ตั้งวงก๊งเหล้าคุยเรื่องการเมือง "เสื้อแดง-เสื้อเหลือง" ทั้งที่เพิ่งรู้จักกันได้ไม่นาน พอเมาได้ทีเกิดขัดคอผิดใจกัน จนฟิวส์ขาดฝ่ายเชียร์แดงลุกขึ้นเตะยอดหน้าฝ่ายถือเสื้อเหลืองไม่ยั้ง จนสลบเหมือดคาแข้งนอนจมกองเลือดอาการปางตาย...

เมื่อวันที่ 1 พ.ย.2558 พ.ต.ท.สมเกียรติ เทียบศรไชย พงส.สภ.ทุ่งใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช รับแจ้งมีเหตุทำร้ายร่างกายมีผู้ได้รับบาดเจ็บอาการสาหัส เหตุเกิดที่บ้านเลขที่ 472 หมู่ 5 บ้านป่าคลองกรุงหยัน ต.กรุงหยัน หลังรับแจ้งจึงรุดไปสอบสวนพร้อมด้วยมูลนิธิใต้เต็กตึ๊งทุ่งใหญ่ ที่เกิดเหตุเป็นบ้านปูนชั้นเดียวภายในบ้านพบขวดเหล้าขาว แก้วเหล้า และเศษบุหรีของใบจากกระจายเกลื่อนพื้นห้อง นอกจากนี้ยังกองเลือดหยดเป็นทางหลายจุด ส่วนคนเจ็บมูลนิธิใต้เต็กตึ๊งช่วยกันนำส่ง รพ.ทุ่งใหญ่ ทราบชื่อคือนายสุวิทย์ หรือแบน สุดประเสริฐ อายุ 31 ปี ชาวบ้าน ต.กรุงหยัน อ.ทุ่งใหญ่ ที่ใบให้มีบาดแผลปูดบวมเขียวช้ำ ตาทั้งสองข้างบวมช้ำจนปิดสนิท ปากเจ่อ มีคราบเลือดติดตามใบหน้าและร่างกาย แพทย์ต้องรีบนำเข้าห้องเอ็กซ์เรย์ เพื่อตรวจดูว่าสมองได้รับความกระทบกระเทือนอย่างรุนแรงหรือไม่ ก่อนจะช่วยกันปฐมพยาบาลในเบื้องต้นแล้วส่งไปรักษาต่อยัง รพ.ทุ่งสง เนื่องจากอาการสาหัส

สอบสวนนายสุริยัน หนูเพชร หรือ บอล อายุ 33 ปี เจ้าของบ้านที่เกิดเหตุและพยายที่อยู่ในเหตุการณ์ที่ยังอยู่ในอาการมึนเมาให้การว่า ตอนเที่ยงหลังจากกรีดยางเสร็จก็ได้ชวนนายสุวิทย์ เพื่อนบ้านที่รู้จักกันมานานตั้งวงก้งเหล้าขาวกัน จากนั้นไม่นานก็มีนายวิรัตน์ อุปธาน อายุ 36 ปี เพื่อนที่เพิ่งจะรู้จักกันได้ไม่นานเดินมาหา จึงชวนให้เข้ามานั่งดื่มด้วยกัน พร้อมกับเปิดทีวีช่อง 7 สีดูมวยไทยชกกัน ระหว่างนั้นนายสุวิทย์ ก็ได้พูดคุยเรื่องการเมืองขึ้นมาแทรกสลับกับการดูมวยไปด้วย ส่วนนายวิรัตน์ก็ใช่ย่อยหลังเหล้าเข้าปากเกิดอาการมึนเมา ได้ทีก็คุยทับกันไปมา โดยนายวิรัตน์ ถือเสื้อแดง ส่วนนายสุวิทย์ถือหางฝ่ายเสื้อเหลือง เถียงกันไปมา

จนกระทั่งนายวิรัตน์ ฉุนฟิวส์ขาดหลังถูกนายสุวิทย์พูดจาดูถูกฝ่ายเสื้อแดงที่ตนถือหาง ไม่พูดพร่ำทำเพลงลุกจากที่นั่งเดินเข้ามาเตะนายสุวิทย์ชนิดไม่ยั้งเท้าไปหลายที ทำให้นายสุริยันเจ้าบ้านต้องเข้ามาห้าม แต่นายวิรัตน์ด้วยความเมาสุดที่จะควบคุมอารมณ์ไว้ไม่อยู่ยังตรงเข้ามาใช้เท้าเตะไปที่ใบหน้าของนายสุวิทย์อีกชุดใหญ่ นายสุวิทย์ถึงกับร่างทรุดลงไปนอนกองกับพื้นสลบเหมือดคาเท้านอนคว่ำหน้าจมกองเลือด

...

หลังก่อเหตุนายวิรัตน์ก็ได้วิ่งหลบหนีไป ส่วนนายสุวิทย์มูลนิธิฯช่วยกันนำส่ง รพ.ทุ่งใหญ่ แพทย์เห็นว่าอาการสาหัสมากไม่สามารถพูดได้ จึงส่งไปรักษาต่อยัง รพ.ทุ่งสง หลังสอบสวนที่เกิด พ.ต.ท.สมเกียรติ ได้ลงบันทึกประจำวัน รับเป็นคดี โดยทางน.ส.พรทิพย์ สุดประเสริฐ พี่สาวของคนเจ็บก็ได้เดินทางมาแจ้งความดำเนินคดีเอาเรื่องให้ถึงที่สุด ในข้อหาพยายามฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ซึ่งเจ้าหน้าที่จะได้เร่งติดตามตังผู้กระทำความผิดมาลงโทษตามกฏหมายต่อไป.