เรื่องทหารพัวพันคดีม.112 นายกฯให้สอบถามผบ.ทบ. รมว.ยุติธรรมย้ำทำตามกม.
“บิ๊กตุ้ย” ลาออกจากตำรวจแล้ว “จักรทิพย์” ผบ.ตร.ยืนยัน พล.ต.อ.ประวุฒิ ถาวรศิริ ที่ปรึกษา (สบ 10) ได้ยื่นหนังสือลาออกจากข้าราชการตำรวจ เมื่อวันที่ 29 ต.ค. และได้อนุมัติการลาออกให้ เชื่อมีเจตนาเออร์ลี่รีไทร์มาก่อน ไม่เกี่ยวปมคดีแอบอ้างเบื้องสูง ส่วนงาน “ปั่นเพื่อพ่อ” ที่ พล.ต.อ.ประวุฒิ รับผิดชอบมอบหมายให้ “เดชณรงค์” โฆษก ตร.คนใหม่รับผิดชอบแทน รองโฆษก ตร.เผยอยู่ระหว่างการตรวจสอบ พล.ต. และ พ.อ. รวมทหารอีกครึ่งร้อยพัวพันหมิ่นสถาบันหรือไม่ และไม่ยืนยันว่ามีการโอนเงินจำนวน 20 ล้านบาท จาก พ.อ.ไปให้ผู้หญิงคนหนึ่งใน จ.เชียงใหม่ ทบ.ยัน ตร.ยังไม่มีประสานการออกหมายจับมีแค่การพาดพิง ด้าน “บิ๊กตู่” โยนถาม ผบ.ทบ.ทหารเอี่ยวคดี 112 ล่าสุด พล.ต.คดีพัวพัน มาตรา 112 ยื่นลาออกจากราชการ
กรณีตำรวจจับกุมนายสุริยัน สุจริตพลวงศ์ หรือ “หมอหยอง” นายจิรวงศ์ วัฒนเทวาศิลป์ หรือ “อาท ชัตเตอร์ มหาเทพ” คนสนิทหมอหยอง และ พ.ต.ต.ปรากรม วารุณประภา หรือ “สารวัตรเอี๊ยด” ผู้ต้องหาแอบอ้างเบื้องสูงเรียกรับผลประโยชน์ มีความผิดตามกฎหมายอาญา มาตรา 112 ร่วมกันกระทำความผิด 13 คดี พร้อมของกลางหลายรายการ ส่วนหนึ่งเป็นทรัพย์สินของ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ อดีต ผบช.ก. และเครือข่ายที่ถูกพบในที่พักของสารวัตรเอี๊ยด ผู้ต้องหาที่ได้ผูกคอตายระหว่างถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำชั่วคราวแขวงถนนนครไชยศรี (พัน.ร.มทบ.11) ต่อมาตำรวจจับกุมนายศุกร์โข ตามเสรี หรือเค บาร์โฮสต์ คนสนิทสารวัตรเอี๊ยด ผู้ต้องหาคดีอาวุธปืน คาดมีส่วนร่วมทำความผิดแอบอ้างเบื้องสูงด้วย อยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐาน ขณะที่ พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รรท.รอง ผบ.ตร. หัวหน้าชุดสอบสวน จ่อออกหมายจับเพิ่ม และยอมรับมีนายทหารยศ พล.ต.และ พ.อ. เกี่ยวข้องพัวพันและคนอื่นรวมอยู่ 40-50 นาย เป็นการซัดทอดกันไปมาหลักฐานยังไม่ชัดเจน ส่วนพี่สาวหมอหยองเตรียมหอบเอกสารการเงินชี้แจงกองปราบฯ โดยยังไร้เงา พล.ต.อ.ประวุฒิ ถาวรศิริ ที่ปรึกษา (สบ 10) เข้าทำงานหลังสิ้นสุดการลาพักผ่อน
...
ความคืบหน้าเกี่ยวกับเรื่องนี้ ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) วันที่ 4 พ.ย. พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. กล่าวว่า พล.ต.อ.ประวุฒิ ถาวรศิริ ที่ปรึกษา (สบ 10) ได้ยื่นหนังสือขอลาออกจากราชการ ผ่านกองทะเบียนพล สำนักงานกำลังพล ตร. ตั้งแต่วันที่ 29 พ.ย.ที่ผ่านมา โดยตนได้ลงนามอนุมัติให้ พล.ต.อ.ประวุฒิลาออกจากราชการ พร้อมส่งเรื่องกลับไปให้กองทะเบียนพลดำเนินการทางธุรการก่อนส่งเรื่องไปยังสำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรี เพื่อดำเนินการนำความกราบบังคมทูลฯ เพื่อทรงมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้พ้นจากตำแหน่ง เนื่องจาก พล.ต.อ.ประวุฒิเป็นข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ส่วนเรื่องเหตุผลที่ขอลาออกจากราชการตนจำไม่ได้เป็นรายละเอียดในเอกสารได้สอบถามกับ ผบก.ทพ. ยืนยันว่า พล.ต.อ.ประวุฒิมีความประสงค์จะขอลาออกจากราชการจริง ส่วน พล.ต.อ.ประวุฒิมายื่นหนังสือด้วยตนเองหรือไม่ไม่ทราบ
พล.ต.อ.จักรทิพย์กล่าวอีกว่า การลาออกจากราชการเป็นเรื่องส่วนบุคคล ตนมีอำนาจยับยั้งได้ภายใน 30 วัน ถ้าเห็นว่ามีประโยชน์กับทางราชการ อย่างกรณีนี้เจ้าตัวตั้งใจจะลาออก จะเออร์ลี่รีไทร์อยู่แล้ว หากผมเพิกเฉยจนครบ 30 วัน ก็ถือเป็นอนุญาตให้ลาออก ต้องขอโทษสื่อมวลชนด้วย ตนก็เพิ่งทราบเรื่อง มีสื่อมวลชนสอบถามผมเรื่องนี้ ตนไปตามเรื่องที่กองทะเบียนพลให้ก็ทราบว่า พล.ต.อ.ประวุฒิได้ยื่นขอลาออกจากราชการ อยู่ระหว่างขั้นตอนทางธุรการ ยอมรับว่าขั้นตอนต้องผ่านตน แต่ละวันต้องเซ็นเอกสารประมาณ 30 แฟ้ม ทำให้จำไม่ได้ ยืนยันว่า พล.ต.อ.ประวุฒิออกแน่นอน ตนเซ็นแล้ว
ผบ.ตร.กล่าวต่ออีกว่า การลาออกของ พล.ต.อ.ประวุฒิ ซึ่งรับผิดชอบงานด้านกิจการพิเศษ และเป็นหัวหน้างาน จะไม่กระทบต่องานที่รับผิดชอบโดยเฉพาะงานปั่นเพื่อพ่อ หรือ Bike for Dad เพราะแม้ว่า พล.ต.อ.ประวุฒิลาออกไป ก็ยังมีรองหัวหน้างานที่เคยทำงาน และเคยรับผิดชอบงานปั่นเพื่อแม่ หรือ Bike for Mom มาก่อน ทั้งนี้ ตนได้มอบหมายให้ พล.ต.อ.เดชณรงค์ สุทธิชาญบัญชา ที่ปรึกษา (สบ 10) รับผิดชอบแทน
ผู้สื่อข่าวถามว่าได้มีการพูดคุยกับ พล.ต.อ.ประวุฒิหรือไม่ พล.ต.อ.จักรทิพย์กล่าวว่า มีการหารือกันวันที่ท่านโทรศัพท์มาตอนเดินทางกลับจากต่างประเทศไม่ได้บอกอะไรมาก ท่านบอกว่าท่านส่งเรื่องไปแล้ว ผมก็ตกลง หลังจากนั้นไม่ได้มีการพูดคุยกันอีก โทรศัพท์ไปก็ไม่รับสาย ผู้สื่อข่าวถามว่า การลาออกของ พล.ต.อ.ประวุฒิช่วงที่มีกระแสข่าวเกี่ยวกับคดีหมิ่นสถาบันฯ มีนัยอะไรหรือไม่ พล.ต.อ.จักรทิพย์ กล่าวว่า ให้ถามท่านเอง ตนไม่ใช่ตัวท่าน ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า การลาออกของ พล.ต.อ.ประวุฒิเป็นเหตุผลส่วนตัว ไม่เกี่ยวข้องกับผู้ต้องหาคดีหมิ่นสถาบันฯ ใช่หรือไม่ พล.ต.อ.จักรทิพย์กล่าวว่า ไม่น่าจะเกี่ยวข้อง เพราะท่านอยากจะเออร์ลี่รีไทร์อยู่แล้ว
ผู้สื่อข่าวถามว่าตำแหน่งที่ปรึกษา (สบ 10) ของ พล.ต.อ.ประวุฒิจะต้องยุบไปเลยหรือไม่ พล.ต.อ.จักรทิพย์กล่าวว่า ต้องไปดูในรายละเอียดท้ายคำสั่งแต่งตั้งระบุว่าอย่างไร ตนจำไม่ได้ หากพูดไปเกรงว่าจะมีความคลาดเคลื่อน แต่ปกติตำแหน่งเฉพาะตัวจะต้องยุบไป หลังจากเจ้าตัวพ้นจากตำแหน่ง แต่กรณีนี้อาจจะสงวนไว้ก็ได้ ต้องไปดูในเงื่อนไขการกำหนดตำแหน่ง
พล.ต.ต.ปิยะพันธ์ ปิงเมือง รองโฆษก ตร. กล่าวถึงความคืบหน้าคดีหมิ่นสถาบันเบื้องสูง กรณีกระแสข่าวนายทหารยศ พ.อ.ที่เกี่ยวข้องกับคดีหมิ่นสถาบันฯ หลบหนีออกนอกประเทศ ว่า ตำรวจอยู่ระหว่างการตรวจสอบว่า มีนายทหารยศ พ.อ.และ พล.ต. ร่วมเกี่ยวข้องกับการกระทำผิดคดีหมิ่นสถาบันฯ ตามที่มีกระแสข่าวด้วยหรือไม่ ขณะนี้ยังไม่มีข้อมูลยืนยันว่าเดินทางไปที่ไหนอย่างไร อยู่ระหว่างการสืบสวนสอบสวน ขณะเดียวกันยังไม่ยืนยันกรณีมีการโอนเงินจำนวน 20 ล้านบาทจาก พ.อ.คนดังกล่าว ไปให้ผู้หญิงคนหนึ่งใน จ.เชียงใหม่
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่มีรายงานข่าวระบุมีทหารกว่า 50 นาย มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีหมิ่นสถาบันฯ พล.ต.ต.ปิยะพันธ์กล่าวว่า อยู่ระหว่างการสืบสวนสอบสวน ต้องมีการวิเคราะห์กันว่าคดีไปถึงไหน ว่ากันไปตามพยานหลักฐานและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีการเชิญนายทหารที่ถูกพาดพิงมาสอบปากคำ รวมทั้งไม่มีการประสานกองทัพในเรื่องนี้ ส่วนที่ถามว่านายทหารกว่า 50 นายที่ถูกพาดพิงมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีอย่างไร รองโฆษก ตร. กล่าวว่า ตรงนี้เป็นข้อมูลการสืบสวนสอบสวน ไม่สามารถเปิดเผยได้ อย่างไรก็ตามหากมีการเสนอศาลออกหมายจับสื่อมวลชนก็จะทราบเองว่าผู้ต้องหามีพฤติการณ์อย่างไร เพราะจะมีประกาศสืบจับ ข้อมูลทุกอย่างต้องเปิดเผย อย่างไรก็ตาม คาดว่าคณะพนักงานสอบสวนจะสามารถสรุปสำนวนคดี ได้ภายในสัปดาห์นี้ ขณะนี้เหลือเพียงการตรวจสอบทางนิติวิทยาศาสตร์อีกเพียงบางส่วนเท่านั้น
...
พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก กล่าวถึงกรณี พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รรท.รอง ผบ.ตร. ระบุว่ามีนายทหารยศ พล.ต.และ พ.อ.ประมาณ 40-50 นาย เกี่ยวข้องกับความผิดประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ว่าเรื่องดังกล่าวยังไม่มีข้อมูลจริงๆ
แหล่งข่าวนายทหารระดับสูงจากกองทัพบก เปิดเผยว่า ขณะนี้ยังเป็นเพียงข้อกล่าวหาพาดพิง ในส่วนของระบบทหารการพาดพิงยังไม่ถือว่าเป็นความผิด นอกจากจะมีการแจ้งข้อกล่าวหาให้กับเจ้าตัวทราบ โดยเฉพาะตำแหน่งที่ผู้ถูกพาดพิงอยู่ในตำแหน่งผู้ทรงคุณวุฒิขึ้นตรงกับสำนักงานเลขานุการกองทัพบก จะต้องมีเอกสารมายืนยันว่ากระทำความผิดเรื่องใด หรือจนกว่าเจ้าพนักงานจะนำหมายจับหรือหมายศาลมาแจ้งข้อกล่าวหาถึงจะเข้าสู่กระบวนการ สอบสวนของกองทัพ หากมีการแจ้งมาแล้วทางกองทัพบกก็ยินดีให้ความร่วมมือในกระบวนการสืบสวน
พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม กล่าวว่า กรณีมีทหารกว่าครึ่งร้อยเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีหมิ่นสถาบันเบื้องสูง ว่าไม่ทราบ หากมีนายทหารเข้าไปเกี่ยวข้องก็ต้องถูกดำเนินการตามกฎหมาย กรณีดังกล่าวจะทำให้ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ทหารหรือไม่ มันเป็นเรื่องของบุคคล เรื่องดังกล่าวไม่ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของกองทัพอยู่แล้ว ทุกอย่างมีระเบียบ มีกฎหมาย
ด้าน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวนายทหารยศ พล.ต.และ พ.อ.พัวพันกับคดีแอบอ้างสถาบัน มีความผิดตามกฎหมายอาญา มาตรา 112 ว่า กำลังดำเนินการสอบสวน ให้ไปถาม พล.อ.ธีรชัย นาควานิช ผบ.ทบ. ถ้าผิดก็สอบไป จากนั้นเดินเลี่ยงก้าวขึ้นรถทันที
ส่วนการดำเนินคดีกับกลุ่มผู้ต้องหาคดีหมิ่นสถาบันเบื้องสูง ก่อนหน้านี้ได้ถูกแจ้งข้อหาร่วมกันกระทำความผิด 13 คดี มีรายงานว่าตำรวจกำลังรวบรวมหลักฐาน ที่ต้องดำเนินคดีเพิ่มเติมอีกประมาณ 20 คดี ทั้งหมดอยู่ระหว่างการสอบปากคำกับผู้เสียหาย มีทั้งหน่วยงานราชการ และบริษัทเอกชนขนาดใหญ่ ที่ถูกกลุ่มผู้ต้องหาแอบอ้างชื่อสถาบัน เพื่อขอสนับสนุนเรื่องเงิน โดยอ้างว่าจะนำไปใช้ทำกิจกรรมสำคัญๆ มีทั้งกิจกรรมที่ผ่านมา และที่กำลังจะเกิดขึ้น
...
โดยนายทหารยศ พ.อ.เข้ามาเกี่ยวข้อง มีข่าวว่าหลบหนีออกนอกประเทศทางด้าน อ.แม่สอด จ.ตาก ตั้งแต่วันที่ 31 ต.ค.ที่ผ่านมา ขณะนี้เข้าไปอาศัยอยู่ที่เมืองเมียวดี ประเทศพม่า มีรายงานว่า พ.อ.รายนี้ได้ถอนเงินจากธนาคาร จำนวน 20 ล้านบาท ก่อนโอนไปเข้าบัญชีของผู้หญิงคนหนึ่งที่ จ.เชียงใหม่ เงินจำนวนดังกล่าวเพิ่งไปขอรับการสนับสนุนมาจากบริษัทเอกชนระดับใหญ่แห่งหนึ่ง อ้างว่าจะนำไปทำเสื้อยืดที่จะใช้ในกิจกรรมสำคัญที่กำลังจะเกิดขึ้น 1 แสนตัว เป็นเงิน 19.5 ล้านบาท และพบว่าก่อนหน้านี้ในกิจกรรมสำคัญที่ผ่านมา พ.อ.คนดังกล่าว ได้ไปขอรับเงินสนับสนุนค่าทำเสื้อ จากบริษัทต่างๆ 4 ล้านบาท โดยเสื้อดังกล่าวมีต้นทุนการผลิตอยู่ที่ตัวละ 140 บาท แต่กลุ่มผู้ต้องหาเสนอราคาไปถึงตัวละ 280 บาท
ขณะนี้ชุดพนักงานสอบสวนได้ขยายผลหลังสอบปากคำนายสุริยัน หรือหมอหยอง หลังมีการพาดพิงถึงนายทหารระดับสูง ปรากฏความเชื่อมโยงถึงนายทหารทั้งสองนาย พล.ต. และ พ.อ. อย่างไรก็ตามพบว่านายทหารทั้งสองนายมีความสนิทสนมกัน เนื่องจากเป็นนักเรียนเตรียมทหารรุ่นเดียวกัน (ตท.27) นอกจากนี้ ข้อมูลยังสอดคล้องจากคำให้การนายสุริยันว่า พล.ต.คนดังกล่าวเป็นผู้ที่ชักชวน พ.อ.ให้มาทำความรู้จักกับหมอหยอง ซึ่งนายสุริยันได้พาดพิงไปถึงนายทหารยศ พล.ต.และ พ.อ. ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์เรื่องเสื้อในกิจกรรมสำคัญ อยู่ระหว่างการเชิญตัวมาสอบปากคำว่ามีความเกี่ยวข้องตามที่นายสุริยันกล่าวอ้างหรือไม่ รวมทั้งอยู่ระหว่างการตรวจสอบเส้นทางการเงินของนายทหารทั้งสองนายรวมทั้งกลุ่มผู้ต้องหาว่ามีความเชื่อมโยงถึงกันหรือไม่ ล่าสุด มีข่าวแจ้งว่า พล.ต.คนดังกล่าวที่ถูกพาดพิงได้ยื่นหนังสือลาออกจากราชการไปยัง พล.อ.ธีรชัย นาควานิช ผบ.ทบ. เพื่อขออนุมัติการลาออกต่อไป โดยให้เหตุผลว่าจะออกไปประกอบธุรกิจส่วนตัว
...
มีรายงานอีกว่า ชุดสืบสวนพบเบาะแสสำคัญ คือภาพกล้องวงจรปิดบริเวณด้านหน้าพหลโยธินปาร์ค ซ.พหลโยธิน 14 แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กทม. ที่พักของนายสุริยัน หรือหมอหยอง พบว่าก่อนหน้าที่จะมีการจับกุมนายสุริยันได้มีนายตำรวจยศ พ.ต.อ.สองนายแวะเวียนเข้าไปที่อาคารดังกล่าว จากการสอบถามพยาน พบว่านายตำรวจทั้งสองนายแวะเวียนมาหานายสุริยันบ่อยครั้ง มีความเป็นไปได้ว่าอาจมีการส่งข่าวให้นายสุริยันรู้ตัวว่าจะถูกดำเนินคดี สำหรับพี่สาวของนายสุริยัน หรือหมอหยอง จะเดินทางเข้าให้ปากคำกับคณะพนักงานสอบสวนคดีหมิ่นเบื้องสูง ที่ บช.ก. วันที่ 5 พ.ย.นี้
ส่วนนายวิทยา สุริยะวงศ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยถึงความเป็นอยู่ของนายสุริยัน หรือหมอหยอง และนายจิรวงศ์ หรืออาท ชัตเตอร์ มหาเทพ คนสนิทหมอหยอง 2 ผู้ต้องหาในคดีผิดมาตรา 112 ที่ถูกคุมขังอยู่ภายในเรือนจำชั่วคราว แขวงถนนนครไชยศรี (พัน.ร.มทบ.11) ขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงานความผิดปกติ ส่วนนายศุกร์โข หรือเค บาร์โฮสต์ คนสนิทสารวัตรเอี๊ยด ผู้ต้องหามีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมายถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานครก็ยังไม่ได้รับรายงานความผิดปกติเช่นกัน