"อิ้วเก้ง" แห่พระรอบเมืองภูเก็ต วันแรก ม้าทรงแสดงอภินิหารทรมานร่างกายใช้อาวุธแทงทะลุแก้ม-ลิ้น ท่ามกลางชาวบ้าน นักท่องเที่ยวชมจำนวนมาก ด้าน ผอ.ททท.ภูเก็ต เผย ไทย มาเลย์ สิงคโปร์ จีน ร่วมพิธีแน่น คาด เงินสะพัดพันล้าน
เมื่อวันที่ 14 ต.ค. 58 ซึ่งเข้าสู่วันที่ 2 ของประเพณีถือศีลกินผักประจำปีของ จ.ภูเก็ต และเป็นวันแรกของการประกอบพิธีกรรมอันศักดิ์สิทธิ์แห่พระรอบเมือง หรือ "อิ้วเก้ง" ของศาลเจ้าฮุนจงอ้าม (จ้อสู่ก้งนาคา) อ.เมืองภูเก็ต ไปตามถนนหนทางต่างๆ รอบเมือง เพื่อให้ประชาชน นักท่องเที่ยว ทั้งชาวไทยและต่างชาติ ตั้งโต๊ะผลไม้ น้ำชา และจุดประทัดเป็นการรับพระเพื่อขอพร เสริมสิริมงคลให้กับตัวเองและครอบครัว โดยมีม้าทรงชายหญิงนับสิบคนใช้อาวุธนานาชนิดแทงทะลุกระพุ้งแก้มและลิ้นอย่างน่าหวาดเสียว เพื่อเป็นการทรมานร่างกายหรือเป็นการรับเคราะห์ต่างๆ แทนผู้เข้าร่วมประเพณีถือศีลกินผักประจำปี
ทั้งนี้ เหล่าม้าทรงได้ใช้อาวุธที่อยู่ในตำนานที่ครั้นโบราณยึดถือปฏิบัติการมานับร้อยปีเป็นส่วนใหญ่ เช่น ร่ม มีด ดาบ ขวาน เหล็กแหลม แต่อาจมีม้าทรงบางคนใช้อาวุธที่อยู่นอกเหนือตำนาน แม้ว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตลอดจน สสจ.ภูเก็ต และคณะกรรมการศาลเจ้าที่เข้าร่วมประเพณี จะออกมาย้ำเตือนการใช้อาวุธแล้วว่า ไม่ควรใช้อาวุธที่อยู่นอกเหนือตำนานและอาวุธที่เกินความเป็นจริงที่ร่างกายจะสามารถทนหรือรองรับในห้วงเวลากว่า 2-3 ชม. ที่ต้องเดินเท้าไปรอบเมือง ซึ่งมีระยะทางกว่า 10 กม. ส่งผลให้มีม้าทรงชายหญิงได้รับบาดเจ็บทุกปี
...
ซึ่งขณะที่แห่พระไปรอบเมือง มีม้าทรงที่ใช้อาวุธเกินความเป็นจริงที่ร่างกายจะรับได้ ทำให้คมอาวุธดังกล่าวตัดเส้นเลือดใหญ่ที่แก้ม ส่งผลให้เสียเลือดมาก ต้องหามส่ง รพ.วชิระภูเก็ต เป็นการด่วน 1-2 ราย โดยช่วงบ่ายและค่ำในแต่ละวัน ศาลเจ้าต่างๆ ที่เข้าร่วมประเพณีถือศีลกินผักประจำปี จะมีการประกอบพิธีกรรมต่างๆ ภายในศาลเจ้า เช่น พิธีเตี้ยมโห้ย (พิธีก่อไฟ) พิธีป้ายเล่าฉ้ายอิ้ว (พิธีเซ่นไหว้ดวงวิญญาณคณะกรรมการศาลเจ้าผู้ล่วงลับไปแล้ว) พิธีโก้ยอิ้ว (พิธีอาบน้ำมัน) เป็นต้น
ด้าน น.ส.อโนมา วงษ์ใหญ่ ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานภูเก็ต กล่าวว่า ในช่วงประเพณีถือศีลกินผักประจำปีนี้ จะมีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย มาเลเซีย สิงคโปร์ และจีนเดินทางเข้ามาร่วมประกอบพิธีเป็นจำนวนมาก โดยมีการจองห้องพักทั้งในเขตเทศบาลนครภูเก็ต และชายหาด คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวนับแสนคน เงินสะพัดนับพันล้านบาท.