นํ้าท่วมร.ร.ขนนร.หนีโกลาหล
ฤทธิ์พายุ “หว่ามก๋อ” ยังถล่มหลายจังหวัดในภาคตะวันออกโดยเฉพาะชลบุรี ระยอง อ่วมหนัก ฝนตกหนักทำให้น้ำท่วมจมบาดาลหลายพื้นที่ ชาวบ้านหนีน้ำป่าไม่ทันติดคาบ้าน ต้องระดมกำลังออกไปช่วยออกมาอย่างทุลักทุเล ขณะที่ระยองถูกกระแสน้ำซัดจนคอสะพานแยก รถกระบะตกจมหายไปทั้งคัน ส่วนที่ภาคใต้ผจญภัยหนักไม่แพ้กันโดยเฉพาะชุมพรถูกตัดขาดหลายพื้นที่ ตามด้วยสตูลจมบาดาล 5 อำเภอ
ฤทธิ์พายุ “หว่ามก๋อ” ยังหอบเอาพายุฝนถล่มหนักหลายพื้นที่ทำให้น้ำทะลักท่วมฉับพลันโดยเฉพาะพื้นที่เมืองพัทยา จ.ชลบุรี ถูกน้ำท่วมหนักทั้งบ้านเรือน ร้านค้าและรถที่ขนย้ายไม่ทันได้รับความเสียหายจำนวนมาก ส่วนท้องทะเลชาวประมงต้องงดออกจากฝั่ง เนื่องจากคลื่นลมแรง
ฝนถล่มหนักสัตหีบจมบาดาล
ต่อมาเมื่อคืนวันที่ 16 ก.ย. ในพื้นที่ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ได้เกิดฝนตกกระหน่ำลงมาอย่างหนักนานติดกันหลายชั่วโมงทำให้ถนนสุขุมวิท กม.ที่ 176 เส้นทางสัตหีบ-พัทยา บริเวณแยกสัตหีบ เกิดน้ำท่วมขังเป็นวงกว้างพื้นที่สูงและพื้นที่ราบต่ำต่างได้รับผลกระทบ สาเหตุจากน้ำระบายลงทะเลไม่ทัน ทำให้การจราจรเป็นอัมพาตรถติดยาวเป็นกิโลเมตร ขณะที่ร้านอาหารตามสั่ง “น้าแป๊ะ เตาถ่าน” ของนายโสภณ ทองสัมฤทธิ์ สารวัตรกำนัน ต.สัตหีบ ซึ่งมีลูกค้ามาใช้บริการท่ามกลางน้ำท่วมสูง ซึ่งเป็นเรื่องที่แปลกเพราะร้านอื่นต่างปิดหนีน้ำแต่ร้านนี้ยังคงเปิดบริการตามปกติแถมลูกค้ายังนั่งกินแบบใช้เท้าจุ่มลงน้ำท่ามกลางน้ำท่วมหนัก และยังช่วยเจ้าของร้านเก็บขยะที่ลอยเข้ามาในร้านอีกต่างหาก
ส่วนนายณรงค์ บุญบรรเจิดศรี นายกเทศมนตรีเมืองสัตหีบ กล่าวถึงปัญหาน้ำท่วมในพื้นที่ว่าเป็นปัญหาที่เกิดมานาน ฝนตกครั้งใดมีปัญหาทุกครั้ง แต่ครั้งนี้ฝนกระหน่ำลงอย่างหนักติดต่อกันหลายชั่วโมง ทำให้น้ำท่วมขังบนถนนสุขุมวิท และเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชนที่อาศัยอยู่ในที่ราบต่ำได้รับความเสียหาย เนื่องจากนํ้าทะเลหนุนขึ้นสูงด้วย
...
หลายชุมชนในศรีราชาอ่วม
ส่วน อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ฝนถล่มหนักทำให้น้ำระบายไม่ทันไหลเข้าท่วมขังถนนหลายสายทั้งในเขตเทศบาลเมืองศรีราชาและเขตเทศบาลนครเจ้าพระยาสุรศักดิ์โดยถนนสุขุมวิทช่วงหน้าห้างฯโรบินสัน ศรีราชาฝั่งไปพัทยามีน้ำไหลบ่าเข้ามาท่วมพื้นผิวการจราจรรถดับหลายคันและที่ชุมชนตลาดฉลอง ชุมชนจ่าบรรณ ชุมชนซอยโรงเป็ดถูกน้ำท่วมสูงเกือบถึงหัวเข่าและไหลเข้าท่วมบ้านเรือนหลายแห่ง ชาวบ้านต้องรีบขนย้ายข้าวของไปไว้ที่สูงอย่างโกลาหล
ระดมกำลังช่วยคนติดค้างบ้าน
ขณะเดียวกัน นายชาคร กัญจนวัตตะ นอภ.บางละมุง จ.ชลบุรี พร้อมกำลังทหารจากค่ายนวมินทราชินี กรมทหารราบ 21 ชลบุรี จำนวน 120 นาย อส. 100 นาย และหน่วยกู้ภัยมูลนิธิสว่างบริบูรณ์พัทยาอีก 100 นาย นำเรือท้องแบนเดินทางไปที่หมู่ 11 ต.ห้วยใหญ่ อ.บางละมุง หลังรับแจ้งจากกำนัน ผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่ว่ามีดินสไลด์ลงมาจากเขาปิดถนนสายสัตหีบ-นครราชสีมา ช่วง หลัก กม.18-19 ต.ห้วยใหญ่ อ.บางละมุง พบหมู่บ้านตั้งอยู่หลังโรงน้ำตาล มีน้ำท่วมสูง 40-50 ซม.บางจุดเป็นแอ่งกระทะสูงถึง 70 ซม. มีผู้เดือดร้อน 44 ครัวเรือนรวมกว่า 100 คน บางคนติดค้างในบ้านที่ถูกน้ำท่วมสูงต้องช่วยลำเลียงออกมาแต่การช่วยเหลือเป็นไปอย่างลำบากต้องใช้เชือกมัดตัวกับต้นไม้เข้าไปช่วยเพราะน้ำไหลเชี่ยว
น้ำทะลักเขื่อนไหลบ่าท่วมบ้าน
นายชาคร กัญจนวัตตะ นอภ.บางละมุง ชลบุรี กล่าวว่า สาเหตุที่กระแสน้ำทะลักท่วมบ้านเรือนประชาชนในหมู่ 11 ต.ห้วยใหญ่ เนื่องจากน้ำล้นสปริลเวย์จากเขื่อนคลองไผ่ ต.ห้วยใหญ่ พื้นที่ติดกับ อ.บ้านฉาง จ.ระยอง ประกอบกับฝนตกลงมาตลอด 4 วันที่ผ่านมาทำให้น้ำที่สูงบนเขาห้วยใหญ่ได้ไหลมาบรรจบกันจึงเกิดเหตุการณ์น้ำท่วมฉับพลันขึ้น เบื้องต้นสามารถช่วยเหลือประชาชนได้อย่างปลอดภัยพร้อมนำเครื่องอุปโภคบริโภคไปช่วยผู้ประสบเหตุ ตามคำสั่งของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และนายคมสัน เอกชัย ผวจ.ชลบุรี
ผู้ว่าฯยันไม่มีประกาศภัยพิบัติ
ต่อมาผู้สื่อข่าวได้สัมภาษณ์นายคมสัน เอกชัย ผวจ.ชลบุรี ถึงกรณีมีกระแสข่าวว่าเมืองพัทยาได้ประกาศเป็นเขตภัยพิบัติว่า ไม่จริง หากประกาศจังหวัดต้องเป็นผู้ประกาศแต่สถานการณ์ขณะนี้ไม่ถึงกับต้องประกาศลักษณะนั้นเพราะจะทำให้การท่องเที่ยวเสียหาย “จริงๆแล้วฝนตกลงมาเพราะพายุหว่ามก๋อ ตกหนักติดต่อกันหลายวันประกอบกับน้ำทะเลหนุนพอดี เลยทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันขึ้น เมื่อน้ำทะเลลงน้ำก็ลดหมดภายใน 4-5 ชั่วโมง ชาวบ้านใช้รถใช้ถนนได้ตามปกติ ส่วนหมู่บ้านต่างๆที่มีน้ำท่วมขัง กำแพงพัง น้ำพัดพาข้าวของเสียหายได้สั่งให้เมืองพัทยาช่วยเหลือเบื้องต้นแล้ว” ผวจ.ชลบุรีกล่าว
เมืองพัทยากลับสู่ภาวะปกติ
สำหรับเขตเมืองพัทยา หลังฝนตกหนักน้ำท่วมและคลื่นทะเลสูง 2-3 เมตร ทำให้กรมเจ้าท่าต้องยกธงแดง ห้ามเรือทุกชนิดออกนอกชายฝั่งพร้อมทั้งรีบลำเลียงนักท่องเที่ยวที่ติดค้างอยู่ที่เกาะล้าน 500 คนกลับสู่ฝั่งพัทยาอย่างปลอดภัยแล้วนั้น ล่าสุดสถานการณ์กลับเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว ชาวบ้านต่างเร่งทำความสะอาดบ้านเรือน ร้านค้าและที่บริเวณปากซอย 10 ชายหาดพัทยา อ.บางละมุง มีชาวบ้านระดมเก็บหอยกาบ หอยกระปุก และหอยแมลงภู่ที่ถูกคลื่นซัดขึ้นมาเกยอยู่เต็มชายหาดพัทยาเพื่อนำไปขาย ส่วนในตัวเมืองพัทยา มีน้ำท่วมขังบางจุดบนพื้นผิวจราจร เช่นถนนพัทยาสาย 3 และตามซอกซอย โดยนายอิทธิพล คุณปลื้ม นายกเมืองพัทยาได้ระดมช่วยเหลือผู้ประสบภัยเบื้องต้นแล้ว
คอสะพานแยกรถหลุดจมหาย
ด้าน จ.ระยอง น้ำท่วมไหลบ่าท่วมบริเวณตลาดมาบตาพุด อ.เมืองระยอง และโรงเรียนมณีวรรณวิทยามีนักเรียนชั้นประถมติดอยู่ภายในโรงเรียนจำนวนมากไม่สามารถออกมาได้ เนื่องจากน้ำท่วมสูงถึง 70 ซม. ภายหลังเจ้าหน้าที่เข้าไปขนย้ายเด็กนักเรียนออกจากโรงเรียนทั้งหมด โดยมีผู้ปกครองมารอรับอยู่บริเวณถนนสุขุมวิท ส่วนที่ ต.สำนักท้อน อ.บ้านฉาง มีน้ำท่วมสูงประมาณ 2 เมตร ชาวบ้านระดมขนย้ายข้าวของขึ้นที่สูงเพื่อป้องกันความเสียหายและที่ถนนสายหลังโรงน้ำตาลเก่า หมู่ 1 ต.สำนักท้อน อ.บ้านฉาง คอสะพานซึ่งเป็นสะพานเชื่อมไปยังเขาชีจรรย์ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ขาดแยกจากกันและมีรถกระบะสีขาวขับผ่านมาถูกน้ำพัดจมหายไปในคลองหลังโรงน้ำตาลยังหาไม่พบเพราะกระแสน้ำแรง
...
บ้านริมคลองจมน้ำ 100 หลัง
ขณะเดียวกันน้ำในคลองยายล้าและคลองบางไผ่ หมู่ 4 ต.สำนักท้อน อ.บ้านฉาง จ.ระยอง ไหลบ่าท่วมบ้านเรือนชาวบ้านเสียหายร่วม 100 หลัง บางหลังอยู่ติดริมคลองถูกน้ำท่วมสูงกว่า 1 เมตร ชาวบ้านและเจ้าหน้าที่เทศบาลตำบลสำนักท้อนเร่งให้การช่วยอพยพคนที่ติดอยู่ในบ้านออกไปอยู่ในที่ปลอดภัย นอกจากนี้ถนนสายบ้านคลองบางไผ่-ไทวายังถูกน้ำท่วมสูงประมาณ 60 ซม. รถไม่สามารถสัญจรได้ ขณะเดียวกันมีทหารจากฐานทัพเรือสัตหีบได้นำรถบรรทุกเข้าไปช่วยเหลือ ส่วนนายชวลิต รื่นรมย์ กำนัน ต.สำนักท้อน กล่าวว่ากรณีมีข่าวว่าอ่างเก็บน้ำคลองบางไผ่แตกนั้นไม่เป็นความจริงเป็นเพียงน้ำที่เอ่อล้นจากอ่างเก็บน้ำไหลเข้าท่วมบ้านเรือนของประชาชนเท่านั้น
แจ้งประชาชนขนย้ายสิ่งของ
ขณะที่นายประเสริฐ วงศ์ศรี นายกเทศมนตรีตำบลทับมา อ.เมืองระยอง ได้ออกประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนเร่งเก็บสิ่งของไว้ในที่สูงและให้นำรถไปจอดที่ห้างแม็คโครเพื่อความปลอดภัยเนื่องจะมีฝนตกหนักอีก ขณะที่เทศบาลได้เตรียมกระสอบทรายไว้แล้ว ส่วนนายนที ปลื้มจิตต์ หัวหน้าฝ่ายช่างสุขาภิบาล เทศบาลนครระยองได้ตรวจสอบถนนตากสินมหาราช บริเวณสะพานเปี่ยมพงษ์ศานต์ ที่ข้ามแม่น้ำระยอง เพราะมีรอยร้าวกว้างประมาณ 1 นิ้ว จึงปิดการจราจร 1 เส้นทาง และห้ามรถบัสวิ่ง ส่วนถนนสุขุมวิท บริเวณสี่แยกไฟแดง บ้านเนินกระปรอก อ.บ้านฉาง เจ้าหน้าที่ได้ปิดการจราจรถนน 1 เลนขาเข้า อ.บ้านฉางเพื่อซ่อมแซมถนนที่ถูกน้ำซัดพังเสียหาย
เมืองจันท์รอดพร่องน้ำเร็ว
ที่ จ.จันทบุรี นายวิสุทธิ์ ประกอบความดี หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จ.จันทบุรี ได้ออกสำรวจพื้นที่บริเวณคลองบายพาสตามแนวทางพระราชดำริ ต.จันทนิมิต อ.เมืองจันทบุรีพบว่าน้ำในแม่น้ำจันทบุรียังห่างจากจุดวิกฤติอีกกว่า 1 เมตร ถึงแม้น้ำสะสมจาก อ.มะขาม และ อ.เขาคิชฌกูฏจะไหลลงแม่น้ำจันทบุรีแต่ไม่ส่งผลทำให้แม่น้ำจันทบุรีเอ่อล้นตลิ่ง เนื่องจากคลองบายพาสตามแนวทางพระราชดำริฯ ได้เปิดจุดระบายน้ำเพื่อพร่องน้ำจาก แม่น้ำจันทบุรีไหลลงทะเลอีกทางหนึ่งและสามารถพร่อง น้ำได้ 200-250 ล้าน ลบ.ม.ต่อวินาทีจึงทำให้ครั้งนี้น้ำในแม่น้ำจันทบุรีไม่เอ่อล้นตลิ่ง และไม่ส่งผลกระทบต่อประชาชนในเขตเศรษฐกิจ
...
น้ำป่าถล่มสะพานเกาะช้างพัง
ขณะที่ จ.ตราด ฝนตกลงมาเกือบตลอดทั้งคืนที่ผ่านมาทำให้ปริมาณน้ำตามคลองต่างๆสูงขึ้นอย่างรวดเร็วและมีกระแสน้ำไหลค่อนข้างรุนแรง เนื่องจากมีปริมาณน้ำที่สะสมอยู่ตามภูเขาได้ไหลลงมาสู่คลอง ต่างๆเพื่อที่จะไหลลงสู่ทะเล โดยเฉพาะคลองพลูช่วงบริเวณสะพานข้ามคลองพลูหน้าร้านอาหารเจ๊อิ๋วซีฟู้ด หมู่ 4 ต.เกาะช้าง อ.เกาะช้าง กระแสน้ำในคลองได้ไหลเชี่ยวจนทำให้บริเวณคอสะพานได้รับความเสียหาย ดินใต้ถนนถูกน้ำซัดจนเป็นช่องโหว่ลึกเข้าไปกว่า 3 เมตร เจ้าหน้าที่ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยอำเภอเกาะช้างและเจ้าหน้าที่เทศบาลเกาะช้างต้องนำกรวยยางมาวางไว้เพราะเกรงว่ารถที่วิ่งสัญจรผ่านไปมาจะทำให้ถนนทรุด
สะพานท่าตะเกียบสะบั้น
นอกจากนี้ ถนนในหมู่บ้านคลองตะเคียน หมู่ 13 ต.ท่าตะเกียบ อ.ท่าตะเกียบ จ.ฉะเชิงเทราถูกน้ำป่าไหลหลากพัดจนสะพานขาดไม่สามารถสัญจรได้ส่งผลให้ชาวบ้านกว่า 20 ครัวเรือน ถูกตัดขาดจากโลกภายนอก ต่อมา นายหลิม สาธุชาติ นายก อบต.ท่าตะเกียบและคณะเดินทางไปตรวจสอบพร้อมเปิดเผย ว่า ในพื้นที่ท่าตะเกียบ ฝนตกติดต่อกันมานาน 3 วัน แล้วทำให้น้ำป่าไหลหลากจากป่าเขาอ่างฤาไน ป่ารอยต่อ 5 จังหวัดภาคตะวันออกไหลทะลักลงมาก่อนไหลลงอ่างเก็บน้ำคลองสียัด ส่วนสะพานจะจัดสรรงบประมาณเร่งซ่อมโดยเร็วและที่ อ.พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา โรงเรียนพนมสารคามพนมอดุลวิทยา หมู่ 1 ต.พนม อ.พนมสารคาม ถูกน้ำท่วมสูงประมาณ 30 ซม. หลังจากมีฝนตกหนักตลอดทั้งวันทำให้น้ำไหลลงท่าระบายน้ำไม่ทัน ทำให้นักเรียนและครูต้องเดินลุยน้ำเพื่อไปทำกิจกรรม ขณะที่ตลาดศิริพนมสารคามมีน้ำท่วมประมาณ 40-50 ซม. ส่วนบนถนนสายฉะเชิงเทรา-พนมสารคาม ช่วง กม.ที่ 105-107 มีน้ำท่วมประมาณ 30-50 ซม.
พายุฝนถล่มต้นโพธิ์ยักษ์โค่น
...
ด้าน จ.อ่างทอง ต้นโพธิ์ขนาดใหญ่อายุกว่า 200 ปี ภายในวัดวงษ์ภาศณาราม หมู่ 3 ต.ราชสถิตย์ อ.ไชโย จ.อ่างทอง ถูกพายุฝนถล่มอย่างหนักจนโค่นลงมา หลังเกิดเหตุชาวบ้านช่วยกันตัดกิ่งต้นโพธิ์ขนาดใหญ่ 15 คนโอบ สูงประมาณ 20 เมตร เพื่อเคลียร์พื้นที่ โดยนายวงษ์ ทองทรัพย์ อายุ 73 ปี บ้านอยู่ข้าง วัด เปิดเผยว่า ต้นโพธิ์ยักษ์เป็นที่อาศัยของสัตว์ต่างๆ ทั้งนก หนู ตุ๊กแก อาศัยทำรังอยู่เป็นจำนวนมาก สาเหตุที่โค่นลงมาเพราะพายุฝนที่ตกกระหน่ำตลอดทั้งคืนทำให้ดินชุ่มน้ำ ประกอบกับต้นโพธิ์มีกิ่งก้านและใบแผ่กว้างจนต้านแรงลมไม่ไหวจึงโค่นลงมา หลังเกิดเหตุชาวบ้านใน ต.ราชสถิตย์ ต้องการอนุรักษ์ต้นโพธิ์ยักษ์นี้เอาไว้เลยมาช่วยตัดกิ่งก้านออกเพื่อดึงลำต้นให้ตั้งขึ้นบำรุงรักษาให้ฟื้นมีชีวิตอยู่ต่อไป
ชาว กทม.โล่งน้ำไม่ท่วมขัง
รายงานข่าวจากศูนย์ควบคุมระบบป้องกันน้ำท่วม กทม. แจ้งว่า สถานการณ์ฝนตกในพื้นที่กทม. ช่วง 2 วันที่ผ่านมา ฝนตกเป็นบริเวณกว้างมีแนวโน้มคงที่ โดยพื้นที่ที่ตกหนักมากที่สุดคือเขตหนองจอก และบริเวณด้านทิศตะวันออกของ กทม.มีปริมาณฝน 50 มิลลิเมตร ส่วนภาพรวมในพื้นที่กทม.นั้นมีปริมาณฝน 10-15 มิลลิเมตร ทั้งนี้ ปริมาณน้ำในคลองต่างๆยังทรงตัวมีเพียงบางคลองที่มีปริมาณน้ำเพิ่มขึ้น เช่น คลองลาดพร้าวที่มีปริมาณน้ำเพิ่มขึ้น 20 ซม.ซึ่งทาง กทม.ได้สูบน้ำและเฝ้าระวังตลอด 24 ชั่วโมง อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังไม่พบ มีน้ำท่วมขังบริเวณใด ทั้งนี้ นายสมพงษ์ เวียงแก้ว รองผู้อำนวยการสำนักการระบายน้ำ (สนน.) กล่าวถึงการติดตามสถานการณ์พายุดีเปรสชั่น “หว่ามก๋อ” ในพื้นที่ กทม.ว่า ทางศูนย์ป้องกันน้ำท่วมได้จัดทีมเฝ้าระวังสถานการณ์ตลอด 24 ชั่วโมง มั่นใจหากฝนตกในระดับ 60 มิลลิเมตร กทม. สามารถควบคุมระบายน้ำได้
ชุมพรท่วมหนักถูกตัดขาด
ด้านภาคใต้ที่ จ.ชุมพร ฝนถล่มน้ำป่าทะลักท่วมบ้านเรือนราษฎรที่อยู่ริมแม่น้ำภายในหมู่บ้านทับขอน หมู่ 5 ต.ปากทรง อ.พะโต๊ะ เป็นวงกว้าง ถนนภายในหมู่บ้านถูกตัดขาด เสาไฟฟ้าโค่นล้มทำให้ไฟดับทั้งหมู่บ้าน ชาวบ้านกว่า 50 หลังคาเรือน พากันเดือดร้อนอย่างหนัก ร.ต.กิตติภพ รอดดอน นอภ.พะโต๊ะ นำเจ้าหน้าที่นั่งรถยนต์โฟร์วีลเข้าช่วยเหลือเบื้องต้นแล้ว ส่วน จ.ระนอง หลังฝนเทกระหน่ำติดต่อกัน 4 วัน ทำให้น้ำป่าไหลหลาก ท่วมบ้านเรือนเรือกสวนไร่นาเป็นวงกว้าง โดยเฉพาะพื้นที่บ้านบางแก้ว ต.บางแก้ว อ.ละอุ่น ดินภูเขาสไลด์ทับถนนปิดเส้นทาง 4 จุด เจ้าหน้าที่ทางหลวงชนบทร่วมกับท้องถิ่นเร่งแก้ไขเต็มที่ จนถนนเปิดใช้การได้
ขณะที่ในเขตเทศบาลเมืองระนอง น้ำจากใน คลองระกัด ล้นตลิ่งท่วมถนนสูงหลายจุดรถเล็กสัญจรผ่านไม่ได้ แถมเสาไฟฟ้าโค่นล้มทำให้ไฟดับชาวบ้าน พากันเดือดร้อนทั่วหน้า ขณะเดียวกันหน่วยกู้ภัยมูลนิธิระนองสงเคราะห์ได้โรยเชือกช่วยเหลือชาวบ้าน รายหนึ่งที่ถูกกระแสน้ำไหลเชี่ยวพัดพาไปติดตอม่อสะพานจันทร์ธาราที่คลองหาดส้มแป้น ข้างสวนรักษ์-วาริน สอบถามทราบว่าโดดสะพานลงมาเล่นน้ำและ เป็นจังหวะเดียวกับที่น้ำป่าทะลักมาพอดีเลยว่ายไปเกาะที่ตอม่อสะพาน
พังงาเตรียมอพยพชาวบ้าน
ส่วน จ.พังงา พายุฝนถล่มทำให้บ้านพักข้า-ราชการ สวท.พังงา ในตัวเมืองพังงาหลังคาปลิวว่อน 5 หลัง เจ้าหน้าที่พากันขนย้ายข้าวของไปไว้บนที่ ทำงานกันอย่างทุลักทุเล ถนนทางเข้ามีต้นไม้ล้มทับระเนนระนาด ศูนย์ปฏิบัติการเฝ้าระวังและเตือนภัยน้ำหลากจังหวัด แจ้งสถานการณ์น้ำฝนเตือนภัยอพยพ (สีแดง) หลังพบปริมาณน้ำฝนบ้านช้างเชื่อ ต.เหลอ อ.กะปง มีฝนสะสม 12 ชม.ถึง 156.0 มิลลิเมตร ต้องสั่งเตรียมพร้อมอพยพชาวบ้านแล้ว ขณะที่น้ำตกมโนราห์ แหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญตั้งอยู่หมู่ 3 ต.นบปริง อ.เมืองพังงา มีการสั่งปิดชั่วคราวเช่นกัน
ที่ จ.กระบี่ พายุพัดถล่มต้นไม้โค่นล้มทับบ้านพัก นายพินิจ เอ่งฉ้วน ผู้ช่วยหัวหน้าอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธาราหมู่เกาะพีพี ภายในที่ทำการอุทยาน ต.อ่าวนาง อ.เมืองกระบี่ พังเสียหาย เจ้าหน้าที่ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย อบต.อ่าวนาง นำรถเครนเข้าช่วยเหลืออย่างทุลักทุเล ขณะที่บ้านเรือนชาวบ้านถูกต้นไม้ล้มทับพังเสียหายอีก 2 หลัง ส่วนชายหาดอ่าวนาง คลื่นลมแรงเจ้าหน้าที่นำธงแดงปักเตือนภัยตลอดแนวชายหาด และที่ จ.ภูเก็ต คลื่นซัดเต่าหญ้าลอยเกยชายหาดกมลา 2 ตัว เจ้าหน้าที่ช่วยเหลือนำไปอนุบาลก่อนปล่อยคืนสู่ธรรมชาติ
ไม้ล้มทับบ้านอดีต“นายกฯชวน”
ด้าน จ.ตรัง พายุฝนตกหนักทำให้น้ำทะลักท่วมถนนวิเศษกุล เขตเทศบาลนครตรัง เป็นทางยาว ชาวบ้านขับรถลุยน้ำจนคลื่นกระทบบ้านเรือนได้รับความเสียหายหลายหลัง ต้นแคแสดกลางบ้านของ นายชวน หลีกภัย อดีตนายกรัฐมนตรี 2 สมัย ที่บ้านเลขที่ 183 ถนนวิเศษกุล ต.ทับเที่ยง อ.เมืองตรัง ถูกพายุพัดจนโค่นล้มลงมาทับหลังคาที่ศาลารับแขกกลางบ้านได้รับความเสียหาย ส่วนบ้านที่อยู่ใกล้เคียงกันก็ได้รับความเสียหายจากเหตุวาตภัยครั้งนี้หลายหลังเช่นกัน
สตูลอ่วมจมบาดาล 5 อำเภอ
ขณะที่ จ.สตูล ฝนที่ตกติดต่อกัน 3 วัน ทำให้ป่าทะลักท่วมเป็นวงกว้าง 5 อำเภอ โดยเฉพาะน้ำในคลองดูสน ล้นตลิ่งทะลักท่วมบ้านเรือนในพื้นที่ ต.ควนโดน ต.ย่านซื้อ อ.ควนโดน บ้านเรือน สวนยาง พารา สวนผลไม้จมอยู่ใต้บาดาล ถนนหลายสาย ถูกตัดขาด ชาวบ้านได้รับความเดือดร้อนทั่วหน้า เช่นเดียวกับ จ.สงขลา เรือประมงพื้นบ้านพากันเข้าฝั่งจอดลอยลำจำนวนมาก หลังมีการประกาศเตือนคลื่นลมในอ่าวไทยกำลังแรง เรือเล็กควรงดออกจากฝั่ง ขณะที่นายวีรพงค์ แก้วสุวรรณ ผวจ.ปัตตานี ประกาศเตือนห้ามชาวบ้านและนักท่องเที่ยวลงเล่นน้ำทะเลชายฝั่งอ่าวไทย 6 อำเภอ หลังมีคลื่นลมแรงจากอิทธิพลพายุดีเปรสชันหว่ามก๋อ
ดินภูเขาสไลด์ถล่มทับถนน
ด้าน จ.แม่ฮ่องสอน หลังฝนตกหนักทำให้ดินภูเขาสไลด์ปิดทับถนนระหว่างบ้านแม่คะ-บ้านแม่หลุย ต.แม่สวด อ.สบเมย จ.แม่ฮ่องสอน ทำให้ชาวบ้านในพื้นที่ต่างเดือดร้อน ต่อมานายพิศิษฐ์ กิจบุญอนันต์ นอภ.สบเมย ได้มอบหมายให้นายจรูญ จินะกัณฑ์ ปลัดอำเภอฝ่ายป้องกันและคณะเดินทางเข้าพื้นที่เพื่อช่วยเหลือประชาชน สอบถามนายเจแฮ พิมพ์วรรณธนา นายก อบต.แม่สวด กล่าวว่า จุดเกิดเหตุรถไม่สามารถผ่านได้จึงแจ้งขอความช่วยเหลือจากทางหลวงชนบทเร่งมาดำเนินการเคลียร์พื้นที่แล้วและที่ จ.กำแพงเพชร หลังพายุฝนกระหน่ำ 2 วันทำให้ ต้นกล้วยไข่ที่กำลังตกเครือรอเก็บเกี่ยวต้องล้มระเนน ระนาดในพื้นที่หมู่ 2 ต.สระแก้ว อ.เมือง ถูกพายุพัดจนต้นกล้วยไข่เสียหายหลายไร่ทำให้เจ้าของถึงกับเครียดเพราะลงทุนไปประมาณ 1 แสนบาทต่อไร่
ฝนตกหนักน้ำเข้าเขื่อนเพิ่ม
สำหรับ จ.ศรีสะเกษ หลังพายุ “หว่ามก๋อ” หอบฝนตกหนักติดต่อกันตั้งแต่คืนวันที่ 14 ก.ย.ที่ผ่านมา ส่งผลให้ที่เขื่อนราษีไศล ต.หนองแค อ.ราษีไศล จ.ศรีสะเกษ มีน้ำไหลเข้าอ่างปริมาณมาก โดยนายเทิดพงศ์ ไทยอุดม ผอ.โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษามูลล่าง สำนักชลประทานที่ 8 นครราชสีมากล่าวว่า เขื่อนราษีไศลมีระดับกักเก็บที่ 119 เมตร ความจุเก็บกักอยู่ที่ 75 ล้าน ลบ.ม. ขณะนี้มีปริมาณน้ำ 35 ล้าน ลบ.ม.คิดเป็น 50 เปอร์เซ็นต์ของความจุอ่าง และยังต้องรับน้ำเพิ่มอีกมากจึงต้องพร่องน้ำเพื่อรอรองรับน้ำที่ไหลมาจากทางเหนือเขื่อนต่อไป
ที่ จ.นครราชสีมา มีเมฆปกคลุมและฝนตกอย่างต่อเนื่องทำให้น้ำท่วมขังถนนทางเข้าหมู่บ้านหนองตาคง หมู่ 8 ต.หนองบัวศาลา อ.เมือง ระดับน้ำสูงประมาณ 50- 60 ซม.รวมทั้งชุมชนบ้านหนองโสน เขตเทศบาลนครนครราชสีมา น้ำท่วมขังบ้านเรือนและผิวถนน ตรอก ซอยต่างๆ กว่า 50 หลัง ระดับน้ำ 30-40 ซม. ขณะที่นายชิดชนก สมประเสริฐ ผอ.สำนักชลประทานที่ 8 นครราชสีมา กล่าวว่า จากอิทธิพลของพายุ “หว่ามก๋อ” ส่งผลให้เกิดฝนตกต่อเนื่อง 2 วัน ทำให้ปริมาณน้ำในเขื่อนเพิ่มขึ้นทุกแห่ง อาทิ เขื่อนลำตะคอง อ.สีคิ้ว มีปริมาณน้ำเหลือ 67.56 ล้าน ลบ.ม. เขื่อนลำพระเพลิง อ.ปักธงชัย มีปริมาณน้ำ 27.48 ล้าน ลบ.ม. เป็นต้น
น้ำทะเลยกสูงไม่ระบายเลยท่วม
นายรอยล จิตรดอน ผอ.สถาบันสารสนเทศน้ำและการเกษตร (สสนก.) กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กล่าวว่า สาเหตุที่ อ.พัทยา จ.ชลบุรี และตัวเมือง จ.ระยอง เมื่อมีฝนตกลงมาแล้ว ระบายน้ำได้ช้ามากเป็นเพราะตัวถนนที่ถูกสร้างให้ยกสูงขึ้นมาก คลองระบายน้ำถูกถม ที่สำคัญขณะนี้เกิดปรากฏการณ์สตอร์มเสิร์ตหรือน้ำทะเลยกตัวสูงมาก ตั้งแต่ชายหาดระยองมาถึงชายหาดพัทยา ซึ่งเหตุการณ์เกิดเหมือนกับตอนปลายเดือน ต.ค.2554 ที่มีน้ำท่วมใหญ่ทำให้ไม่สามารถระบายน้ำลงทะเลได้ เมื่อถามว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นสามารถแก้ปัญหาได้อย่างไร นายรอยลกล่าวว่า กรมชลประทานได้สร้างฝายที่ อ.แกลง จ.ระยอง ใกล้จะเสร็จแล้ว คาดการณ์ว่าปีหน้าจะใช้การได้ปัญหานี้น่าจะเบาบางลง แต่ที่คลองทับมา ซึ่งเป็นคลองที่ไหลเข้าตัวเมืองระยองยังไม่ได้ทำอะไร อาจจะต้องแก้ปัญหาเฉพาะหน้าไปก่อน
ขณะที่ พล.ร.ต.กาญจน์ ดีอุบล เลขานุการกองทัพเรือ กล่าวว่า จากสถานการณ์ฝนตกน้ำท่วมในพื้นที่ชลบุรีและระยองเพื่อให้เกิดความพร้อมในการบรรเทาสาธารณภัย ผบ.พล.นย.มีคำสั่งให้ นขต.พล.นย.ในพื้นที่สัตหีบเตรียมการทั้งกำลังพล รถยนต์บรรทุกทางทหารและเรือยางเพื่อให้การสนับสนุนเมื่อมีการร้องขอ
ช่วยคนงาน 30 ชีวิตติดน้ำท่วม
ต่อมาเย็นวันเดียวกันหน่วยกู้ภัยมูลนิธิโรจนธรรมสถานสัตหีบ จ.ชลบุรี ร่วมกับเจ้าหน้าที่กู้ภัยร่วมทหารเรือ ระดมกำลังและเรือท้องแบนเข้าช่วยเหลือคนงานก่อสร้างจำนวน 30 คน ที่ติดค้างอยู่ภายในแคมป์ คนงาน หมู่ 3 ต.พลูตาหลวง อ.สัตหีบ ที่ถูกน้ำท่วมสูง 1-2 เมตร และถูกตัดขาดจากโลกภายนอก ท่ามกลางสายฝนที่ตกลงมาอย่างหนัก นอกจากนี้ ยังช่วยเหลือสุนัขในพื้นที่ดังกล่าวได้อีกหลายตัว สอบถามคนงานก่อสร้างเปิดเผยว่า ไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะเกิดเหตุน้ำท่วมอย่างรวดเร็ว น้ำได้ทะลักเข้าท่วมแคมป์ภายในไม่ถึง 5 นาที ทำให้ไม่ทันตั้งตัวเลยหนีไม่ทัน โชคดีที่เจ้าหน้าที่กู้ภัยและทหารเรือมาช่วยเหลือได้อย่างปลอดภัย
ส่วนถนนสุขุมวิท บริเวณก่อนถึงสามแยกไฟแดง นาเกลือ หมู่ 5 ต.นาเกลือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ยังมีน้ำท่วมขังสูงประมาณ 20 ซม. ยาวประมาณ 500 เมตร ขณะเดียวกัน ที่ชุมชนดอนนุ่น ซอย 5 ต.บึง อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี พื้นถนนทรุดยาวกว่า 18 เมตร กว้าง 6 เมตร และลึกกว่า 2 เมตร จนทำให้กำแพงที่มีความสูง 2 เมตร พังถล่มยาว 8 เมตร สาเหตุถูกน้ำกัดเซาะใต้ดิน