คดีระเบิดพลิก ตำรวจได้หลักฐานเด็ดภาพวงจรปิดมือระเบิดเสื้อเหลืองหลังก่อเหตุ รูปพรรณตรงกับ “บิลา มูฮัมหมัด” รีบเข้าไปสอบสวน ในเรือนจำทั้งคืน จนยอมเปิดปากรับสารภาพ เป็นชายเสื้อเหลืองที่ก่อเหตุวางระเบิดศาลท้าวมหาพรหม โดยปลอมตัวด้วยการสวมวิกและใส่แว่น หลังก่อเหตุไปลอกคราบที่ห้องน้ำในสวนลุมพินี แล้วนั่งแท็กซี่กลับไปกบดานที่อพาร์ตเมนต์ย่านมีนบุรีจนถูกจับ ตำรวจเร่งสอบปากคำละเอียดยิบหาผู้สั่งการและผู้ที่เกี่ยวข้อง “ศรีวราห์” เผย ออกหมายจับผู้ต้องหาเพิ่มอีก 1 เชื่อเป็นคนไทยที่ไปซื้ออุปกรณ์ประกอบระเบิดเพราะพูดไทยชัด เตรียมออกหมายจับเพิ่มอีกหลายคนทั้งคนไทยและชาวต่างชาติ ขณะที่ กต.เชิญทูตชี้แจงความคืบหน้าเหตุระเบิด ได้รับความสนใจสอบถามรายละเอียดคดีเพียบ ด้านตำรวจมาเลย์แถลงจับผู้ต้องสงสัยเอี่ยวระเบิดกรุงเทพฯ 8 คน โดย 4 คนเป็นชาวอุยกูร์ แต่น่าจะเกี่ยวข้องแค่พาหนีข้ามชายแดน

กรณีคนร้ายวางระเบิดบริเวณศาลท้าวมหาพรหม แยกราชประสงค์ เมื่อช่วงค่ำวันที่ 17 ส.ค. เป็นเหตุให้ชาวไทยและนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเสียชีวิต 20 ราย และได้รับบาดเจ็บกว่า 100 ราย และระเบิดท่าเรือสาทร ต่อมาชุดสืบสวนจับกุมนายบิลา มูฮัมหมัดหรือนายอาเดม การาดัค สัญชาติตุรกี ขณะกบดานที่พูลอนันต์ อพาร์ตเมนต์ เลขที่ 134/5 ปากซอยเชื่อมสัมพันธ์ 11 แขวงกระทุ่มราย เขตหนองจอก พร้อมอุปกรณ์ประกอบระเบิดจำนวนมาก และหนังสือเดินทางประเทศตุรกีอีก 251 เล่ม หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ทหารกองกำลังบูรพาจับกุมนายเมียไรลี ยูซูฟู ชาวจีน ขณะกำลังหลบหนีข้ามชายแดนจังหวัดสระแก้ว ให้การรับสารภาพถึงผู้ร่วมขบวนการ และขั้นตอนการวางแผนและก่อเหตุระเบิดทั้ง 2 แห่ง ขณะที่ชุดสืบสวนตรวจสอบพบว่า มือระเบิดเสื้อเหลืองและเสื้อน้ำเงินหลบหนีไปยังประเทศมาเลเซียแล้ว จึงประสานทางการมาเลเซียช่วยจับกุมแต่ยังคว้าน้ำเหลว

...

“สมยศ” รับ “จักรทิพย์” ไปมาเลย์

ความคืบหน้าจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 23 ก.ย. พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร.กล่าวว่า ทุกกรณีที่มีคำถามหรือข้อสงสัยตำรวจต้องทำให้กระจ่าง แต่ในชั้นนี้ยังไม่สามารถยืนยันได้ว่า ผู้ต้องสงสัยที่ทางการประเทศมาเลเซียควบคุมตัวไว้ เป็นผู้ที่เกี่ยวข้องกับเหตุระเบิดที่แยกราชประสงค์หรือไม่ และเป็นชายเสื้อเหลืองหรือไม่ เรื่องนี้เรายังไม่สามารถยืนยันได้ เพราะยังไม่ได้รับการประสานงานหรือยืนยันจากประเทศมาเลเซียอย่างเป็นทางการ ถ้ามีการยืนยันหรือประสานจากประเทศมาเลเซีย เราต้องไปสอบถามให้กระจ่างก่อนว่าเกี่ยวข้องหรือไม่ ถ้าเกี่ยวข้องจะมากน้อยแค่ไหน ส่วนกระแสข่าวที่ว่าทางมาเลเซียได้ส่งรูปภาพผู้ต้องสงสัยมาให้เจ้าหน้าที่ไทยดูก็ไม่เป็นความจริง พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา รอง ผบ.ตร.เดินทางไปประเทศมาเลเซียและเดินทางกลับมาแล้ว เป็นการหารือกับเจ้าหน้าที่ระดับสูง รายงานให้ตนทราบว่า เบื้องต้นยังเป็นแค่การหารือแนวทางการทำงานร่วมกันระหว่าง 2 ประเทศ หากควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยอย่างที่เป็นข่าวจะต้องดำเนินการอย่างไร มากน้อยแค่ไหน

แต่ยังไม่มีอะไรชัดเจน

“เมื่อมีข่าวขึ้นมา จึงเป็นหน้าที่ตำรวจจะต้องค้นหาความจริง เพราะไม่อย่างนั้นจะมีคำถามจากสื่อว่า มีข่าวอย่างนั้นอย่างนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการอะไรบ้าง เพราะฉะนั้นเมื่อมีข่าวก็ต้องไปสอบถามให้เกิดความชัดเจน ขณะนี้ความชัดเจนมีแค่นี้ ถ้าตำรวจไม่ไปคุณก็มาถามผมอีกว่า ทำไมไม่ไป จะเอาอย่างไร ก็ไปทำให้ประจักษ์ไง ถ้ามันมีเราก็ต้องดำเนินการตามขั้นตอน ตามข้อตกลง ที่พูดกันมาไม่มีหรอก ผมยังไม่รู้เรื่องเลย จึงไม่ทราบ ไม่ยืนยัน ไม่อะไรทั้งสิ้น” ผบ.ตร.กล่าว

รูปพรรณ “อาริ” ไม่ตรงมือระเบิด

มีรายงานว่า จากกรณีชุดสืบสวนคดีที่ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา รอง ผบ.ตร.เดินทางไปพบอธิบดีตำรวจมาเลเซียที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ เพื่อตรวจสอบข้อมูลที่ทางการมาเลเซียจับกุมผู้ต้องสงสัยที่รับสารภาพว่า เป็นมือวางระเบิดแยกราชประสงค์ โดยนำภาพผู้ต้องสงสัยที่ตรวจสอบจากหนังสือเดินทางทราบชื่อนายอาริ โซลัน อายุ 31 ปีมาให้นายยูซูฟู ผู้ต้องหาชี้ยืนยันภาพว่าเป็นมือระเบิดเสื้อเหลืองหรือไม่ จึงเดินทางเข้าประสานรับตัวผู้ต้องสงสัย แต่หลังชุดสืบสวนนำมาตรวจสอบเปรียบเทียบกับพยานหลักฐานและรูปพรรณสัณฐานคนร้ายในวันเกิดเหตุพบว่า มีความคาดเคลื่อนในเรื่องรูปพรรณ และคำให้การของนายอาริมีประเด็นน่าสงสัยเกี่ยวกับนายบิลา มูฮัมหมัด หรือนายอาเดม การาดัคผู้ต้องหาชาวตุรกี ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมได้พร้อมของกลางระเบิดจำนวนมาก

สอบเค้น “บิลา” จนรับสารภาพ

มีรายงานต่อไปว่า ชุดสืบสวนจึงประสานเจ้าหน้าที่ทหารขอเข้าสอบสวนนายบิลาในเรือนจำชั่วคราวแขวงถนนนครไชยศรีตลอดทั้งคืน ซักถามข้อมูลนายบิลาอย่างละเอียด และนำพยานหลักฐานมาใช้ในการสอบสวน โดยนำวิกผมปลอมและแว่นตากรอบสีดำแบบเดียวกับมือระเบิดเสื้อเหลืองใช้ในวันวางระเบิดแยกราชประสงค์มาให้นายบิลาสวมใส่และวัดส่วนสูงนายบิลาเทียบกับส่วนสูงขอบสีทางเข้าร้านสะดวกซื้อ กับภาพคนร้ายที่ได้จากกล้องวงจรปิดปรากฏว่าตรงกัน จึงสอบเค้นนายบิลาตลอดทั้งคืน จนยอมเปิดปากรับสารภาพว่า เป็นชายเสื้อเหลืองที่วางระเบิดแยกราชประสงค์เอง

เปิดปากสวมวิกกับแว่นพรางตัว

มีรายงานด้วยว่า นายบิลาให้การย้อนเหตุการณ์วันเกิดเหตุระเบิดที่แยกราชประสงค์ว่า หลังจากนำกระเป๋าเป้ใส่ระเบิดไปวางไว้ที่ม้านั่งในศาลท้าวมหาพรหมแล้ว เดินออกมาเรียก จยย.รับจ้างในซอยมหาดเล็กหลวงไปลงที่สวนลุมพินี เดินเข้าไปในห้องน้ำของสวนลุมพินีถอดวิกผมและแว่นตาที่ใส่อำพรางตัวออก เปลี่ยนเสื้อจากสีเหลืองไปสวมเสื้อสีเทา แล้วเอาเสื้อและอุปกรณ์พรางตัวใส่ถุงพลาสติกสีขาวเดินออกมาจากสวนลุมพินี ชุดสืบสวนจึงนำภาพจากกล้องวงจรปิดมาตรวจสอบย้อนหลัง พบภาพนายบิลาสวมเสื้อเทาถือถุงพลาสติกสีขาวเดินออกมาจากสวนลุมพินี แล้วเรียกแท็กซี่หนีกลับไปซ่อนตัวที่ห้อง 414 พูลอนันต์ อพาร์ตเมนต์ ย่านมีนบุรี และยังสอดรับกับภาพกล้องวงจรปิดขณะที่มือระเบิดเสื้อเหลืองหยิบถุงพลาสติกสีขาวออกจากกระเป๋าเป้ก่อนเดินหนีออกมาจากบริเวณศาลท้าวมหาพรหม นอกจากนี้ ข้อมูลดังกล่าวยังตรงกับข้อมูลทางเทคนิคที่ยืนยันว่า นายเมียไรลี ยูซูฟูกับนายบิลาอยู่บริเวณแยกราชประสงค์ช่วงเกิดเหตุระเบิด พนักงานสอบสวนเร่งสอบปากคำอย่างละเอียดและรวบรวมพยานหลักฐานให้แน่นหนา เพื่อเตรียมแจ้งข้อหาเพิ่มเติม หรือขอหมายจับใหม่จากศาลจังหวัดมีนบุรีต่อไป

...

นครบาลออกหมายจับเพิ่ม 1

ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผบช.น.กล่าวถึงความคืบหน้าคดีคนร้ายก่อเหตุวางระเบิดบริเวณศาลท้าวมหาพรหม ย่านราชประสงค์ และท่าน้ำสาทรว่า ศาลจังหวัดมีนบุรีอนุมัติออกหมายจับผู้ต้องหาเพิ่มเติมอีก 1 ราย ตามภาพกล้องวงจรปิดและภาพสเกตช์ไม่ทราบสัญชาติ ไม่ทราบชื่อ อายุประมาณ 30 ปี ข้อหาร่วมกันทำวัตถุระเบิด ซึ่งนายทะเบียนออกใบอนุญาตให้ไม่ได้ โดยมีความเชื่อมโยงเป็นบุคคลที่เกี่ยวข้องร่วมกันทำระเบิด บุคคลที่ถูกออกหมายจับสามารถพูดภาษาไทยได้ คาดว่าน่าจะเป็นคนไทย ขณะนี้อยู่ระหว่างสืบสวนว่าเป็นใคร หลักฐานที่ไปขอออกหมายจับศาลได้จากพยานหลักฐานและพยานวัตถุ ถามว่า มีพยานหลักฐานที่จะออกหมายจับเพิ่มเติมอีกหรือไม่ พล.ต.ท.ศรีวราห์กล่าวว่า จะมีการออกหมายจับเพิ่มเติมมากกว่า 1 ราย เมื่อรวบรวมพยานหลักฐานครบจะขอออกหมายจับ มีทั้งคนไทยและชาวต่างชาติ จะขุดรากถอนโคนให้หมด จนถึงขณะนี้ทาง บช.น.ออกหมายจับผู้ ต้องหาคดีระเบิดไป 16 หมายจับแล้ว ส่วนกระแสข่าวจับกุมชายเสื้อเหลืองและชายเสื้อฟ้าได้ที่ประเทศมาเลเซีย ตนยังไม่ทราบและไม่ปรากฏรายละเอียดในสำนวนคดี

พยานยันไปซื้ออุปกรณ์ระเบิด

มีรายงานว่า พนักงานสอบสวน สน.หนองจอก ขออนุมัติศาลจังหวัดมีนบุรีออกหมายจับชายไทยไม่ทราบชื่อ ผิวขาว อายุ 30 ปีสูงประมาณ 171 ซม.ตามหมายจับที่ 862/2558 ลงวันที่ 23 ก.ย.2558 แจ้งข้อหาร่วมกันมีวัตถุระเบิดที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ได้ไว้ในความครอบครองโดยผิดกฎหมาย สืบเนื่องจากชุดสืบสวนสอบสวนคลี่คลายคดีระเบิด ตรวจสอบพบข้อมูลพยานและหลักฐานว่า ชายคนดังกล่าวไปซื้ออุปกรณ์สำหรับใช้ประกอบระเบิดที่ร้านแสงไพศาลเซลส์ ซอยสุขุมวิท เลขที่ 44/2 ถนนสุขุมวิท แขวงพระโขนง เขตคลองเตย กทม. เมื่อวันที่ 4 ส.ค. เวลาประมาณ 15.00 น. ภาพกล้องวงจรปิดบันทึกภาพผู้ต้องหาเอาไว้ได้ และใช้เป็นหลักฐานสำคัญในการขออนุมัติศาลออกหมายจับดังกล่าว

...

เชื่อเป็นคนไทยเพราะพูดไทยชัด

จากการสอบสวนพยานให้การรูปพรรณผู้ต้องหาว่า เป็นชายรูปร่างสูงสันทัด จมูกโด่ง คิ้วเข้ม สวมเสื้อยืดคอปกแขนสั้น ลายทางสีฟ้า-ดำ นุ่งกางเกงยีนส์ขายาว สวมแว่นสายตา เข้ามาเลือกซื้อท่อเหล็ก พร้อมทั้งจ้างให้ตัดเป็นท่อน และต๊าฟเกลียวที่ปากกระบอกและท้ายกระบอกของท่อ เพื่อใช้สำหรับปิดฝาจำนวนกว่า 10 กระบอก ชายคนดังกล่าวยังรอรับสินค้าอยู่ในร้านนานประมาณ 1 ชม. ทางร้านทำเสร็จ จึงเอาอุปกรณ์ประกอบระเบิดไป จากการตรวจสอบท่อแป๊ปดังกล่าว เชื่อมโยงกับวัสดุอุปกรณ์ประกอบระเบิดที่พบในห้องพักพูลอนันต์ อพาร์ตเมนต์ ย่านหนองจอก นอกจากนี้พยานยังให้การว่า คนร้ายรายนี้น่าจะเป็นคนไทย เพราะพูดภาษาไทยได้อย่างคล่องแคล่ว

กต.จัดชี้แจงทูตคดีระเบิด

ที่กระทรวงการต่างประเทศ จัดบรรยายสรุปเหตุการณ์ระเบิดที่แยกราชประสงค์ต่อคณะทูตต่างประเทศประจำประเทศไทย มีนายเสข วรรณเมธี อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ และ พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นผู้บรรยาย มีผู้แทนสถานเอกอัครราชทูตต่างประเทศเข้าร่วม 56 ประเทศ ในจำนวนนี้เป็นเอกอัครราชทูต 2 ประเทศและผู้แทนองค์การระหว่างประเทศ 7 แห่ง เข้าร่วมรับฟังหลังชี้แจง นายเสข กล่าวว่า คณะทูตพึงพอใจที่ประเทศไทยเพิ่มมาตรการดูแลความปลอดภัยนักท่องเที่ยวต่างชาติมากขึ้น ขณะที่ พล.ต.ท.ประวุฒิ กล่าวว่า ชี้แจงความคืบหน้าทางคดีในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งคณะทูตยังมีข้อสงสัยในบางประเด็น อาทิ ขั้นตอนการสืบสวน การแจ้งข้อกล่าวหาและการควบคุมผู้ต้องหา รวมถึงการพิสูจน์สัญชาติ ซึ่งได้ชี้แจงให้ทราบเพื่อให้เกิดความมั่นใจในการทำงาน สามารถยับยั้งการก่อเหตุ นอกจากนี้ยังชี้แจงว่า สตช.ไม่เคยระบุว่าผู้ต้องหาคดีระเบิดว่าสัญชาติใดอย่างชัดเจน

...

ตรวจพาสปอร์ตในไทย

พล.ต.ท.ประวุฒิตอบคำถามสื่อมวลชนกรณีที่มีข่าวว่าทางการมาเลเซียจับกุมผู้ต้องสงสัยที่เกี่ยวข้องกับคดีระเบิดที่ราชประสงค์ว่า เบื้องต้นทางการมาเลเซียปฏิเสธว่ากลุ่มที่จับกุมไม่มีความเกี่ยวข้องกับเหตุระเบิดในประเทศไทย กระแสข่าวดังกล่าวยืนยันไม่ได้ออกมาจากทางการไทย และไม่ทราบว่าข่าวมาได้อย่างไร ส่วนกรณีที่พบว่าในจำนวนผู้ต้องสงสัย 8 คน อ้างว่า 4 คน เป็นชาวอุยกูร์ โฆษก สตช.กล่าวว่า เป็นเพียงการสอบสวนของทางการมาเลเซีย ไทยจะประสานขอข้อมูลต่อไป เมื่อถามต่อถึงการตรวจสอบสัญชาตินายบิลา มูฮัมหมัด หรือนายอาเดม การาดัค ผู้ร่วมก่อเหตุที่ถูกจับกุมพร้อมหนังสือเดินทางปลอม 251 เล่ม พล.ต.ท.ประวุฒิกล่าวว่า เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว สถานเอกอัครราชทูตตุรกีประจำประเทศไทย ประสานขอรับหนังสือเดินทางปลอมดังกล่าวไปตรวจสอบ ขณะนี้กำลังหารือถึงแนวทางที่เหมาะสม เนื่องจากฝ่ายไทยต้องการหาห้องแล็บและตรวจพิสูจน์ในประเทศไทย ขณะเดียวกันได้ส่งสำเนาหนังสือเดินทางให้กับฝ่ายจีนช่วยตรวจสอบแล้ว แต่ยังไม่ได้รับการยืนยันข้อมูลใดเพิ่มเติม

หลายชาติพอใจลดแจ้งเตือน

เย็นวันเดียวกัน พล.ต.ท.ประวุฒิเผยด้วยว่า ส่วนที่เข้าชี้แจงกับสถานทูตต่างๆวันนี้ เพื่อพยายามทำความเข้าใจและสร้างความเชื่อมั่น ป้องกันไม่ให้มีการก่อเหตุซ้ำ รวมถึงชี้แจงมาตรการดูแลความปลอดภัยนักท่องเที่ยวตามสถานที่สำคัญ การสกัดกั้นการลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย และชี้แจงแผนการนำเทคโนโลยีไบโอเมตริกมาใช้ ซึ่งหลายชาติมีความพอใจ มีบางชาติจะลดระดับการเตือนภัยลง ทางสถานทูตตุรกีไม่ได้ส่งตัวแทนเข้ารับฟังคำชี้แจง แต่ยังประสานการตรวจหนังสือเดินทางที่เจ้าหน้าที่ตรวจยึดได้จากพูลอนันต์อพาร์ตเมนต์ โดยไม่ต้องส่งหนังสือเดินทางทั้งหมดไปตรวจสอบที่ประเทศตุรกี ขณะนี้ออกหมายจับ 16 หมาย ผู้ต้องหา 15 คน จับกุมได้แล้ว 2 คน

“อุดมเดช” ชี้ต้องรอความชัดเจน

ที่มหาวิทยาลัยกรุงเทพ พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม และ ผบ.ทบ. กล่าวถึงกรณีที่มีข่าวว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจมาเลเซียจับกุมชายเสื้อเหลืองและเสื้อฟ้าที่อาจเกี่ยวข้องกับเหตุระเบิดราชประสงค์ว่า ตั้งแต่เกิดเหตุทหารร่วมกับตำรวจพยายามสืบตามพยานหลักฐาน มีผลสำเร็จตามลำดับ แต่ขั้นตอนการสืบสวนขณะนี้ผ่านพ้นช่วงทหารไปแล้ว จะต้องรอฟังจากตำรวจที่พยายามปฏิบัติตามนโยบายผู้บังคับบัญชาหาคนผิดมาลงโทษให้ได้ ส่วนความคืบหน้าตนรอฟังอยู่เหมือนกันว่าจะเป็นตัวจริงหรือไม่ อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ออกหมายจับแล้ว 16 ราย แต่จะเป็นผู้กระทำความผิดจริงหรือไม่ ต้องรอความชัดเจน เมื่อถามว่า ได้รับรายงานการจับผู้ต้องหา 2 คนที่มาเลเซียหรือไม่ พล.อ.อุดมเดชกล่าวว่า ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการเพราะเป็นหน้าที่ ส่วนทหารจะติดตามข่าวสาร ขณะนี้ทราบว่ามีนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่เดินทางไปประสานงานกับทางการมาเลเซียแล้ว จะได้ความอย่างไรต้องรอดูอีกที ส่วน 2 คนนั้นจะเป็นตัวจริงหรือไม่ ยังไม่ได้รับคำยืนยันชัดเจน แต่มีความคาดการณ์ว่าจะเป็นแบบนั้น แต่ขอไม่ระบุ เพราะไม่สามารถระบุได้ ต้องรอความชัดเจนจากตำรวจเป็นหลัก

คสช.วอนอย่าด่วนสรุปประเด็น

ด้าน พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษก คสช. รายงานสถานการณ์ความคืบหน้าทางคดีให้กับประชาชนรับทราบไปแล้วพบว่า ยังมีสื่อมวลชนบางสำนักนำเสนอและวิเคราะห์เหตุจูงใจในการก่อเหตุเชื่อมโยงไปในประเด็นใดประเด็นหนึ่งเพียงอย่างเดียว อาจทำให้สังคมมีความเชื่อเป็นไปในทางเดียวได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อความเชื่อไม่ตรงกับความเป็นจริง จะเป็นการสร้างความสับสนและอาจส่งผลต่อการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่และกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศได้ และในขณะนี้แนวทางการสืบสวนทางคดีไม่ได้ละทิ้งประเด็นใดประเด็นหนึ่ง อาจเกี่ยวข้องกับเหตุดังกล่าว จึงขอให้ความร่วมมือ พี่น้องประชาชน อย่าเพิ่งด่วนสรุปจนกว่าเจ้าหน้าที่จะมีการชี้ให้ทราบอย่างเป็นทางการ

มาเลย์แถลง 4 ใน 8 เป็นอุยกูร์

สำนักข่าวเอพีรายงานอ้างถ้อยแถลงนายนูร์ ราชิด อิบราฮิม รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติมาเลเซีย ระบุตำรวจมาเลเซียจับกุมผู้ต้องสงสัย 8 ราย เป็นบุคคลเชื้อสายอุยกูร์ 4 ราย ภายในเขตกรุงกัวลาลัมเปอร์และรัฐกลันตัน ทางภาคตะวันออก เฉียงเหนือตั้งแต่ช่วงสัปดาห์ที่แล้ว อยู่ระหว่างสอบสวนผู้ต้องสงสัยทั้งหมดว่า เกี่ยวข้องกับเหตุระเบิดศาลท้าวมหาพรหมในกรุงเทพฯ เมื่อ 17 ส.ค.หรือไม่ ในชั้นนี้พบว่า ผู้ต้องสงสัยชาวมาเลเซีย 4 คน เกี่ยวข้องกับกระบวนการค้ามนุษย์ แต่ยังไม่พบหลักฐานชี้ชัดว่า ผู้ต้องสงสัยทั้ง 8 ราย เกี่ยวข้องโดยตรงกับเหตุระเบิดในกรุงเทพฯ หากทางการไทยต้องการให้มาเลเซียส่งมอบตัวผู้ต้องสงสัยในฐานะผู้ร้ายข้ามแดน ต้องแสดงหลักฐานข้อพิสูจน์พื้นฐานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับเหตุร้ายให้รัฐบาลมาเลเซียทราบก่อน

แค่พาเข้าเมืองไม่เอี่ยวระเบิด

ก่อนหน้านี้ นายนูร์ ราชิด อิบราฮิม ระบุว่าผู้ต้องสงสัยชาวอุยกูร์ไม่มีเอกสารแสดงตน ถือว่าผิดกฎหมายเข้าเมืองของประเทศมาเลเซีย หลังเดินทางข้ามพรมแดนมาจากประเทศไทย แม้ว่าผู้ต้องหาทุกคนมีหนังสือเดินทางแต่ไม่ชัดเจนว่าเป็นของจริงหรือไม่ ส่วนเว็บไซต์หนังสือพิมพ์นิว สเตรทส์ไทม์ของมาเลเซีย รายงานระบุผู้ต้องสงสัย 3 รายที่ถูกตำรวจมาเลเซียจับกุมตามข้อมูลเบาะแสที่ได้จากทางการไทย ไม่มีใครเกี่ยวข้องโดยตรงกับเหตุระเบิดในกรุงเทพฯเมื่อ 17 ส.ค. ผู้ต้องสงสัยที่ถูกจับกุม 3 ราย เป็นชาวปากีสถาน 1 ราย ชายชาวมาเลเซีย 1 ราย และสตรีชาวมาเลเซียอีก 1 ราย