หนุ่มนักข่าวหอบหลักฐานเข้าแจ้งความตำรวจ ปอท.หลังถูกคู่กรณีที่รุมชกต่อยในซอยเสือใหญ่ โพสต์ข้อความหมิ่นประมาททางเฟซบุ๊ก เช่น "ผิดจรรยาบรรณในวิชาชีพ เบ่งข่มขู่จะปิดร้าน" ยันไม่เคยพูดข่มขู่ปิดร้าน พร้อมสู้คดีถึงที่สุด...
เมื่อวันที่ 4 พ.ย. เวลา 14.00 น. ที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับเทคโนโลยี (บก.ปอท.) ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ อาคาร บี ถนนแจ้งวัฒนะ นายสุวัฒน์ ปัญจวงศ์ อายุ 31 ปี ผู้สื่อข่าวสังกัดหนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ประจำศาลยุติธรรม ได้เดินทางเข้าแจ้งความต่อ ร้อยตำรวจโท อาคม จำปามูล พนักงานสอบสวน กก.3 บก.ปอท. หลังถูกโพสต์หมิ่นประมาททางเฟซบุ๊กและทางโซเชียลมีเดีย
ผู้สื่อข่าวคนดังกล่าว กล่าวต่อว่า หลังมีเรื่องกับกลุ่มชายฉกรรจ์และถูกรุมทำร้ายร่างกายจนได้รับบาดเจ็บสาหัส บริเวณหน้าร้านอาหารแห่งหนึ่งภายในซอยด้านหลังมหาวิทยาลัยราชภัฏจันทรเกษม ย่านรัชดาภิเษก ตนพบว่าคู่กรณีได้โพสต์ข้อความมีเนื้อหาลักษณะหมิ่นประมาท เช่นข้อความว่า "ผิดจรรยาบรรณในวิชาชีพ เบ่งข่มขู่จะปิดร้าน" ซึ่งข้อเท็จจริงไม่ได้เป็นอย่างที่คู่กรณีกล่าวอ้าง จึงได้ตัดสินใจเข้าแจ้งความในวันนี้ ในความผิดฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณาและนำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จในระบบคอมพิวเตอร์
นายสุวัฒน์ ระบุอีกว่า วันนี้จึงใช้สิทธิตามกฎหมาย ได้นำหลักฐานเป็นภาพข้อความหมิ่นประมาทและแผ่นซีดีที่คู่กรณีให้สัมภาษณ์สื่อโซเชียลมีเดียในลักษณะตนไปกลั่นแกล้ง มามอบให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย เพราะเชื่อว่าการกระทำของคู่กรณีมีลักษณะหมิ่นประมาทตน และเป็นการนำเข้าข้อมูลสู่ระบบคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ หวังว่าคู่กรณีจะหยุดการกระทำดังกล่าว
"ส่วนความคืบหน้าของคดีทำร้ายร่างกายนั้น จากการสอบถามตำรวจเจ้าของสำนวนคดีทราบว่า อยู่ระหว่างสอบปากคำพยานและรวบรวมพยานหลักฐาน โดยคาดว่าภายใน 1-2 วันนี้ จะสามารถส่งให้อัยการดำเนินการสั่งฟ้องได้ตามกฎหมาย และเชื่อหลักฐานจากกล้องวงจรปิด จะสามารถพิสูจน์ข้อเท็จเอาผิดกับคู่กรณีได้" นายสุวัฒน์ กล่าว
...
ด้าน ร.ต.ท.อาคม จำปามูล พนักงานสอบสวน กก.3 บก.ปอท. กล่าวว่า จากนี้จะทำการสอบสวนและรวบรวมพยานหลักฐานดำเนินคดี แต่หากเนื้อหาคดีมีความเกี่ยวเนื่องกับของ สน.พหลโยธิน เจ้าของพื้นที่เกิดเหตุก็จะรวบรวมประสานส่งข้อมูลให้อีกครั้ง ส่วนเรื่องความผิดเกี่ยวกับระบบคอมพิวเตอร์ตำรวจจะเร่งสอบสวนและดูว่ามีพฤติกรรมเข้าข่ายความผิดหรือไม่ ซึ่งตำรวจจะดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.