ระหว่างวันที่ 15–16 ต.ค.2558 “รายงานวันจันทร์” ได้ร่วมเดินทางไป กับคุณชัยวัฒน์ ทองคำคูณ รอง ผอ.สำนักงานนโยบายและแผนจราจรและขนส่ง (สนข.) กระทรวงคมนาคม ดูความก้าวหน้าโครงการศึกษาออกแบบ รถไฟทางคู่ขนาดทางมาตรฐาน (Standard Gauge) เชื่อมไทย–ลาว–จีน รองรับรถไฟความเร็วสูงในอนาคต สายกรุงเทพฯ–หนองคาย ระยะที่ 2 ช่วงนครราชสีมา–หนองคาย ซึ่งขณะนี้ผลการศึกษาคืบหน้าไปมากจะแล้วเสร็จเดือน พ.ย.2558 โดยตั้งเป้าจะก่อสร้างและเปิดบริการปี 2565
โครงการรถไฟรางคู่ขนาดทางมาตรฐาน (Standard Gauge) ขนาดความกว้างของราง 1.435 เมตร ระยะที่ 2 ช่วงนครราชสีมา-หนองคาย เริ่มต้น สถานีนครราชสีมา สิ้นสุดที่สถานีหนองคาย ระยะทาง 355 กม. ตัดผ่าน 4 จังหวัด ได้แก่ นครราชสีมา ขอนแก่น อุดรธานี และหนองคาย แนวเส้นทางจะขนาน ไปกับแนวเส้นทางรถไฟปัจจุบัน เพื่อลดผลกระทบการเวนคืนที่ดิน ออกแบบ เส้นทางให้เป็นแนวตรงมากขึ้น และเพิ่มรัศมีโค้งในบางบริเวณเพื่อรองรับ การเดินรถด้วยความเร็วสูงในอนาคต
โดยจะมีการพัฒนาพื้นที่โดยรอบสถานีต่างๆที่ตัดผ่าน มีสถานียกระดับ 5 สถานี ได้แก่ สถานีบัวใหญ่ สถานีบ้านไผ่ สถานีขอนแก่น สถานีอุดร และสถานีหนองคาย และมีสถานีสำคัญเพื่อเป็นย่านเก็บกองสินค้าและขนถ่ายสินค้า (Container Yard : CY) ที่ สถานีบ้านกระโดน จังหวัดนครราชสีมา และสถานีนาทา จังหวัดหนองคาย
...
โครงการนี้จะเป็นการเดินรถร่วมระหว่างรถไฟโดยสารกับขบวนสินค้า (Mixed Traffic) ใช้พลังงานไฟฟ้า ขบวนรถโดยสารความยาว 400 เมตร จุผู้โดยสารได้สูงสุด 1,000 คน/ขบวน ส่วนขบวนรถสินค้าความยาว สูงสุด 750 เมตร ขนสินค้าได้สูงสุด 105 TEU/ขบวน ความเร็วสูงสุด รถโดยสาร 200 กม./ชม.
ใช้เวลาเดินทางจากนครราชสีมา–หนองคาย 2.23 ชม. รถสินค้า 120 กม./ชม.ใช้เวลา 4.70 ชม. ค่าโดยสารเริ่มต้น 70 บาท บวกเพิ่ม กม.ละ 1.80 บาท ค่าระวางสินค้า 20 บาท/TEU/กม. มูลค่าการลงทุน ประมาณ 240,000 ล้านบาท ภายใต้ความร่วมมือระหว่างรัฐบาลไทย กับสาธารณรัฐประชาชนจีน
สำหรับสถานีหนองคาย ซึ่งเป็นสถานีปลายทางฝั่งไทย เชื่อมต่อสถานีท่านาแล้งของ สปป.ลาว เปิดให้บริการปี 2552 ภายในสถานีมีด่านตรวจคนเข้าเมือง และด่านศุลกากร ขณะนี้อยู่ระหว่างศึกษาพัฒนาเพิ่มศักยภาพการคมนาคมขนส่ง จากการเชื่อมโยงโครงข่ายระบบรางไทย-ลาว-จีน ขณะเดียวกันที่สถานีนาทา จังหวัดหนองคาย มีการศึกษาออกแบบพื้นที่โดยรอบสถานีประมาณ 890 ไร่ เพื่อเป็น CY ส่งเสริมศักยภาพการเป็นศูนย์กลางรวบรวมและกระจายสินค้าคอนเทนเนอร์ในรูปแบบ Multi model transportation hub ที่จะขนถ่าย สินค้าจากรถบรรทุกมาขึ้นตู้คอนเทนเนอร์ และขนย้ายสินค้าจากตู้คอนเทนเนอร์ สู่รถบรรทุก เพื่อรองรับความต้องการขนส่งสินค้าของภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน นอกจากนี้ จะพัฒนาเป็นด่านศุลกากร ศูนย์ซ่อมบำรุงรถจักร สำหรับขบวนสินค้า ย่านจอดรถไฟ และศูนย์ซ่อมบำรุงรถไฟโดยสาร อีกด้วย
กรมการขนส่งทางบกคาดการณ์ว่า ปี 2565 จะมีรถบรรทุกสินค้า เข้ามายังสถานีวันละ 240 เที่ยว ปีละ 87,000 เที่ยว ปี 2575 จะเพิ่มเป็น 620 เที่ยว หรือปีละ 226,300 เที่ยว การขนส่งสินค้าคอนเทนเนอร์ แบ่งเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่ การขนส่งสินค้านำเข้า–ส่งออกของจังหวัดหนองคายและใกล้เคียง การขนส่งสินค้าผ่านแดนของ สปป.ลาวประเทศ ที่สาม และการขนส่งสินค้านำเข้า–ส่งออกของจีนตะวันตก
ส่วนสถานีท่านาแล้ง สปป.ลาว เป็นสถานีแรกที่เชื่อมต่อจากไทย และมีแนวเส้นทางเชื่อมต่อไปยังประเทศที่ 3 ทั้งจีนและเวียดนาม ปัจจุบัน มีการเดินรถระหว่างสถานีหนองคาย-ท่านาแล้ง วันละ 4 เที่ยว ในอนาคต จะขยายเส้นทางไปสู่เวียงจันทน์ เพื่อเชื่อมต่อการคมนาคมระบบรางระหว่างไทย-สปป.ลาว
โครงการรถไฟความเร็วสูง ระยะที่ 2 ช่วงนครราชสีมา-หนองคาย เป็น ส่วนหนึ่งของเส้นทางหนองคาย-นครราชสีมา-ท่าเรือมาบตาพุด ในอนาคตจะต่อเชื่อมกับ สปป.ลาว เวียงจันทน์ และเชื่อมรถไฟความเร็วสูงสายคุนหมิง- ลาว เมื่อโครงการแล้วเสร็จสมบูรณ์จะทำให้โครงข่ายการขนส่งสินค้าและประชาชน ระหว่างกรุงเทพฯ-ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ-ภาคตะวันออก โดยเพราะการขนส่งสินค้าจากจีน-สปป.ลาว และไทย ไปยังท่าเรือแหลมฉบัง มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ทำให้ไทยเป็นศูนย์กลางระบบโลจิสติกส์ในอาเซียน.