“เทศกาลกินเจ”...เดือน 9 ของจีน จะเริ่มตั้งแต่วันสิ้นเดือน 8 ของจีน ไปจนถึงวันที่ 9 เดือน 9 ของจีน...ปีนี้ตรงกับวันที่ 12–21 ตุลาคม

ทางภาคกลางเรียกว่า... “เทศกาลกินเจ” แต่ทางภาคใต้เรียกว่า ...“เทศกาลถือศีลกินผัก” ซึ่งความรู้ต่อไปนี้มาจากการเก็บข้อมูลทั้งจากการอ่าน การตระเวนเก็บข้อมูลจากศาลเจ้าที่สร้างขึ้นเพื่อเทศกาลกินเจทั่วประเทศและจากการกินเจตลอดเทศกาลกว่า 20 ปีของ จิตรา ก่อนันทเกียรติ

จิตรา บอกว่า ที่มาของเทศกาลกินเจนับได้เป็น 10 ตำนาน...มีทั้งเพื่อบูชาเจ้าแม่ดาวเหนือและเทพเจ้าเก้าองค์ การบูชาครูงิ้ว การกินเจด้วยหลักของพระพุทธศาสนามหายาน และอื่นๆ

แต่ข้อกำหนดของการกินเจค่อนข้างเหมือนกันหมดคือ “ละเว้นเนื้อสัตว์” ...ไม่กินผักกลิ่นฉุน 5 อย่างได้แก่ กระเทียม หอม กุยช่าย หลักเกียว (กระเทียมโทนจีน คล้ายกระเทียมแต่เล็กและยาวกว่า) ใบยาสูบ

ยกเว้นมีการกินเจตำราหนึ่งมาจากเมืองซัวเถา ซึ่งเป็นการบูชาครูงิ้ว มีข้อกำหนดว่าให้กินหอยนางรมแบบตัวเล็กๆ เรียกว่า...“หอยกั๊บหลี” แต่ไม่ว่าจะกินเจด้วยที่มาอย่างไร วัตถุประสงค์คือการกินเจเพื่อให้มีอายุยืนยาว ด้วย 3 ปฏิบัติคือ ปฏิบัติกาย ปฏิบัติใจ ปฏิบัติบูชา

หนึ่ง...ปฏิบัติกาย กินผัก ละเว้นเนื้อสัตว์ ซึ่งทุกวันนี้ก็ยอมรับกันแล้วว่า สัตว์ก่อนถูกฆ่าตายความกลัวทำให้มันเครียดและหลั่งสารพิษออกมา การกินเนื้อสัตว์จึงเป็นการสะสมพิษแบบหนึ่ง

อย่างน้อยปีละครั้งงดเนื้อสัตว์ 10 วัน การแพทย์จีนโบราณเชื่อว่าช่วยล้างพิษเหล่านี้ได้ หากมองอีกเหตุผลในการกินเนื้อสัตว์นั้น เราต้องฆ่าทั้งตัว...บริโภคอย่างไม่เสียของ จึงมีการกินไขมัน เครื่องในที่มีคอเลสเทอรอลสูง เพียงแต่การแพทย์จีนโบราณอาจไม่ได้มีคำบอกให้รู้จักคอเลสเทอรอลเข้าใจง่ายแบบการแพทย์ฝรั่ง

...

“รวมถึงการกินเจต้องกินแต่ผักก็จริง แต่ต้องไม่กินผักกลิ่นฉุน...อาจเป็นได้ว่า ช่วงที่ร่างกายขาดโปรตีนจากเนื้อสัตว์ สารบางอย่างในผักกลิ่นฉุนทั้งห้า อาจมีผลเสียต่อร่างกาย ซึ่งการงดบริโภคใบยาสูบเพราะจะเป็นอันตรายต่อปอด ก็ตรงกับการแพทย์ฝรั่งที่การสูบบุหรี่ทำให้เป็นโรคปอด”

หากวิเคราะห์เพิ่มด้วยหลักความรู้สมัยใหม่ การกินเจเป็นการดีทอกซ์หรือล้างพิษร่างกายแบบนุ่มนวล ที่ช่วยให้ร่างกายขับถ่ายง่าย ใครที่กินเจแล้วยังท้องผูก ต้องดูรายละเอียดอาหารเจที่กินเข้าไปว่า เป็นเพราะกินอาหารเจที่เหนียวมากๆเช่นหมี่กึง..แป้งสาลีที่นวดจนเหนียวหนึบ ปั้นเลียนแบบเนื้อสัตว์ เช่น ไส้เทียม ตัวไก่เทียม ฯลฯ หรือโปรตีนเกษตรอบแห้ง ทำให้เวลาอยู่ในท้องมันไปดูดน้ำจากกระเพาะ...ลำไส้ ทำให้ท้องผูกได้ง่าย

“นอกจากนี้ผักกลิ่นฉุนอย่างหอม, ต้นหอมและกุยช่าย แม้จะนิ่มแต่ก็เคี้ยวให้ขาดละเอียดยาก มีผลให้ย่อยยากและทำให้คนอายุมากที่กระเพาะอาหารเหนื่อยล้าแล้ว...อาจจะทำให้เป็นกรดไหลย้อน” จิตรา ว่า

นี่คือการปฏิบัติกายด้วย...“การกิน” ซึ่งยังไม่เพียงพอ หากเรามองว่า การกินเจที่ครบถ้วน ต้องถือศีลกินเจด้วย เพราะเจคำนี้ มี 2 ความหมาย ความหมายหนึ่งคือ...ไม่มีคาวคือ...“งดเว้นเนื้อสัตว์” ไม่กินเนื้อสัตว์ให้เป็นบาปกรรม อีกความหมายหนึ่งแปลว่า... “อุโบสถ” คือ “การถือศีล”

แต่ศีลสำหรับการกินเจมี 2 สาย สายหนึ่งเป็นศีลในทางพุทธมหายาน ซึ่งไม่ว่าจะถือเป็นศีล 5 หรือศีล 8 หรือเป็นศีลของลัทธิเต๋าจะเป็นศีล 6 คำจีนเรียกว่า “ลักกึงเช็งเจ๋ง” แปลว่าทวารทั้ง 6 บริสุทธ์...

เริ่มจาก ทวารทางตา...คนกินเจจึงใส่ชุดขาว ศาลเจ้าบางแห่งหากไม่นุ่งขาวก็ไม่ให้เข้าไปปักธูป ทวารทางหู...คนกินเจจึงฟังแต่เสียงสวดมนต์หรือเสียงธรรม ทวารทางปาก...คือการกินอาหารสะอาดตั้งแต่ไม่กินของคาวคือเนื้อสัตว์ทั้งหลาย กินอาหารเจที่เป็นรสชาติสะอาด และถ้าให้ครบศีลทางวจีกรรมก็คือการไม่พูดโกหก ไม่พูดส่อเสียดให้ร้ายคน ไม่วิจารณ์คนให้เสียหาย ซึ่งเป็นการสร้างกรรมแบบหนึ่งนั่นเอง

ทวารทางจมูก...คือการไม่บริโภคผักกลิ่นฉุน ตลอดจนเครื่องหอมต่างๆ ทวารทางกาย...กายสะอาดอันเป็นที่มาว่าช่วงกินเจควรงดเว้นเพศสัมพันธ์ ทวารทางใจ...คือใจสะอาด ไม่คิดร้ายกับใคร ไม่คิดทำผิดใดๆ ใจที่สะอาดเป็นการต้องปฏิบัติใจด้วย กินเจแต่ใจไม่สะอาด คิดร้าย คดโกงก็เป็นจุดเริ่มต้นของการทำความผิด

“คนเราเกิดมาไม่มีใครรู้ได้ว่า เราจะเป็นโรคอะไร มีกรรมอะไรติดตัวมา และไม่มีใครอยากตายเร็ว การทำร่างกายให้สะอาด ทำกรรมใหม่ให้น้อยที่สุด...เสริมพลังดวงให้สูงไว้เสมอ น่าจะเป็นหลักการเดียวกับการกินเจที่ต้องทำให้ครบทั้งสามปฏิบัติ”

โดยปฏิบัติที่ 3 ก็คือ “ปฏิบัติบูชา”...นั่นคือการต้องไปไหว้ “เจ้าแม่ปั๊กเต้าบ้อ และเทพเจ้าเก้าองค์” ที่ศาลเจ้าที่สร้างขึ้นเพื่อเทศกาลกินเจโดยเฉพาะ แต่ในการถือศีลกินผักทางภาคใต้ เช่นที่ภูเก็ต, พังงา จะต้องไหว้ “ชั้งง้วงส่วย”...เป็นเทพครูงิ้ว ต้องมีการทำพิธีตั้งกองทหารผีในห้าทิศ เพื่อคุ้มครองศาลเจ้าตลอดเทศกาล

มีการเชิญไฟ รวมถึงการต้องมีการทรงเจ้า การลุยไฟ ดังนั้น...จึงต้องมีการทำพิธีมากมายที่ศาลเจ้า ซึ่งทุกศาลเจ้าที่มีการไหว้ทำพิธีในเทศกาลกินเจ ต้องตั้งเสาสูงแขวนตะเกียง 9 ดวง เพื่อบูชาเทพเจ้า 9 องค์ของเทศกาลกินเจ และมีความแตกต่างกันในพิธีการตั้งเสาที่เป็นธรรมเนียมเฉพาะของศาลเจ้าในแต่ละจังหวัดด้วย

จิตรา บอกอีกว่า เบื้องลึกในการไหว้เจ้าของคนจีน คือความเชื่อว่าจักรวาลมีพลังต่างๆนับเป็นหมื่นพลัง ซึ่งทุกวันนี้ก็เป็นที่ยอมรับว่ามีพลังที่มองไม่เห็นที่สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้เช่น พลังไฟฟ้า คลื่นวิทยุ ฯลฯ ซึ่งคนจีนแต่โบราณมีความเชื่อว่าดวงดาวทุกดวงมีพลัง มีดาวหลายดวงที่พลังมีมากจนช่วยเสริมดวงชะตาได้

...

และค่อนข้างเชื่อว่า “ดาวเหนือ”...ซึ่งเป็นดาวที่ไม่เคลื่อนที่ ในขณะที่ดาวต่างๆยังมีการโคจร เช่นหมุนรอบตัวเองและหมุนรอบดวงอาทิตย์ แต่การที่ดาวเหนือสามารถหยุดตัวเองให้ไม่เคลื่อนที่ได้ ย่อมมีพลังมากและมีอายุยืนยาว เช่นเดียวกับกลุ่มดาวเหนือคือ...เทพเจ้าเก้าองค์ และเจ้าแม่ดาวเหนือ ย่อมมีพลังที่ยิ่งใหญ่

โดยเฉพาะที่ฮ่องกงถึงกับยกให้เจ้าแม่ปั๊กเต้าบ้อ เป็นเทพเจ้าแห่งกาลเวลา เช่นเดียวกับศาลเจ้าในวัดเล่งเน่ยยี่ที่สร้างเพื่อเทศกาลกินเจ แม้จะมีตำนานว่าเทพเจ้าเก้าองค์คือ ทีมพระพุทธเจ้า 7 พระองค์และพระโพธิสัตว์อีก 2 พระองค์...อวตารมาเป็นดาวนพเคราะห์ 9 ดวง แล้วแบ่งภาคอีกทีเป็นเทพเจ้า 9 องค์

ก็...ยังมีการตั้ง “เจ้าแม่ปั๊กเต้าบ้อ” เป็นประธานสูงสุด

จากการเก็บข้อมูลทำเนียบศาลเจ้าทั่วประเทศไทย จิตราพบว่า มีกว่า 200 ศาลเจ้าที่มีอายุเกิน 100 ปี และขอคัด 14 อันดับแรกของศาลเจ้าที่สร้างขึ้นเพื่อเทศกาลกินเจ ทิ้งท้ายไว้ดังนี้ ศาลเจ้าซิ่วฮกตั้ว อ.อัมพวา จ.สมุทรสงคราม, ศาลเจ้ากะทู้ จ.ภูเก็ต, ศาลเจ้ากู่ไช่ตึ๊ง อ.ตะกั่วป่า จ.พังงา, ศาลเจ้าซินเฮงตั๊ว ป้อมปราบ กรุงเทพฯ, ศาลเจ้าเว่งฮกตั้ว อ.พนัสนิคม จ.ชลบุรี, ศาลเจ้าตาวโบ้เก็ง อ.ตะกั่วทุ่ง จ.พังงา

ศาลเจ้าโรงเจฮะซุ่นตั้ว อ.แม่กลอง จ.สมุทรสงคราม, ศาลเจ้าโรงเจย่งเฮงตั๊ว อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม, ศาลเจ้าโรงเจบุญสมาคม ย่านสำเพ็ง กรุงเทพฯ, ศาลเจ้าโรงเจเซี่ยงซิ้วกิ้วตั้งฮุดโจ๊ว อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร, ศาลเจ้าจุ้ยตุ่ย จ.ภูเก็ต, ศาลเจ้ากิ่วอ๋องเอี่ย จ.ตรัง, ศาลเจ้าบางเหนียว จ.ภูเก็ต และ ศาลเจ้าโรงเจฮักเสียงเสียงตึ๊ง จังหวัดเพชรบุรี

...

อย่างไรก็ตาม มีศาลเจ้ามากมายที่มีการจัดพิธีไหว้สำหรับเทศกาลกินเจ ทุกคนสามารถไปไหว้ได้ทั้งสิ้น โดยหลายท่านนิยมว่า วันที่ 3, 6, 9 เป็นวันเจใหญ่...แต่วันที่สำคัญที่สุดคือวันสุดท้ายคือวันที่ 9 เดือน 9 ของจีน เป็นวันเกิด “ปั๊กเต้าบ้อ”...ที่กินเจมา 9 วันก็เพื่อถวายเป็นบูชา ขอพลังให้เรา “อายุยืน”...“โชคดี มีเฮง”.