ตร.เชียงใหม่ ตามจับแก๊งสกิมเมอร์ชาวยูเครน 2 ราย ขณะตระเวนใช้บัตรเอทีเอ็มก๊อบปี้ข้อมูลจากต่างประเทศ ไปกดเงินจากตู้เอทีเอ็มทั่วเมืองเชียงใหม่ พบของกลางและอุปกรณ์ทำบัตรปลอม ทั้งเงินสด บัตรเอทีเอ็ม โน้ตบุ๊ก...

เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 2 พ.ย.58 ที่ห้องประชุม สภ.เมืองเชียงใหม่ พ.ต.อ.วีระยุทธ ประสพโชคชัย ผกก.สภ.เมืองเชียงใหม่ พ.ต.อ.ดำเนิน กันอ่อง พงส.ผทค. พ.ต.ท.นิติพันธ์ สังขกร สว.สส.ฯ กับพวกร่วมกันจับกุมตัวผู้ต้องหาคือ 1. MR.YEVHEN HRYTSENKO อายุ 27 ปี สัญชาติยูเครน และ 2. MR.IURII KOROBCHENKO อายุ 31 ปี สัญชาติยูเครน

พร้อมด้วยของกลางประกอบด้วยของกลางที่ตรวจยึดได้จากผู้ต้องหาที่ 1 คือ กระเป๋าเดินทางสีดำ ยี่ห้อ decent จำนวน 1 ใบ เน็ตบุ๊ก สีดำ ยี่ห้อ Lenovo จำนวน 1 เครื่อง เครื่องสำหรับสแกนการ์ด สีดำ จำนวน 1 เครื่อง บัตรเอทีเอ็ม จำนวน 138 ใบ แอลกอฮอล์ จำนวน 100 แผ่น (สำหรับใช้เช็ดแผ่นเอทีเอ็มปลอม) หนังยางคละสี จำนวน 50 เส้น สมุดบันทึกสีน้ำเงิน จำนวน 1 เล่ม ธนบัตรรัฐบาลไทยฉบับละ 1,000 บาท จำนวน 100,000 บาท ตั๋วเครื่องบินระบุชื่อ นาย YEVH จากสุวรรณภูมิ มาเชียงใหม่ เลขที่นั่ง 48J ส่วนของกลางที่ยึดได้จากผู้ต้องหาที่ 2 มีตั๋วเครื่องบินระบุชื่อ นาย KOROBCHENKO จากสุวรรณภูมิ มาเชียงใหม่ เลขที่นั่ง 48H นำตัวมาแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน

พ.ต.อ.วีระยุทธ เผยว่า ก่อนจับกุม ชุดสืบสวน สภ.เมืองเชียงใหม่ ได้รับแจ้งจากตำรวจ บก.สส.ภ 5 ให้ติดตามผู้ต้องสงสัยชาวต่างชาติที่ไปเบิกถอนเงินที่ตู้เอทีเอ็ม ธ.กรุงศรีฯ สาขาช้างคลาน เมื่อวันที่ 27 ต.ค. 58 เวลาประมาณ 22.00 น. พร้อมกับส่งรูปภาพชายชาวต่างชาติให้เป็นหลักฐาน จากนั้นชุดสืบสวนได้ติดตามผู้ต้องหาคนที่ 1 ไป ก่อนแสดงตัวเข้าตรวจค้น พบของกลางดังกล่าว

...

ส่วนผู้ต้องหาที่ 2 ได้ขับขี่รถจักรยานยนต์ไปที่โรงแรม ถ.ช่างเคี่ยน ต.ช้างเผือก อ.เมือง จ.เชียงใหม่ และเข้าไปที่ห้อง 401 จากนั้นได้ออกมา จึงได้นำตัวมาสอบสวนที่ สภ.เมืองเชียงใหม่ และนำตัวส่งให้ พ.ต.อ.ดำเนิน กันอ่อง พงส. ผทค. ดำเนินคดี โดยกล่าวหาว่า ร่วมกันใช้หรือมีไว้เพื่อใช้ซึ่งสิ่งใดๆ (บัตรอิเล็กทรอนิกส์ปลอม) อันได้มาโดยรู้ว่าเป็นของที่ทำปลอมหรือแปลงขึ้น และเป็นการกระทำกับบัตรอิเล็กทรอนิกส์ที่ผู้ออกให้ออกให้แก่ผู้มีสิทธิ์ใช้เพื่อประโยชน์ในการชำระค่าสินค้า บริการ หรือหนี้อื่น แทนการชำระด้วยเงินสด หรือใช้เบิกถอนเงินสด ในชั้นการจับกุม ผู้ต้องหาทั้งสองคนให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา

พ.ต.อ.วีระยุทธ กล่าวอีกว่า จากการที่ตำรวจได้ประสานไปยังนายศิริชัย สถิตชัยไพศาล ผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายบริหารความเสี่ยงด้านปฏิบัติการและการจัดการการทุจริต ธนาคารกสิกรไทย สำนักงานใหญ่ กรุงเทพฯ ได้ตรวจสอบบัตรเอทีเอ็มปลอมที่ยึดได้ ปรากฏว่าบัตรที่ยึดได้นั้น ได้ใช้กดเงินสดจากบัญชีธนาคารต่างๆ หลายธนาคาร พบว่าได้ก๊อบข้อมูลบัตรมาจากธนาคารในต่างประเทศ (ยุโรป) ทั้งหมด มูลค่าของเงินที่ถูกกดไป มูลค่าความเสียหายน่าจะอยู่ในราว 10 ล้านบาท และการขยายผลยังไม่คืบหน้ามากนัก เนื่องจากผู้ต้องหาพูดแต่ภาษารัสเซียและไม่ยอมให้ความร่วมมือเท่าที่ควร แต่ตำรวจเชื่อว่าจะทำเป็นขบวนการที่ลักลอบดูข้อมูลบัตรเครดิตมาจากธนาคารในต่างประเทศแล้วมาทำบัตรเอทีเอ็มปลอมมาตระเวนกดในประเทศไทยโดยเฉพาะตามเมืองท่องเที่ยว และจากการตรวจสอบในขณะนี้ยังไม่พบว่าข้อมูลบัตรที่คนร้ายนำมาใช้มีข้อมูลของธนาคารในประเทศไทยแต่อย่างใด ขอให้ประชาชนชาวไทยสบายใจได้.