รอง ผบก.น.7 เผยคลิปบันจี้จัมพ์บนสะพานพระราม 8 จนท.รื้อสำนวนคดีเก่ามาตรวจสอบ พบเป็นทีมงานบริษัทติดตั้งอุปกรณ์บันจี้จัมพ์ ซึ่งไม่ขอดำเนินคดีกับผู้ใด เนื่องจากได้รับบาดเจ็บจากการทดสอบ ขณะถ่ายทำโฆษณาขายมือถือให้บริษัทจากเมืองจีน
จากกรณีคลิปบันจี้จัมพ์บนสะพานพระราม 8 ปรากฏภาพบุคคลไม่ทราบสัญชาติถ่ายโฆษณาให้บริษัทมือถือจากประเทศจีน โดยใช้เชือกผูกข้อเท้าแล้วกระโดดบันจี้จัมพ์จากกลางสะพานพระราม 8 ความสูง 15 เมตร ลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยา แต่พลาดร่างกระแทกพื้นน้ำอย่างจังก่อนที่ภาพจะตัดไป ซึ่งข่าวสารในโลกโซเชียลระบุว่าผู้ได้รับบาดเจ็บเป็นเพศหญิง ถูกนำส่งโรงพยาบาลใกล้เคียง โดยคลิปโพสต์เมื่อวันที่ 8 ก.ย.ที่ผ่านมา ทำให้ผู้ที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะตำรวจต้องตามหาบุคคลในคลิปจ้าละหวั่นนั้น
ความคืบหน้าล่าสุดเมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 10 ก.ย. พ.ต.อ.เมธี รักพันธุ์ รอง ผบก.น.7 เปิดเผยว่า ขณะนี้สามารถสรุปเรื่องที่เกิดขึ้นได้แล้วหลังทางพนักงานสอบสวน สน.บวรมงคล รื้อสำนวนคดีเก่ามาตรวจสอบ พบว่า เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 21 ส.ค.ที่ผ่านมา มีผู้เสียหายชื่อ นายอนุสรณ์ จิตเกษม อายุ 19 ปี ชาว จ.ระยอง เดินทางเข้าพบ ร.ต.ท.ภัทรวิชญ์ กิตติศรีสุวรรณ พงส.สน.บวรมงคล เพื่อขอลงบันทึกประจำวันกรณีไม่ขอดำเนินคดีกับผู้ใดหลังเจ้าตัวซึ่งเป็นทีมงานของบริษัทติดตั้งอุปกรณ์บันจี้จัมพ์ได้รับบาดเจ็บจากการทดสอบอุปกรณ์บันจี้จัมพ์กลางสะพานพระราม 8 ขณะถ่ายทำโฆษณาขายมือถือให้บริษัทแห่งหนึ่งจากประเทศจีน
ทั้งนี้ ตามบันทึกประจำวันระบุใจความว่า เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 9 ส.ค. มีการว่าจ้างบริษัทติดตั้งอุปกรณ์บันจี้จัมพ์มาถ่ายทำโฆษณาบนสะพานพระราม 8 เมื่อ นายประสิทธิ์ วงษ์กันยา ผู้เชี่ยวชาญด้านการติดตั้งทำการประกอบอุปกรณ์เป็นที่เรียบร้อย ทางผู้จ้างวานได้ให้ นายประสิทธิ์ ทดสอบด้วยการกระโดดลงไปก่อนถ่ายทำจริง แต่นายประสิทธิ์ มอบหมายให้ นายอนุสรณ์ ผู้เสียหายเป็นผู้ทดสอบแทน
...
ทั้งนี้ ขณะที่ นายอนุสรณ์ สวมอุปกรณ์เป็นที่เรียบร้อยขณะกำลังปีนขึ้นไปเพื่อกระโดดลงมาทดสอบ ปรากฏว่า นายประสิทธิ์ ได้ผลักนายอนุสรณ์ ลงไปในน้ำและด้วยความที่เชือกยาวเกินมาตรฐาน ทำให้ใบหน้านายอนุสรณ์ กระแทกผิวน้ำจนได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย ซึ่งทีมงานได้รีบนำส่ง รพ.เจ้าพระยา รักษาตัวจนหายดี อีกทั้งผู้จ้างวานได้ออกค่ารักษาพยาบาลและค่าเยียวยาให้จนพอใจ นายอนุสรณ์ จึงเดินทางมาลงบันทึกประจำวันไว้ว่าไม่ประสงค์ดำเนินคดีกับผู้ใดตามวันและเวลาดังกล่าว
"ดังนั้นตนจึงอยากฝากประชาสัมพันธ์ไปถึงสื่อมวลชนและพี่น้องประชาชนด้วยว่าการจะเผยแพร่บทความหรือภาพอื่นใด ที่จะทำให้เกิดความตระหนกในสังคมขอให้ตรวจสอบให้แน่ชัดก่อน จากการรายงานเบื้องต้นของเรื่องนี้ทราบว่ามีผู้ได้รับบาดเจ็บเป็นเพศหญิง และมีการกระจายข่าวโพสต์เผยแพร่ไปเมื่อวันที่ 8 ก.ย.ทำให้ต้องระดมกำลังตรวจสอบตามโรงพยาบาลกันจ้าละหวั่น ท้ายที่สุดก็มาพบว่าผู้เสียหายเป็นเพศชาย เรื่องเกิดขึ้นมานาน 1 เดือนและตกลงเจรจากันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว" รอง ผบก.น.7 กล่าว.