ชาวบ้าน ต.บุญเรือง อ.เชียงของ กว่า 600 คน ทำพิธีบวชป่า ระดมพลเปิดเวทีเสวนาชาวชุมชนผนึกกำลังเครือข่ายรักษ์เชียงของ อภิปรายต่อต้านใช้พื้นที่ป่าชุ่มน้ำตำบลบุญเรืองสร้างนิคมอุตสาหกรรม หลังจากคณะกรรมการ กนพ. ประกาศพื้นที่ อ.เชียงของ เป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษ เฟส2 ...
เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 30 ส.ค.58 ที่บริเวณลานริมแม่น้ำอิง บ.บุญเรือง หมู่ 2 ต.บุญเรือง เขตติดต่อ ต.ห้วยซ้อ อ.เชียงของ จ.เชียงราย ชาวบ้านตำบลบุญเรืองกว่า 600 คน ร่วมใจกันทำพิธีบวชป่า ปลูกต้นไม้ และปล่อยปลา เชิงสัญลักษณ์การอนุรักษ์ทรัพย์กรป่าไม้ พร้อมตั้งเวทีเสวนา ต่อต้านการใช้พื้นที่ป่าชุ่มน้ำและที่รองรับน้ำแม่อิงกว่า 3,000 ไร่ สร้างนิคมอุตสาหกรรม ตามประกาศมาตรา 44 ของ คสช. ให้พื้นที่อำเภอเชียงของเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษ จัดการเวนคืนที่สาธารณะให้เอกชนเช่าระยะยาวสร้างนิคมอุตสาหกรรม โดยมีนางเตือนใจ ดีเทศน์ อดีต สว. นายนิวัฒน์ ร้อยแก้ว ประธานเครือข่ายรักษ์เชียงของ และนายหาญณรงค์ เยาว์เลิศ สมาชิก สปช. เข้าร่วมเสวนา
นายนิวัฒน์ กล่าวว่า สภาพพื้นที่ป่า 3,021 ไร่ ที่ถูกเสนอให้เป็นพื้นที่นิคมอุตสาหกรรม เป็นพื้นที่ป่าชุ่มน้ำ หรือพื้นที่รับน้ำ จากน้ำแม่น้ำอิง ไหลจากดอยหลวง และเทือกเขาผีปันน้ำ จากป่าต้นน้ำ 12 ลำห้วย ผ่าน ชุมชนและพื้นที่ทำการเกษตร ของ จ.พะเยา และเชียงราย หลายอำเภอ ก่อนไหลลงแม่น้ำโขงที่ปากอิง เป็นพื้นที่อุดมสมบูรณ์ของทรัพยากร แหล่งข้าว แหล่งน้ำ ชุมชนได้ใช้ประโยชน์ เป็นความมั่นคงด้านอาหาร จึงไม่เหมาะอย่างยิ่งที่จะนำไปใช้ในการสร้างนิคมอุตสาหกรรม ส่วนมหาวิทยาลัยแม่โจ้ จะใช้พื้นที่ 1,200 ไร่ สร้างอาคาร และทบทวนตรวจสอบราย ละเอียดก่อนทำประชาพิจารณ์ ออกหนังสืออนุญาตให้ใช้พื้นที่ เพราะชุมชนและประชาชนยังไม่ได้ทราบรายละเอียดของการดำเนินการ
ด้าน นายหาญณรงค์ กล่าวว่า ในฐานะเป็นคณะกรรมการพื้นที่ชุ่มน้ำตาม มติ ครม. หน่วยราชการไม่สามารถใช้ประโยชน์พื้นที่ป่าชุ่มน้ำได้โดยเด็ดขาด การที่จะใช้พื้นที่ต้องใช้มติ ครม. ดำเนินการ และพื้นที่หนองน้ำทำไม่ได้ หากพื้นที่เป็น นสล. แต่มีชาวบ้านใช้ประโยชน์ก็ต้องทำประชามติ 100 เปอร์เซ็น คนชุมชนต้องเฝ้าจับตา ไม่ปล่อยให้หน่วยงานทำโดยไม่ทำประชาพิจารณ์ครบตามกฎหมายไม่ได้
...
ส่วน นางเตือนใจ กล่าวว่า การใช้พื้นที่ป่าที่ชุมชนไปใช้ประโยชน์เป็นเรื่องไม่สมควร และทางเครือข่ายก็พร้อมจะช่วยกันต่อต้าน แต่ต้องดำเนินการอย่างสงบ ไม่ใช้ความรุนแรง ให้เหตุผลและหลักวิชาการ สร้างเครือข่ายฯ กับฝ่ายต่าง ๆ รวมทั้ง สภาอุตสาหกรรม สภาหอการค้าด้วยในการชี้แจงเหตุผล และไม่เชื่อว่าที่มีการอ้างมาตรา 44 ในการเพิกถอนสภาพป่า โดยไม่รับฟังเสียงประชาชนเลยนั้นจะเป็นไปได้ เพราะที่ผ่านมา รัฐบาลนี้ มาตรา 44 เป็นการยึดพื้นที่คืนจากนายทุน จากนั้นทางสภาประชาชนลุ่มน้ำอิง ได้ร่วมแถลงการณ์ ขอให้ยกเลิกเข้าไปใช้พื้นที่ชุ่มน้ำบ้านบุญเรือง เป็นพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษ และตัวแทนกลุ่มอนุรักษ์ป่าบุญเรือง จะได้ทำหนังสือถึงกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ และชาวบ้านได้เตรียมทำหนังสือถึงอธิการบดีมหาวิทยาลัยแม่โจ้ต่อไปด้วย.