สถิติเพิ่มขึ้นทุกปี ที่รพ.ศูนย์อุดรธานีคืนวันออกพรรษามีผู้บาดเจ็บถูกนำส่ง19ราย ตาย1 ที่เหลือมีทั้งตาบอด กะโหลกร้าว อัณฑะและอวัยวะเพศฉีกขาด หมอชี้ประทัดคือวัตถุระเบิด แม้ว่ารพ.จะตั้งรับเต็มที่ แต่ก็ไม่ควรจะเกิดความสูญเสียแบบนี้...
เมื่อวันที่28 ต.ค.58 ที่ตึกรวมเมตตา 1 โรงพยาบาลศูนย์อุดรธานี นพ.ณรงค์ ธาดาเดช รอง ผอ.ฝ่ายการแพทย์ รพ.ศูนย์อุดรธานี นพ.ศมภู นรานันท์ หัวหน้ากลุ่มงานศัลยกรรมออร์โธปิดิกส์ นางอรุณี มรกตพิทักษ์ หัวหน้างานพยาบาลศัลยกรรมออร์โธปิดิกส์ นางอุไรวรรณ พลซา หัวหน้าตึกรวมเมตตา 1 ร่วมแถลงข่าวสรุปผู้บาดเจ็บจากการเล่นประทัด ดอกไม้ไฟ พลุ ในเทศกาลออกพรรษา ถูกส่งมาจากโรงพยาบาลประจำอำเภอ จำนวน 19 ราย ตาย 1 สาหัส 5 นิ้วขาด ตาบอด อวัยวะเพศฉีกขาด
นพ.ณรงค์ เปิดเผยว่า เมื่อคืนนี้เป็นเทศกาลออกพรรษา มีเสียงประทัดดังสนั่น เช้าวันนี้จึงมาดูสถิติพบว่ามีผู้ป่วยจากโรงพยาบาลต่างอำเภอ ส่งมารักษาที่โรงพยาบาลศูนย์อุดรธานีรวม 19 ราย ผ่าตัด 17 ราย มีผู้เสียชีวิต 1 ราย จากอำเภอน้ำโสม เป็นชายอายุ 20 ปี เนื่องจากประดิษฐ์พลุเอง ด้วยการอัดดินปืนจำนวนมาก ลูกพลุที่อัดดินปืนระเบิดกระแทกศีรษะทำให้กะโหลกยุบ มีเลือดออกในสมอง สมองช้ำบวม ร่างกายไม่ตอบสมอง ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ เกิดภาวะสมองตาย ทางการแพทย์ถือว่าเสียชีวิตแล้ว
อีกราย เด็กชายอายุ 14 ปี จากอำเภอบ้านผือ ไปซื้อประทัดลูกบอล 180 ลูก ใส่กระเป๋าสะพาย กระเป๋าเปิดอ้า เศษไฟจากพลุกระเด็นตกใส่กระเป๋า ทำให้ประทัดระเบิด ใส่ท้อง มือ ตาได้รับบาดเจ็บ คาดว่าตาจะบอด
นอกจากนี้ยังมี เด็กชายอายุ 13 ปี จากอำเภอวังสามหมอ บาดเจ็บอวัยวะเพศฉีกขาด เพราะเอาดินปืนจากประทัดลูกบอลจำนวนมากใส่ท่อพีวีซี แล้วนั่งจุดกับพื้น แรงอัดทำให้ร่างกระเด็นไป 2 เมตร ศีรษะกระแทกพื้น กะโหลกศีรษะร้าว กระดูกเชิงกรานแตก อัณฑะและอวัยวะเพศฉีกขาด แพทย์กำลังผ่าตัดตกแต่งอวัยวะเพศ
...
ยังมีผู้บาดเจ็บนิ้วขาด 5 ราย บาดเจ็บที่ตา 2 ราย บาดเจ็บที่มือและนิ้ว 7 ราย บาดเจ็บที่ช่องท้องและหน้าอก 2 ราย บาดเจ็บที่แขนและขา 3 ราย ส่วนมากบาดเจ็บจากการเล่นประทัดลูกบอล 18 ราย พลุ 1 ราย ผู้บาดเจ็บอายุระหว่าง 1-10 ปี 2 ราย อายุ 11-15 ปี 7 ราย อายุระหว่าง 16-20 ปี 5 ราย อายุระหว่าง 26-30 ปี 3 ราย และอายุ 30 ปีขึ้นไป 3 ราย รวม 19 ราย
นพ.ณรงค์ กล่าวด้วยว่า ประทัดไม่ใช่แค่เสียงดังธรรมดา แต่ทางการแพทย์ถือว่าเป็นวัตถุระเบิด คงจะต้องอาศัยความร่วมมือ ห้ามนำมาจำหน่าย เพราะโรงพยาบาลรับผู้บาดเจ็บไม่ไหว แต่ละปีเข้ามารักษาเป็นจำนวนมาก เราจะต้องรอเทศกาลลอยกระทงอีก โรงพยาบาลเตรียมพร้อมเต็มที่ แต่การสูญเสียที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นทางเศรษฐกิจที่โรงพยาบาลจะต้องรักษาดูแล รวมถึงผู้บาดเจ็บที่ต้องสูญเสียอวัยวะ และบางรายถึงกับเสียชีวิต
"หลังจากนี้โรงพยาบาลจะรวบรวมข้อมูลนำเสนอผู้ว่าราชการจังหวัด ผู้ที่ดูแลเรื่องนี้โดยตรง ว่าประทัดคือวัตถุระเบิด เพราะมีความรุนแรงไม่ต่างจากวัตถุระเบิด ความรุนแรงทำให้สูญเสียอวัยวะ และเสียชีวิต ถ้าเป็นวัตถุระเบิด จะมีกฎหมายมาควบคุมห้ามจำหน่าย โรงพยาบาลตั้งรับทุกปี แต่ผู้บาดเจ็บก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทุกปี คนจำหน่ายก็จำหน่ายไปเรื่อยๆ ไม่มีมาตรการควบคุม ป้องกัน แก้ไข วอนทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมในการแก้ไขอย่างจริง หากไม่อยากให้มีผู้พิการ สูญเสีย เป็นเรื่องที่สามารถป้องกันได้" นพ.ณรงค์ กล่าวในที่สุด.