ตร.ชุด‘ปะฉะดะ’เมืองชุมพร ออกตรวจในพื้นที่หลังมีคำสั่งเลิกด่าน เจอพ่อค้ายาบ้าเดินอยู่ใต้สะพาน สารภาพ เป็นลูกน้องหนุ่มหม่อง เลยวางแผนจับลูกพี่ พูดไทยชัดแจ๋ว บอกเข้ามาอยู่4ปี เป็นกรรมกรบังหน้า แต่จริงๆคือพ่อค้ายาบ้า...
เมื่อวันที่ 21 ต.ค.2558 พ.ต.อ.ภคพล ทวิชศรี ผกก.สภ.เมืองชุมพร ได้สั่งการให้ตำรวจชุด “ปะฉะดะ” นำโดย พ.ต.ท.วัชระ เผือกจันทร์ สวป.สภ.เมืองชุมพร ร.ต.อ.ชนะภัย บุนนาค รอง สวป. ด.ต.กิตติศักดิ์ กุยุคำ ผบ.หมู่ พร้อมกำลังชุดปะฉะดะ ใช้ยุทธการออกตระเวนตรวจตราตามจุดเสี่ยง จุดอันตราย เพื่อป้องกันปัญหาอาชญากรรม และดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนในช่วงกลางคืน หลังสำนักงานตำรวจแห่งชาติมีคำสั่งยกเลิก ไม่ให้มีการตั้งด่านทั่วประเทศ
จนกระทั่งเวลา 22.00 น.กำลังชุดปะฉะดะได้ใช้รถยนต์สายตรวจ มาถึงบริเวณใต้สะพานคู่ขนาดแยกวัดประเดิม ถนนเมืองชุมพร ต.ตากแดด อ.เมือชุมพร พบบุคคลเป้าหมายต้องสงสัยที่มีพฤติกรรมค้ายาเสพติด เดินอยู่ท่าทางมีพิรุธ จึงเข้าตรวจค้น ทราบว่าชื่อ นายอาจณรงค์ เหมาศิริ อายุ 38 ปี ชาวบ้าน ต.ตากแดด อ.เมืองชุมพร ค้นในตัวพบยาบ้าใส่ซองพลาสติกอยู่ในกระเป๋ากางเกงจำนวน 10 เม็ด จึงควบคุมตัวไปสอบสวนขนายผล นายอาจณรงค์ให้การรับสารภาพว่าตนเองอาชีพเป็นกรรมกรรับจ้างขนของให้กับรถบรรทุกสินค้า และเป็นลูกน้องขายยาบ้าให้กับนายนาย ไม่มีนามสกุล อายุ 32 ปี สัญชาติเมียนมา โดยรับยาบ้าจากนายนาย มาขายให้กับกรรมการและแรงงานทั่วไป
จากนั้น ตำรวจจึงวางแผนให้นายอาจณรงค์โทรศัพท์ไปหานายนายหัวหน้าแก๊ง ว่ายาบ้าขายหมดแล้วและให้นำยาบ้าจำนวน 40 เม็ด มาส่งให้ที่ริมถนนหน้าโรงแรมชุมพรแกรนด์พาเลซ ห่างจากสะพานคู่ขนาดแยกวัดประเดิม ประมาณ 300 เมตร นายนายหลงกลนำยาบ้ามาส่งให้กับนายอาจณรงค์ตามนัดหมาย ตำรวจชุดปะฉะดะจึงได้เข้าจับกุมตัว พร้อมของกลางยาบ้า 40 เม็ด ก่อนจะควบตัวพาไปตรวจค้นที่บ้านเช่าเลขที่ 7/43 ถนนนวมินทร์ร่วมใจ(เลียบทางรถไฟ) เขตเทศบาลเมืองชุมพร ซึ่งเป็นบ้านเช่าของนายนาย พบยาบ้าใส่ถุงพลาสติกสีน้ำเงิน 4 ถุง มียาบ้าจำนวน 800 เม็ด ใส่อำพรางไว้ในกล่องนม วางอยู่ภายในห้อนอน พร้อมธนบัตรไทยและธนบัตรเมียนมาอีกจำนวนหนึ่ง เจ้าหน้าที่จึงตรวจยึดไว้เป็นของกลาง
...
จากการสอบสวนนายนายชาวเมียนมา แต่พูดไทยได้ชัดเจน ให้การว่า เข้ามาทำงานรับจ้างขนสินค้าอย่างถูกกฎหมายในตัวเมืองชุมพรนานกว่า 4 ปีแล้ว พร้อมลักลอบขายยาบ้าให้กับแรงงานชาติเดียวกันและแรงงานชาวไทย มีลูกน้องทั้งชาวเมียนมาและคนไทยเป็นคนเดินขาย แล้วนำเงินมาแบ่งกัน โดยยาบ้าทั้งหมดจะสั่งมาจากหญิงสาวชื่อ‘เจ้’ซึ่งเป็นคนกรุงเทพฯ นำมาส่งให้ตามจุดนัดหมาย ในราคาเม็ดละ 180 บาท และตนจะให้ลูกน้องทั้งคนไทยและพม่าไปขายต่อเม็ดละ 280 บาท ทำมานานกว่า 1 ปีแล้ว ซึ่งเจ้าหน้าที่จะได้สอบสวนขยายผลติดตามจับกุมเครือข่ายที่เหลือ มาดำเนินคดี ต่อไป.