อธิบดีอัยการคดีอาญาศาลกรุงเทพใต้ ระบุ อัยการเร่งดูประเด็นผู้ต้องหาร้องขอความเป็นธรรมคดีโอนหุ้นเสี่ยชูวงษ์ คู่สำนวนตำรวจ ย้ำหลักรอบคอบ เป็นธรรม ลุ้นสอบเพิ่มหรือไม่...

เมื่อวันที่ 16 ต.ค.58 นายสุทธิ กิตติศุภพร อธิบดีอัยการสำนักงานคดีอาญากรุงเทพใต้ กล่าวถึงความคืบหน้า การพิจารณาสำนวนคดีปลอมเอกสารสิทธิการโอนหุ้น 300 ล้านบาท นายชูวงษ์ หรือเสี่ยจืด แซ่ตั๊ง อายุ 50 ปี นักธุรกิจรับเหมาก่อสร้างรายใหญ่ ที่เสียชีวิตเมื่อช่วงเดือน มิ.ย.58 ว่า หลังจากที่ตน มีคำสั่งแต่งตั้งคณะทำงานพิจารณาสำนวนแล้ว ขณะนี้กลุ่มผู้ต้องหา ได้ยื่นหนังสือร้องขอเป็นธรรม เพื่อขอให้สอบสวนพยานเพิ่มเติม โดยคณะทำงานก็นำมาพิจารณาประกอบการตรวจดูสำนวนแล้ว หากเห็นว่าประเด็นที่ร้องมามีความจำเป็นที่ต้องสอบสวนเพิ่มก็จะดำเนินการต่อไป ซึ่งคณะทำงานอัยการ จะต้องพิจารณาทุกประเด็นในสำนวนการสอบสวนด้วยเช่นกันว่าครบถ้วนที่จะมีความเห็นสั่งคดีได้หรือไม่ หากยังไม่สมบูรณ์เพียงพอ คณะทำงานจะสรุปประเด็นเพื่อให้ดำเนินสอบสวนเพิ่มเติม

นายสุทธิ กล่าวอีกว่า หากมีความจำเป็นต้องสอบเพิ่มตามหนังสือร้องขอความเป็นธรรมจากผู้ต้องหา กับประเด็นที่จะต้องสอบเพิ่มในสำนวนการสอบสวนเพื่อให้สมบูรณ์ครบถ้วนด้วยนั้น อัยการจะรวบรวมแจ้งให้พนักงานสอบสวนดำเนินการไปในคราวเดียวทั้งหมดเพื่อให้เกิดความรวดเร็ว ไม่เกิดความชักช้าส่งแยกทีละประเด็นแต่อย่างไรก็ดี ขณะนี้ คณะทำงานอัยการ ยังไม่ได้สรุปรายงานว่ามีประเด็นต้องส่งให้พนักงานสอบสวนดำเนินการต่อหรือไม่ เพียงใด หากเรื่องที่ร้องขอความเป็นธรรม ไม่มีความจำเป็น ก็จะตัดทิ้งไป โดยอัยการกำลังดำเนินการทุกอย่างด้วยความรอบคอบ และเป็นธรรมทุกฝ่าย

...

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับผู้ต้องหาทั้ง 4 ราย ประกอบด้วย พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ อดีต รมว.พาณิชย์และอดีต ส.ส.นครสวรรค์ , น.ส.กัญฐณา ศิวาธนพล อดีตพริตตี้ , น.ส.อุรชา วชิรกุลฑล อาชีพโบรกเกอร์ และ น.ส.ศรีธรา พรหมา มารดาของ น.ส.อุรชา ได้รับการประกันตัวในชั้นฝากขังของศาลอาญากรุงเทพใต้ วงเงิน 3-5 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้ได้ครบกำหนดฝากขังครั้งสุดท้ายผัดที่ 4 รวม 48 วันแล้ว เมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา ดังนั้น เมื่ออัยการยังไม่ได้มีคำสั่งว่าจะฟ้อง หรือไม่ฟ้องภายในกำหนดฝากขัง ตามหลักการของกฎหมาย ผู้ต้องหาทั้งสี่ ก็ได้รับการปล่อยตัวโดยไม่มีการควบคุมตัวและไม่ถือว่าตัวผู้ต้องหาอยู่ในอำนาจของศาลเพราะพ้นระยะฝากขังตามกฎหมายแล้วซึ่งหากภายหลังอัยการมีคำสั่งคดีว่าให้ฟ้อง ก็จะแจ้งให้พนักงานสอบสวน ส่งตัวผู้ต้องหามาฟังผลสั่งคดีและดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป.