ชาวบ้านกะทู้ ภูเก็ต นับสิบคน เข้าปิดล้อมกุฏิเจ้าอาวาสวัดกะทู้ ขับไล่ ผช.เจ้าอาวาสพ้นวัด หลังมีพฤติกรรมไม่ชอบมาพากล รับเงินอนุโมทนาบัตร เซ็นแทนเจ้าอาวาส-รับเช็คนิรนามนับแสนบาท

เมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 13 ก.ย. ได้มีกลุ่มชาวในทู หรือ ชาวกะทู้ ต.กะทู้ อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต ชาย-หญิง นับสิบคน ปิดล้อมกุฏิพระครูโกวิทนัยสารหรือหลวงพ่อเชย เจ้าอาวาสวัดกะทู้ ถ.วิชิตสงคราม ต.กะทู้ อ.กะทู้ ซึ่งเป็นที่จำวัดของพระพิชิต ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดกะทู้ พร้อมทั้งนำป้ายผ้าเขียนข้อความขับไล่ นำมาติดไว้ที่ทางเข้ากุฏิ

โดยบริเวณประตูทางเข้าด้านในกุฏิ ยังมีป้ายระบุ "พระดีนิมนต์ไว้ พระร้ายนิมนต์ออกไป" พร้อมทั้งได้นำโซ่มาล่ามไว้ที่ประตูกุฏิ และล็อกกุญแจอย่างแน่นหนา ซึ่งมีเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ทุ่งทอง จำนวนหนึ่ง คอยดูแลความสงบเรียบร้อยอยู่โดยรอบ ซึ่งชาวบ้านไม่ได้บุกเข้าไปภายในกุฏิแต่อย่างใด โดยจับกลุ่มอยู่บริเวณหน้ากุฏิเท่านั้น

ทั้งนี้ สืบเนื่องจากชาวในทู ซึ่งเป็นชาวบ้านที่อยู่บริเวณโดยรอบวัดมาช้านาน ตั้งแต่ครั้นบรรพบุรุษ ต่อมา พระครูโกวิทนัยสาร หรือ หลวงพ่อเชย ได้มาจำวัดและเป็นเจ้าอาวาสในเวลาต่อมา จนกระทั่งปัจจุบันหลวงพ่อเชย เริ่มมีอายุมากขึ้น ประกอบกิจทางสงฆ์ไม่ได้มากนัก จึงได้แต่งตั้งพระพิชิต ซึ่งเป็นพระลูกวัด เป็นผู้ช่วยเจ้าอาวาส เพื่อดูแลวัดแทนเป็นครั้งคราว จากนั้นเมื่อช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ได้มีเอกชนติดต่อขอเช่าพื้นที่ภายในวัด สร้างเป็นร้านเช่าพระเครื่อง และพระบูชา ตลอดจนเครื่องรางของขลัง จัดจำหน่าย ให้กับนักท่องเที่ยวชาวจีน ที่เริ่มเข้ามามนัสการสิ่งศักดิ์สิทธิ์ภายในวัด

...


โดยพระพิชิต จะมีผู้ดูแลและประสานงานกับร้านเช่าพระดังกล่าว โดยมีการสร้างสิ่งศักดิ์สิทธิ์เพิ่มเติมภายในวัด เช่น พระพรหม เป็นต้น เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้มากราบไหว้ จนทำให้วัดเริ่มคึกคัก และเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวชาวจีน ต่อมา เอกชนได้เริ่มขยายกิจการร้านเช่าพระเครื่อง โดยได้เช่าพื้นที่เปล่าภายในวัดเพิ่ม เพื่อสร้างอาคาร หรือ ล็อกเช่า คล้ายพลาซ่าด้านหลังพระอุโบสถ์ ซึ่งมีการตัดไม้ใหญ่ยืนต้นที่มีอายุนับร้อยปี ทำให้ชาวบ้านเริ่มไม่พอใจกับการตัดไม้ใหญ่ เพื่อปรับพื้นที่ในการจัดสร้างอาคารดังกล่าว

จากนั้น ชาวบ้านจึงเริ่มรวมตัวกันเข้าไปตรวจสอบหาที่มาที่ไป ของการสร้างอาคารดังกล่าวว่า เป็นความประสงค์ของผู้ใด และใครอนุญาตให้มีการจัดสร้าง ทำให้ฝ่ายปกครอง อำเภอกะทู้ และเทศบาลเมืองกะทู้ เข้ามาตรวจสอบร่วมด้วย พร้อมกับสั่งระงับการก่อสร้างไว้ชั่วคราว เพื่อตรวจสอบที่มาที่ไปและการยื่นขออนุญาตก่อสร้าง ขณะที่ชาวบ้านเริ่มตรวจสอบแหล่งที่มาของเงินภายในวัด จนกระทั่งพบหลักฐานลายเซ็นเจ้าอาวาส ไม่ตรงกับลายเซ็นจริง โดยมีการออกใบอนุโมทนาบัตร ให้กับผู้บริจาคแต่ละใบๆ ละหลายหมื่นบาท รวมแล้วนับแสนบาท และยังมีการเซ็นรับเช็คเงินสดอีกจำนวน 9 แสนบาท โดยชาวบ้านอยู่ระหว่างการหาที่มาของเช็คฉบับดังกล่าว แต่ผู้เซ็นรับเช็คเป็นพระพิชิต และเมื่อสอบถามไปยังพระพิชิตกลับไม่ได้รับคำตอบที่ชัดเจน จึงเป็นที่มาของการรวมตัวในครั้งนี้ ซึ่งไม่พบพระพิชิตจำวัด หรือ อยู่ภายในวัดแต่อย่างใด มีเพียงลูกศิษย์คอยเดินสังเกตการณ์อยู่โดยรอบ พร้อมกับโทรศัพท์รายงานความเคลื่อนไหวของกลุ่มชาวบ้านตลอดเวลา

ด้านตัวแทนชาวบ้าน กล่าวว่า หลักฐานที่ชาวบ้านมีอยู่ในมือขณะนี้ถือว่า เป็นเอกสารสำคัญทางกฎหมาย เช่น เช็คเงินสด ใบอนุโมทนาบัตร ที่มีการเซ็นชื่อแทนเจ้าอาวาสวัดกะทู้ โดยเจ้าอาวาสมีการเซ็นใบอนุโมทนาบัตรเพียง 1 ใบ ที่เหลือไม่เคยรับทราบมาก่อน ชาวบ้านจึงต้องการคำชี้แจงจากพระพิชิต เกี่ยวกับธุรกรรมการเงินดังกล่าว พร้อมกับให้มัคทายกวัด นำบัญชีการเงินของวัดมาชี้แจงกับชาวบ้าน เพื่อความโปร่งใส ตลอดจนเช็คเงินสดดังกล่าว เป็นเงินที่ได้มาจากสิ่งใด เบื้องต้นได้นำโซ่มาล็อกกุญแจกุฏิเจ้าอาวาส ที่พระพิชิตใช้จำวัดไว้แล้ว เนื่องจากไม่อยู่ โดยจะจัดชาวบ้านเฝ้าตลอด 24 ชม. จนกว่าพระพิชิตจะมาชี้แจงในเรื่องต่างๆกับชาวบ้าน จากนั้นชาวบ้านได้แยกย้ายกันกลับ โดยเหลือไว้เพียงเวรยามเฝ้าหน้ากุฏิ เท่านั้น