จากกรณีมีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาตินำภาพถ่าย สถานที่ก่อสร้างสนามบินเกาะพะงัน บริเวณภูเขาท้องนายปาน หมู่ 5 ต.บ้านใต้ อ.เกาะพะงัน จ.สุราษฎร์ธานี เนื้อที่กว่า 100 ไร่ มาเผยแพร่ทางสังคมออนไลน์จนมีกระแสวิพากษ์วิจารณ์ถึงความเหมาะสม เนื่องจาก สภาพพื้นที่บนยอดเขาถูกปรับไถจนเตียนโล่ง กระทั่ง ทางจังหวัดสั่งให้ตั้งกรรมการขึ้นมาตรวจสอบว่ามีการบุกรุกล้ำป่าอุทยานแห่งชาติธารเสด็จ-เกาะพะงัน หรือไม่นั้น เมื่อวันที่ 15 ต.ค. นายผดุงศักดิ์ อินทร์รักษ์ อายุ 48 ปี บุตรชายนางเชย อินทร์รักษ์ อายุ 86 ปี เจ้าของที่ ส.ค. 1 ซึ่งมีที่ดินอยู่ในเขตพื้นที่ก่อสร้าง สนามบิน เปิดเผยว่า ที่ดินผืนนี้มารดาใช้ทำกินมาหลายสิบปีแล้วโดยทำเป็นสวนมะพร้าว ในอดีตยัง ไม่มีการประกาศเป็นพื้นที่ป่า ต่อมา ปี 2497 สำนักงาน ที่ดินได้ออกเอกสารสิทธิ ส.ค. 1 ให้กับเจ้าของที่ดินบริเวณดังกล่าว โดยมารดาตนได้ออก ส.ค. 1 เนื้อที่ 22 ไร่ แต่เข้าทำกินจริง 55 ไร่ กระทั่งปี 2517 มีการ ประกาศให้เป็นพื้นที่ป่า ทำให้ที่ดินบางแปลงที่ยังไม่มี เอกสารสิทธิติดอยู่ในเขตป่า แต่ก็ยังเข้าทำกินตามปกติ
นายผดุงศักดิ์เปิดเผยว่า อยากให้คณะกรรมการ ตรวจสอบที่ทางจังหวัดตั้งขึ้นเชิญเจ้าของที่ดินทุกราย มาให้ข้อมูลจะมาอ้างว่าไม่มีข้อมูลในสารบบไม่ได้ นับแต่ตั้งกรรมการขึ้นมาตรวจสอบเจ้าของที่ดินยังไม่เคยได้ให้การใดๆกับคณะกรรมการเลย การซื้อขายที่ดินของบริษัทสายการบินนั้น ก็ทำอย่างถูกต้อง อย่างไรก็ตาม หากการก่อสร้างมีปัญหาตนก็อาจ จะไม่ขายที่ดินให้ ก่อนหน้านี้ได้ยื่นเรื่องขอออกเอกสารสิทธิ ส.ค. 1 เป็น น.ส. 3 ก ตั้งแต่ปี 2553 ก่อนจะมี โครงการก่อสร้างสนามบิน ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่ สนง.ที่ดินจังหวัดสุราษฎร์ธานี สาขาเกาะสมุยส่วนแยก เกาะพะงัน ชี้แจงว่าข้อมูลการออกเอกสารสิทธินั้นไม่ได้ หายไปจากสารบบ แต่ในส่วนของสำนักงานย่อยนั้น อาจจะหาไม่พบ ทั้งนี้ คณะกรรมการตรวจสอบฯ จะ ประชุมความคืบหน้าอีกครั้งในวันที่ 20 ต.ค.นี้ ที่ศาลากลางจังหวัดสุราษฎร์ธานี และวันที่ 28 ต.ค. จะประชุม อีกครั้งที่ อ.เกาะพะงัน คาดว่าจะได้ข้อสรุปในเร็วๆนี้
...
ทางด้าน ร.อ.สมพงษ์ สุขสงวน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัท กานต์นิธิกรุ๊ปฯ และเจ้าของบริษัทกานต์นิธิ เอวิเอชั่น จำกัด เจ้าของโครงการเปิดเผยว่า ที่ดิน น.ส. 3 ก ที่ได้ครอบครอง และปรับพื้นที่เพื่อเตรียมการก่อสร้างสนามบิน จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่าถูกต้องตามกฎหมายโดยซื้อมาเมื่อปี 2555 ขณะนี้ที่ได้หยุดปรับไถหน้าดินเพื่อรอออกเป็น น.ส. 3 ก ก่อน คาดว่า โครงการจะแล้วเสร็จและเปิดให้บริการได้ภายในปลายปี 2559 นี้ ส่วนที่มีข้อสงสัยว่าหากโครงการต้องหยุดระงับจะส่งผลกระทบต่อธุรกิจหรือไม่นั้น ในส่วนตัวแล้วยังไม่คิดถึงจุดนี้ เนื่องจากมั่นใจว่าที่ดินที่ซื้อมานั้น ชอบด้วยกฎหมายและต้องรอการตรวจสอบของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่าเป็นอย่างไร ซึ่งตนยินดีที่จะให้ตรวจสอบ ทั้งนี้ เพื่อการพัฒนาด้านคมนาคมของเกาะพะงันที่จะเกิดขึ้นในอนาคต.