บุตรสาวผู้ป่วยโรคหัวใจ ได้รับผลกระทบจากการปิดถนน-ปิดล้อมโรงพักถลาง อ.ถลาง จ.ภูเก็ต เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับผู้ชุมนุม เชื่อมีส่วนทำให้ผู้เป็นพ่อจบชีวิต เนื่องจากถึงมือหมอช้า ยันจะดำเนินคดีกับผู้ที่ขัดขวาง และทุบรถให้ถึงที่สุด ...
จากกรณี รถโรงพยาบาลจังหวัดกระบี่ นำ นายเชียร ศรีชู อายุ 73 ปี ผู้ป่วยเส้นเลือดในหัวใจตีบส่งไปขยายเส้นเลือดที่ รพ.กรุงเทพภูเก็ต เมื่อช่วงกลางดึกวันที่ 11 ต.ค. ที่ผ่านมา แต่ระหว่างทางมีกลุ่มผู้ชุมนุมปิดถนนเทพกระษัตรี หน้า สภ.ถลาง อ.ถลาง จ.ภูเก็ต เพื่อชุมนุมเรียกร้องความเป็นธรรม หลังเกิดเหตุรถตำรวจชนกับรถจักรยานยนต์ของ 2 วัยรุ่น ขณะติดตามจับกุมยาเสพติด ภายใน ซ.น้ำตกโตนไทร ต.เทพกระษัตรี อ.ถลาง จ.ภูเก็ต เมื่อช่วงสายวันที่ 10 ต.ค. ที่ผ่านมา จนเป็นเหตุให้วัยรุ่นทั้ง 2 เสียชีวิต ที่หน้า สภ.ถลาง ทำให้รถพยาบาลต้องเปลี่ยนเส้นทางวิ่งอ้อม ส่งผลให้ นายเชียร เสียชีวิตในเวลาต่อมา
ล่าสุด เมื่อวันที่ 23 ต.ค. 58 นางนาฑยา ศรีอินทร์ อายุ 35 ปี บุตรสาวของ นายเชียร พร้อมด้วย นายบรรเจิด บุญอินทร์ สามี เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับกลุ่มผู้ชุมนุมดังกล่าว ต่อ พ.ต.ท.วัชรินทร์ จิรัฐติกาลวิวัฒน์ พนักงานสอบสวนชำนาญการ สภ.ท่าฉัตรไชย ในฐานะพนักงานสอบสวนที่ถูกแต่งตั้งจาก ผบก.ภ.จว.ภูเก็ต รับผิดชอบการสอบสวนคดี ปิดถนน-ปิดล้อม สภ.ถลาง โดยได้สอบปากคำ นางนาฑยา ไว้เป็นหลักฐาน เนื่องจากอยู่ในรถพยาบาลกับ นายเชียร ผู้เป็นพ่อในวันเกิดเหตุ ได้มีการจำลองสถานการณ์ในวันเกิดเหตุที่บริเวณแยกบ้านเคียน ถ.เทพกระษัตรี ต.เทพกระษัตรี อ.ถลาง ซึ่งเป็นจุดที่ถูกกลุ่มผู้ชุมนุมปิดถนน
นางนาฑยา กล่าวว่า ในวันเกิดเหตุตนเองได้พาพ่อไปพบแพทย์ที่ รพ.กระบี่ หลังมีอาการเหนื่อยง่าย แพทย์วินิจฉัยว่าน่าจะเกิดจากหลอดเลือดหัวใจตีบ จึงต้องส่งตัวมารักษาที่ รพ.กรุงเทพภูเก็ต จากนั้นตนจึงนั่งรถพยาบาลมาพร้อมกับพ่อ และมาถึงจุดที่มีการปิดถนน ในเวลาประมาณ 02.00 น. วันที่ 11 ต.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งก่อนถึงจุดดังกล่าวประมาณ 5 นาที บิดาได้เกิดอาการช็อก พยาบาลได้ปั๊มหัวใจ โดยเจ้าหน้าที่แจ้งว่าต้องเข้าไปยังโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดคือ โรงพยาบาลถลาง ก่อน เพื่อทำการช่วยเหลือ จังหวะนั้นรถพยาบาลได้มาติดตรงจุดที่ปิดถนนพอดี คนขับรถได้พยายามให้ผู้ชุมนุมเปิดเส้นทาง เพราะมีผู้ป่วยอาการหนักต้องรีบนำส่งโรงพยาบาล แต่ผู้ชุมนุมไม่ยอม ทุบรถ จนรถพยาบาลต้องถอยออกมา และย้อนกลับทางเดิม กระทั่งมีรถฉุกเฉินไม่ทราบว่าเป็นหน่วยงานใดมานำทาง ใช้เวลาประมาณ 30 นาที เมื่อไปถึงแพทย์ต้องเร่งช่วยเหลือ แต่ก็ไม่ทัน พ่อของตนเสียชีวิตในเวลาต่อมา
...
“ตนเองทราบภายหลังว่า หากไม่มีการปิดถนน อาจใช้เวลาเดินทางจากจุดดังกล่าวไปยัง รพ.ถลาง ไม่เกิน 5 นาที ซึ่งน่าจะช่วยเหลือชีวิตของพ่อไว้ได้ทัน ในวันนี้จึงเดินทางมาให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อต้องการให้ดำเนินคดีให้ถึงที่สุด และเอาผิดกับผู้ขัดขวางและทุบรถพยาบาล เพื่อเรียกร้องความเสียหายที่เกิดขึ้น ตนเองเสียใจมากที่ผู้ชุมนุมทำอย่างนี้ เพราะตามหลักแล้วต้องหลบให้กับรถฉุกเฉิน อยากฝากให้ผู้ที่กระทำการดังกล่าว ขณะที่ตนเองรอคอยความหวังที่จะส่งพ่อถึงมือแพทย์นั้น ถือเป็นนาทีชีวิต หากเป็นบุคคลในครอบครัวของเขาบ้าง เขาจะรู้สึกอย่างไร อยากให้คิดกันสักนิด” นางนาฑยา กล่าว
ด้าน พ.ต.ท.วัชรินทร์ กล่าวว่า ในส่วนของคดีนั้น ขณะนี้ยังไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหา เพราะจะต้องสอบปากคำบุตรสาวผู้เสียชีวิต และรวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมดก่อน เพื่อพิจารณาว่าเข้าลักษณะความผิด และข้อกล่าวหาใดบ้าง จึงจะสามารถตั้งข้อกล่าวหาได้