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย... รักษาความมั่นคงภายใน และรักษาความสงบเรียบร้อยภายใน
อีกภารกิจที่สำคัญก็คือ โครงการช่วยเหลือประชาชน โดยจัดเจ้าหน้าที่เสนารักษ์ หรือแพทย์ทหารประจำโรงพยาบาลค่ายเม็งรายมหาราช ออกตรวจสุขภาพ มอบยารักษาโรคให้กับประชาชนในพื้นที่...
ซึ่งชาวบ้านรู้จักกันดีจนเรียกติดปากว่า...“หมอเดินเท้า”
“โครงการหมอเดินเท้าถือว่าเป็นโครงการที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างยิ่ง เพราะเราเห็นว่าพี่น้องคนไทยซึ่งอาศัยอยู่บนดอยมีความลำบากในการเดินทางไปรักษาตัวในเมือง ไม่ว่าจะเป็นชาวไทยภูเขาเผ่าต่างๆที่เจ็บไข้ได้ป่วยมักประสบปัญหา ก็ได้หมอเดินเท้านี่แหละที่ตระเวนลงพื้นที่ไปรักษาและให้คำแนะนำถึงบ้านกันเลยทีเดียว”
“หมอท๊อป” ร.ท.ณษฐพจน์ นำผล นายแพทย์หนุ่มประจำ โรงพยาบาลค่ายเม็งรายมหาราช หมอเดินเท้าที่สมัครใจขึ้นมารักษาคนป่วยบนดอย ตั้งแต่เรียนจบแพทย์จากวิทยาลัยแพทย์พระมงกุฎฯ เล่าว่า อาสามาประจำในพื้นที่นี้ โดยรับภารกิจรักษาผู้ป่วย...คอยดูว่าหมู่บ้านไหนมีคนป่วยก็จะเข้ารักษา
“หมอเดินเท้า” ถือเป็นภารกิจสำคัญของแพทย์ทหารที่กองทัพใช้ได้ผลจากพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ในการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างทหารกับชาวบ้าน ทำให้ชาวบ้านรู้จักทหารมากขึ้น ไม่กลัวทหาร โดยใช้หมอเดินเท้าเข้าไปสร้างความสัมพันธ์อย่างใกล้ชิด
“ผมอยากจะบอกว่าทหารไม่ใช่ว่าจะเข้ามาตรวจค้นหรืออะไร แต่เรามีหน่วยแพทย์ที่เข้าไปรักษาได้ ซึ่งหลังจากประสบความสำเร็จในพื้นที่ภาคใต้แล้วจึงนำมาใช้ในพื้นที่นี้ ซึ่งเป็นพื้นที่ชายแดนทำให้ชาวบ้านรู้จักทหารมากขึ้น”
ปัญหาและอุปสรรค แน่นอนต้องมีบ้าง “หมอท๊อป” เล่าว่า เรื่องจริงคือบางครั้งหน่วยเองเลือกบ้านเป้าหมายคลาดเคลื่อน บางบ้านไม่ได้บาดเจ็บมากนักหรือลำบากจริงๆจนเราต้องเข้าไปช่วย แต่คนป่วยที่พบบ่อยๆในพื้นที่มักเป็นอัมพฤกษ์ อัมพาต ช่วยตัวเองไม่ได้ ต้องมีญาติคอยดูแล หรือโรคถุงลมโป่งพอง โรคปวดเมื่อย
ก็มีบ้าง
รวมถึงในเรื่องของความเชื่อภูตผี...ปีศาจ ซึ่งเป็นความเชื่อของชาวบ้านยังมีอยู่ เราก็เลยบอกไปว่าอาการป่วยมีไข้ธรรมดารักษาได้ ควรไปรักษาที่โรงพยาบาล หรือแม้กระทั่งบางโรคเอายาไปให้กินก็หายขาด ซึ่งหลังจากนั้นเขาก็อยากให้หมอเข้ามารักษาอีก ลบความเชื่อเดิมๆไปได้
“ผมอยากบอกว่า ประโยชน์ที่ได้รับจากการรักษาคือได้ชาวบ้านเป็นพวกเราดึงเขามาอยู่ฝ่ายเราให้ชอบทหาร...รักทหาร ถ้าไม่มีหมอทหารเข้าไปชาวบ้านอาจไม่ต้อนรับ เมื่อหมอเข้าไปฝ่ายข่าวทหารก็เข้าไปด้วย ก็สามารถหาข่าวได้ เพราะในบางพื้นที่เราไม่สามารถเข้าไปได้”
ประสบการณ์ลงพื้นที่...รถกระบะที่ขึ้นไปบนดอยสูงๆ บางทีเข้าไม่ถึงก็ต้องลงเดินเท้ากันหลายกิโลฯ ภูมิประเทศไม่เอื้ออำนวย ดอยสูงชัน ทางเดินลื่น...ช่วงหน้าฝนไหนจะต้องหอบเครื่องมือแพทย์ แต่เราก็ไม่ละความพยายาม ต้องไปให้ถึงเป้าหมายให้ได้ เพราะในใจคิดอยู่เสมอว่าคนป่วยเขารอเราอยู่
“ผมไม่เคยท้อแม้แต่ครั้งเดียว อาจเป็นเพราะนึกถึงปณิธานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่พระองค์ทรงเป็นห่วงพสกนิกรของท่าน ถึงแม้จะลำบากเพียงใด พระองค์ยังเดินเท้าไปพบพสกนิกรได้ แล้วผมเป็นเพียงหมอคนหนึ่งที่มีความรู้ทางแพทย์สามารถรักษาชาวบ้านได้ จึงน้อมนำปณิธานของพระองค์มาใช้มาประพฤติปฏิบัติจนทุกวันนี้”
...
ขณะที่ “น้องนุ๊ก” ร.ท.หญิง ดังหทัย หาญนภา พยาบาลสาวจากค่ายเม็งรายฯ เป็นคนจังหวัดพะเยา เสริมว่า ตั้งแต่เรียนจบพยาบาลจากวิทยาลัยพยาบาลพระมงกุฎฯ ได้บรรจุลงพื้นที่นี้มาแล้วปีกว่า...
โดยร่วมทีมกับ “หมอท๊อป” มาตลอด ปัญหาที่พบบ่อยคือ การสื่อสาร ผู้ป่วยบางรายพูดภาษาไทยไม่ได้ อ่านไม่ได้ เวลาเอายา ไปให้เขาก็ไม่รู้ ต้องหาวิธีแก้ปัญหา...
“สื่อสารกับญาติผู้ป่วยที่รู้ภาษาไทยหรือภาษาท้องถิ่น ที่เราพูดได้เพื่อให้ยาผู้ป่วยอย่างถูกต้อง หรืออาจเขียนเป็นภาษาของเขาเองเพื่อให้เข้าใจได้ง่าย”
ตลอดระยะเวลาที่เป็นพยาบาลเดินเท้าร่วมรักษาผู้ป่วย รู้สึกภาคภูมิใจมากที่ได้เข้ามาช่วยเหลือพี่น้องประชาชน...ผู้ป่วยที่ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ในเมื่อเรามีกำลังเข้ามาช่วยเขาแล้ว เห็นเขาอาการดีขึ้น หายจากโรคต่างๆทำให้รู้สึกว่า...เราเป็นส่วนหนึ่งในการรักษาชีวิตคนคนหนึ่งได้
ภารกิจ “หมอทหาร...หมอเดินเท้า” เป็นความภาคภูมิใจที่ยิ่งใหญ่.