กลางสถานการณ์หวั่นและหวาดระเบิดอย่างปัจจุบันการสังเกตและระวังระเบิดควรทำอย่างไร
พ.อ.ดร.สุชาต จันทรวงศ์ หัวหน้าส่วนประสานการปฏิบัติและประเมินผล ศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติบอกว่า เมื่อเห็นวัตถุที่ไม่มีเจ้าของ หรือหาเจ้าของไม่พบ อย่างไปเจอกระเป๋า หีบห่อที่วางไว้ พิจารณาลักษณะภายนอกเห็นว่าผิดปกติไปจากรูปเดิม เช่น กล่องปิดไม่เรียบร้อย มีรอยยับ หรือเห็นวัตถุที่ควรจะอยู่ในที่อื่น ไม่ควรจะมาอยู่ตรงนั้น อย่างนี้ให้สงสัยไว้ก่อนว่าเป็นวัตถุระเบิด
หากพบวัตถุต้องสงสัยแล้วทำอย่างไร พ.อ.สุชาตบอกว่า ห้ามจับต้อง ห้ามเคลื่อนย้าย ห้ามทำให้เกิดการสั่นสะเทือนโดยเด็ดขาด ขั้นแรกพยายามหาเจ้าของ หากไม่มีใครแสดงตนเป็นเจ้าของ ให้จำลักษณะไว้แล้วแจ้งเจ้าหน้าที่ทันที
การปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่ เมื่อพบวัตถุต้องสงสัย จะกั้นแนวไว้ห่างจากวัตถุประมาณ 100 เมตร แต่ถ้าพบและคาดว่าเป็นวัตถุขนาดใหญ่ จะกั้นห่างประมาณ 400 เมตร
เหล่านี้คือการปฏิบัติการตามทฤษฎี ส่วนรูปแบบการวางเป็นอย่างไรนั้น เรื่องนี้เป็นองค์ความรู้ของผู้วางที่ถูกสอนกันมาเรื่อยๆ ดังนั้น ผู้เก็บกู้ต้องไม่ประมาท การทำอาจมาจากการเรียนรู้จากทฤษฎีเดียวกัน แต่การประยุกต์ใช้อาจต่างกันไป
พ.อ.สุชาตอธิบายให้เห็นวิธีการป้องกันตัวจากการวางระเบิดคร่าวๆ ระหว่างเส้นทางกรุงเทพมหานคร–ตราด เพื่อไปสัมมนาเชิงปฏิบัติการเรื่อง การปฏิบัติการด้านทุ่นระเบิดเพื่อมนุษยธรรมในประเทศไทย ระหว่างวันที่ 17–20 สิงหาคม 2558
ระเบิดบริเวณตะเข็บแดนไทยยังเหลืออยู่หนาแน่น ฝังอยู่ในพื้นที่ 14 จังหวัดที่เป็นรอยต่อประเทศไทยกับเพื่อนบ้าน ไม่ว่าจะเป็นพม่า ลาว และกัมพูชา สาเหตุส่วนใหญ่ “มาจากการสู้รบของประเทศเพื่อนบ้าน” พล.ท.วิทยา วชิรกุล ผอ.ศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติบอก
...
คณะสัมมนาเดินทางสู่จังหวัดตราด เพื่อดูการเก็บกู้ทุ่นระเบิด และให้กำลังใจผู้ปฏิบัติงานอย่างเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายในพื้นที่ปฏิบัติงานเครื่องจักรกลมินิมายวูฟ ณ บ้านหนองรี ตำบลชำราก อำเภอเมือง จังหวัดตราด
แม้จะอยู่ในเขตอำเภอเมือง แต่กลับมีพื้นที่อันตรายเต็มไปด้วยดงระเบิด การเดินทางเข้าพื้นที่ คณะต้องลงจากรถบัส แล้วนั่งรถขับเคลื่อนสี่ล้อเข้าไปอีกประมาณ 3 กม. จึงได้เห็นฐานปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่ทหาร หน่วยปฏิบัติการทุ่นระเบิดด้านมนุษยธรรม 2 (นปท.2) ประกอบด้วยเจ้าหน้าที่ทหาร และสุนัขดมกลิ่นวัตถุระเบิดบริเวณฐานมีหลุมดินขนาดใหญ่ ภายในมีระเบิดที่เก็บกู้มากองรวมกันไว้ เจ้าหน้าที่อธิบายว่า ถ้าเป็นระเบิดจากจีนแดง แสดงว่าเขมรแดงฝังไว้ ถ้าเป็นระเบิดจากรัสเซียหรือเวียดนาม แสดงว่าเขมรฝ่ายรัฐบาลฝังไว้ แต่ถ้าเป็นระเบิดจากอเมริกา แสดงว่าฝ่ายไทยฝังไว้
ทำไมต้องฝังระเบิดแนวตะเข็บชายแดน เจ้าหน้าที่อธิบายว่าบริเวณชายแดนไทยกัมพูชามีการสู้รบกันอย่างต่อเนื่อง ปี พ.ศ.2518 เขมรแดงยึดอำนาจได้ แต่ปี พ.ศ.2522 กัมพูชาฝ่ายเฮงสำรินโดยการช่วยเหลือของเวียดนามเข้ามาปลดปล่อยสำเร็จ
เขมรแดงถอยร่นมาอยู่บริเวณชายแดนไทย ตั้งอยู่จุดไหนก็วางระเบิดไว้ ไม่ให้ฝ่ายไล่ล่าเข้ามา ส่วนฝ่ายไล่ล่าเองก็วางระเบิดไม่ให้ฝ่ายหนีกลับเข้าไปอีก เมื่อต่างฝ่ายต่างวางในป่าดง พอสงครามสิ้นสุดลงระเบิดก็กลายเป็นปัญหาที่ไทยต้องเก็บกู้
เราถึงฐานปฏิบัติการบ้านหนองรียามบ่าย หลังเพลินอยู่กับระเบิดน้อยใหญ่ในหลุม เจ้าหน้าที่ได้สาธิตการเก็บกู้ท่ามกลางฝนตั้งเค้า เริ่มจากให้สุนัขดมกลิ่น พบวัตถุต้องสงสัย เจ้าหน้าที่ใช้เหล็กแหลมค่อยๆแทงเข้าไปในดิน เพื่อสำรวจว่ามีวัตถุอยู่ตรงไหน เมื่อกระทบวัตถุก็ใช้เกรียงปาดดินออกที่ละน้อย จนพบวัตถุระเบิด จากนั้นให้หัวหน้าหมู่เข้ามาพิจารณาเรื่องการเก็บกู้
การดำเนินการเก็บกู้ระเบิดในประเทศไทย เนื่องจากได้ลงนามในอนุสัญญาออตตาวา ที่ประเทศแคนาดา เมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 2540 มีผลบังคับใช้วันที่ 1 พฤษภาคม 2542 ในสัญญามีพันธกรณีว่าด้วยการห้ามใช้ สะสม ผลิต โอน และต้องทำลายทุ่นระเบิดสังหารบุคคล กำหนดการกำจัดทุ่นระเบิดต้องให้เสร็จสิ้นภายใน พ.ศ.2552 แต่เราไม่สามารถทำได้ ด้วยเงื่อนไขหลายประการ อาทิ มีพื้นที่อ้างสิทธิ์กับเพื่อนบ้าน เป็นต้น
สถานการณ์ทุ่นระเบิดในประเทศไทย จากการสำรวจในปี 2543-2544 พบว่ามีพื้นที่เสี่ยงภัย 2,557 ตร.กม. ครอบคลุมพื้นที่ 27 จังหวัด แต่ปัจจุบันเหลือเพียง 14 จังหวัด มักเป็นจังหวัดที่อยู่ชายแดน เช่น ในพื้นที่จังหวัดจันทบุรี ตราด สระแก้ว บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี เป็นต้น
สำหรับการปฏิบัติการเก็บกู้ที่ผ่านมา พ.อ.ดร.สุชาตบอกว่า สิ่งที่เรายังทำไม่ลุล่วงคือ การทำลายทุ่นระเบิดที่ตกค้างอยู่ภายในประเทศไทยตามอนุสัญญาบังคับใช้ เรายังมีพื้นที่เหลือใน 14 จังหวัด ประมาณ 432.83 ตร.กม. พื้นที่จังหวัดอุบลราชธานีมีมากที่สุด
มีปัญหาหนึ่งในการเก็บกู้ระเบิดคือ เข้าถึงพื้นที่ โดยเฉพาะพื้นที่อ้างสิทธิ์ เรายังตงลงกันไม่ได้ ดังนั้นถ้าจะให้ลุล่วงก็ต้องอาศัยความร่วมมือจากหน่วยงานเกี่ยวข้อง รวมทั้งประเทศเพื่อนบ้านด้วย
ระดับนโยบาย พล.ท.วิทยา วชิรกุล ผอ.ศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติ บอกว่า นโยบายการเก็บกู้ที่เร่งด่วนของรัฐบาล มีพื้นที่พัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ อย่างที่ตำบลป่าไร่ อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว “ทางเราพร้อมแล้ว แต่รอนโยบายที่ชัดเจนจากรัฐบาล เพราะพื้นที่คาบเกี่ยวกับเส้นเขตแดน ระหว่างนี้เราก็มีการหารือกับทางกัมพูชา”
พันธกรณีระหว่างไทยกับอนุสัญญาออตตาวา แรกเข้าไทยต้องเก็บกู้ให้เสร็จภายในปี พ.ศ.2552 ต่อมาเราขอต่อเวลาอีกเป็น เก็บกู้ให้เสร็จสิ้นภายในปี พ.ศ.2561 แต่ปีนี้ 2558 แล้ว เห็นแล้วว่าไทยต้องขอยืดเวลาออกไปอีก คาดว่าจะรีบยื่นราวปี พ.ศ.2559
...
ปัญหาการขอยืดเวลา “ถ้าเราขอต่ออีก ผมว่ารัฐภาคีเขาคงไม่ว่าอะไรหรอก เพราะมันยังไม่เสร็จ แต่เหตุผลที่เราจะต้องไปนำเสนอเขา จะต้องเป็นเหตุผลที่ฟังได้ เช่น พื้นที่ที่เหลืออยู่ยังเป็นพื้นที่ที่มีปัญหา ซึ่งต้องรอการติดต่อพูดคุยกับประเทศเพื่อนบ้าน” พ.อ.ดร.สุชาตอธิบาย และบอกว่า “แต่พื้นที่ที่ไม่มีปัญหามันควรจะเก็บกู้ให้หมดไป ถ้าไม่หมด เราค่อนข้างจะตอบคำถามเขายาก ว่าทำไมไม่ทำให้มันหมดไป”
สาเหตุที่พื้นที่เข้าถึงได้ แต่ไม่อาจกู้ให้หมดไป มีหลายปัญหา แต่ปัญหาหนึ่งที่น่าฟังคือ “เรื่องงบประมาณที่ได้แต่ละปี งบที่ได้ไม่ได้คำนวณจากงานที่ได้ หรืองานที่ต้องทำ แต่ไปดูว่าปีที่แล้วจ่ายไปเท่าไหร่ ไม่ได้เกิดจากเนื้องานจริงๆ ทำให้ไม่สามารถเพิ่มคน เพิ่มทรัพยากรได้”
ฝ่ายกำหนดงบประมาณมีเหตุปัจจัยใดก็ตาม แต่ฝ่ายปฏิบัติการเสี่ยงเป็นเสี่ยงตาย และผลงานยังไม่ถึงฝัน.