ชาวบ้านและพระวัดพระเจ้าใหญ่ขุมคำ อ.กุดข้าวปุ้น จ.อุบลราชธานี เผยขุดพบกริชโบราณในบริเวณวัด ก่อนนำขึ้นมาบูชาแล้วมีคนโชคดีถูกหวยมาแล้วหลายงวด เชื่อเป็นของท้าวคันธนามใช้สู้งูยักษ์ในตำนานถ้ำสมบัติ โดยรอ จนท.กรมศิลปากรมาพิสูจน์...

เมื่อวันที่ 9 ก.ย.58 ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยว่าที่วัดพระเจ้าใหญ่ขุมคำ ถนนตระการพืชผล–เขมราฐ หมู่ที่ 9 ต.แก่งเค็ง อ.กุดข้าวปุ้น จ.อุบลราชธานี พระสงฆ์และชาวบ้านขุมคำ ได้ขุดค้นพบมีดกริชโบราณ และหินทรายที่ลักษณะคล้ายเขี้ยว ภายในบริเวณวัด ก่อนนำขึ้นมาบูชาแล้วต่างพากันโชคดีถูกหวยมาแล้วหลายงวด

พระบุญศรี อนุตตโร พระลูกวัด กล่าวถึงการขุดค้นพบมีดกริชโบราณว่า เนื่องจากฤดูแล้งที่ผ่านมาทางวัดได้มีโครงการขุดสระน้ำเพื่อกักเก็บน้ำไว้ใช้ในช่วงหน้าแล้ง จึงมีการขุดสระลึก เมื่อขุดไปประมาณ 3 เมตร พบบ่อดินเป็นโพรงลงไปมีหินทับอยู่ปากบ่อเมื่อยกหินออกก็พบมีดกริชโบราณคลาย ทองสัมฤทธิ์ สภาพสมบูรณ์ มีหินเกาะทั้งด้ามจนมองไม่เห็นเนื้อในแล้ว ขนาดยาวประมาณ 50 เซนติเมตร และหินทรายลักษณะคล้ายเขี้ยวอยู่ในบริเวณใกล้กัน ทางวัดได้นำขึ้นมาและเก็บรักษาไว้ นอกจากนี้บริเวณที่พบมีดกริช ยังพบกำแพงหินทรายยาวประมาณ 30 เซนติเมตร ถูกดินกลบทับอยู่ ทางวัดได้นำจอบมาขุดดินออกเห็นเป็นก้อนหินลักษณะเป็นก้อนสี่เหลี่ยมที่มีขนาดน้อยใหญ่ไม่เท่ากันทับซ้อนเรียงกันเป็นแนวยาวด้วย

...



พระลูกวัดของวัดพระเจ้าใหญ่ขุมคำ กล่าวต่อว่า เมื่อชาวบ้านทราบข่าวต่างมาดูมีดกริชและหินลักษณะคล้ายเขี้ยวยักษ์ ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า มีดกริชนี้น่าจะเป็นของเก่าแก่โบราณตามตำนานว่าที่แห่งนี้มีถ้ำสมบัติที่มีนางยักษ์และงูใหญ่เฝ้าสมบัติอยู่หน้าถ้ำ ต่อมามีท้าวคันธนามทราบเรื่องจะเข้าไปเอาสมบัติ เกิดมีการต่อสู้กับงูใหญ่และนางยักษ์ที่เฝ้าอยู่ปากถ้ำ โดยใช้กริชตัดงูออกเป็นท่อนๆ และฆ่านางยักษ์เข้าไปเอาสมบัติคือทองคำในถ้ำไปได้ และมีดกริชนี้น่าจะเป็นอาวุธของท้าวคันธนามที่ใช้ต่อสู้กับงูและนางยักษ์ โดยหลังทางวัดนำขึ้นมาบูชาชาวบ้านเข้ามากราบไหว้ขอพร และนำลวดลายที่ปรากฏในมีดกริชและหินรูปเขี้ยวไปตีเป็นเลขลุ้นโชค ถูกรางวัลมาแล้วหลายงวด

พระบุญศรี กล่าวด้วยว่า ขณะนี้ ทางวัดยังไม่ทราบแน่ชัดว่ามีดกริชและหินทรายลักษณะ คล้ายเขี้ยวยักษ์ที่พบมีอายุเท่าใด เป็นของโบราณหรือไม่ จึงรอการตรวจสอบจากเจ้าหน้าที่ที่มีส่วนเกี่ยวข้องเพื่อคลายข้อสงสัยของชาวบ้านต่อไป