4หนุ่มนักท่องเที่ยวจากแคนาดา สวีเดน และเยอรมัน มาเที่ยวเชียงใหม่ตั้งก๊วนดวดเหล้าไทยหน้าเซเว่นฯ จนเมาเพี้ยน บุกพังร้านขายผลไม้ คนขับรถสองแถวแดงผ่านมาเจอ จอดห้าม โดนไล่จับซ้อมจนสะบักสะบอม ตร.ตามจับตัวมาได้ อ้างเมาไม่รู้เรื่อง...

เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 8 พ.ย.58 พ.ต.ท.นิติพันธ์ สังขกร สว.สส.สภ.เมืองเชียงใหม่ พร้อมด้วย ร.ต.อ.ชัยพล ชัยชนะ ร.ต.ท.ธีรศักดิ์ ธัญธราดล รอง สว.สส. นำกำลังเข้าจับกุมตัว นายแอนดริว นิโคลัส อายุ 24 ปี ชาวแคนาดา นายเครส แอนด์ตัน ชาวสวีเดน นายนิค สวีดัท อายุ 22 ปี ชาวสวีเดน และนายดูร์เซฟ ปีเตอร์ ชาวเยอรมัน นำตัวมามอบให้ พ.ต.อ.ดำเนิน กันอ่อง พงส.ผทค. ดำเนินคดีใน 3 ข้อหา ร่วมกันบุกรุกเข้าไปในเคหสถานในเวลากลางคืน ร่วมกันทำให้เสียทรัพย์ และร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนได้รับบาดเจ็บ

ทั้งนี้ เมื่อเวลา 04.30 น. เช้ามืดที่ผ่านมา ได้มีชาวต่างชาติทั้ง 4 คน เข้าไปซื้อสุราจากร้านเซเว่นฯ หน้าตลาดสมเพชร มานั่งดื่มอยู่ริมถนนจนเมาได้ที่ ก็พากันเข้าไปพังร้านขายผลไม้ ของนายประภาส เผือกงาม อายุ 52 ปี เจ้าของร้านเจ๊เล็กผลไม้ ตั้งอยู่เลขที่ 181/1 ปากซอยถนนมูลเมืองซอย 6 ต.ศรีภูมิ อ.เมือง เชียงใหม่ เจ้าของร้านตื่นมาร้องความช่วยเหลือ พอดีทางนายเลิศนที ศรีวิชัย อายุ 29 ปี อยู่บ้านเลขที่ 6 หมู่ 6 ต.ช่อแล อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ คนขับรถสองแถวสีแดง ขับรถผ่านมาประสบเหตุจึงเข้าไปช่วยห้ามปรามชาวต่างชาติวัยรุ่นทั้ง 4 คน แต่ไม่เป็นผล กลับไล่ทำร้ายเจ้าของร้านและคนขับรถสองแถวต้องวิ่งหนีเข้าไปในซอย

...

อย่างไรก็ตาม แทนที่จะเลิกรา วัยรุ่นชาวต่างชาติทั้ง 4 คน กลับช่วยกันวิ่งไล่จับนายเลิศนที ล็อกเอาไว้แล้วรุมซ้อมจนสะบักสะบอม ก่อนที่จะหลบหนีไป ได้ทำกระเป๋าเป้สะพายสีดำตกไว้ 1 ใบ จนเจ้าหน้าที่ตำรวจไปตรวจในที่เกิดเหตุ พบพาสปอร์ตของ 1 ใน 4 วัยรุ่น ระบุชื่อของนายแอนดริว นิโคลัส อายุ 24 ปี ชาวแคนาดา อยู่ในกระเป๋าที่ตกอยู่ จึงตรวจสอบไปที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง พบว่าผู้ต้องหากลุ่มนี้พักอยู่ที่เกสต์เฮ้าส์ ย่านราชวิถี ซอย 2 ห่างจากที่เกิดเหตุประมาณ 500 เมตร เช้าวันนี้นี้จึงติดตามไปจับกุมตัวมาสอบสวน

ผู้ต้องหาทั้งหมดให้การ อ้างว่า ได้ซื้อสุราไทยจากร้านเซเว่นฯ ใกล้กับที่เกิดเหตุมานั่งดื่มจนเมามาก และครองสติไม่ได้ ไม่รู้ว่าได้ทำอะไรลงไปบ้าง จนมาถูกตำรวจจับกุมดังกล่าว จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน ได้ประสานผู้เสียหายทั้ง 2 ราย มาชี้ตัวได้อย่างถูกต้อง และจึงแจ้งข้อหา แล้วพาไปทำแผนชี้จุดเกิดเหตุ เพื่อประกอบในสำนวนคดีต่อไป.