ผบ.ตร.ของขึ้นจวกสื่อนอกยับ คอยจ้องกระทืบซ้ำ ชอบมโนวิเคราะห์ตามความเชื่อ พูดเสียงเข้ม “ไม่ใช่เตี่ยของผมนี่ ถึงจะได้เชื่อ” พอเกิดเหตุที่บ้านตัวเองเคยวิเคราะห์แบบนี้หรือไม่ วอนสื่อไทยอย่าด่วนสรุปโยงอุยกูร์ พร้อมฝากประเด็นมีผู้จ้องทำลายการท่องเที่ยว ด้านโฆษก ตร.มั่นใจโชเฟอร์แท็กซี่ที่รับมือบึมศาลพระพรหมไม่โกหก หลังให้การไม่ตรงกันก่อนมีทหารรับตัวไปสอบเพิ่ม ส่วน ตม.จ.สระแก้ว ยัน 3 อุยกูร์ที่แหกห้องกักรูปพรรณไม่เหมือนผู้ก่อเหตุ

ความคืบหน้ากรณีเหตุคนร้ายลอบวางระเบิดระทึกขวัญศาลพระพรหม เอราวัณ สี่แยกราชประสงค์ เมื่อค่ำวันที่ 17 ส.ค. มีผู้เสียชีวิต 20 คน บาดเจ็บนับร้อยราย ถัดมาอีกวันเกิดเหตุระเบิดซ้ำอีกที่ท่าน้ำสาทร ใต้สะพานสมเด็จพระเจ้าตากสิน ไม่พบความสูญเสีย หลังเกิดเหตุหน่วยงานที่เกี่ยวข้องประเมินสถานการณ์ว่าทั้งสองเหตุเชื่อมโยงกัน โดยสื่อต่างประเทศชี้ว่าสาเหตุน่าจะมีความเกี่ยวข้องกับกลุ่มชาติพันธุ์ที่ทางการไทยเคยผลักดันออกนอกประเทศ ขณะที่การคลี่คลายคดี ตำรวจออกหมายจับผู้ต้องหาที่ก่อเหตุได้แล้วทั้ง 2 แห่ง แต่ยังไม่สรุปประเด็นการก่อเหตุในครั้งนี้

“บิ๊กโด่ง” เผยคดีคืบหน้ามาก

เมื่อเวลา 08.00 น.วันที่ 28 ส.ค. ที่กองบัญชาการทหารบก พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร ผบ.ทบ.กล่าวถึงความคืบหน้ากรณีเหตุระเบิดทั้ง 2 จุดใน กทม.ว่าคดีคืบหน้าไปมาก ยอมรับว่าคนร้ายมีการวางแผนก่อนก่อเหตุ หากเชื่อถือจากสิ่งที่มองคร่าวๆแล้วนำมาวิเคราะห์แนวโน้มอาจทำให้หลงทางได้ ฉะนั้น การหาหลักฐานทั้งภาพจากกล้องวงจรปิดหรือวัตถุพยานต่างๆมาวิเคราะห์ต้องมีความชัดเจน อยากให้เห็นใจตำรวจชุดทำงานที่มีความพยายามสืบหาตัวคนร้ายเพราะการสืบหาข้อมูลต้องมีความละเอียดรอบคอบจริงๆ การพูดอะไรออกไปอาจมีผลกระทบ ถ้าเกิดไม่ใช่จะทำให้ประเทศเสียหาย และการชี้แจงอะไรต้องมีความชัดเจน อาศัยความเชื่อมโยงหลักฐานหรือวัตถุพยานซึ่งต้องใช้เวลาตรวจสอบมากขึ้นเพื่อความถูกต้อง

...

ผบ.ตร.วอนสื่ออย่าด่วนสรุป

ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร.กล่าวว่า ขณะนี้ชุดทำงานมีพยานหลักฐานชัดเจน ส่วนการออกหมายจับไม่กำหนดชื่อ กำหนดสัญชาตินั้น อยู่ในดุลพินิจของศาลที่จะพิจารณา ตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อว่าผู้ต้องสงสัยที่ก่อเหตุทั้งแยกราชประสงค์และท่าน้ำสาทรเป็นสัญชาติใด เนื่องจากปัจจุบันเทคโนโลยีสมัยนี้ก้าวหน้าไปมาก สามารถตกแต่งใบหน้า เสียงพูด อาจทำให้ไขว้เขวได้ ขอสื่ออย่าเร่งด่วนสรุปว่าเป็นสัญชาติใด ประเทศใดเกี่ยวข้องกับขบวนการใด เนื่องจากการด่วนสรุปเช่นนี้เป็นการสร้างความเดือดร้อนความเสียหายและความขัดแย้งจนส่งผลเสียถึงความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยว แม้จะทราบตัวทราบกลุ่มคนร้ายแล้วก็คงไม่บอกสื่อมวลชน เพราะไม่รู้ว่าหากบอกไปแล้วได้ประโยชน์อะไร

ให้มองประเด็นการท่องเที่ยว

พล.ต.อ.สมยศ กล่าวต่ออีกว่า อยากให้คิดแบบอื่นบ้าง ถ้าคิดแต่อุยกูร์ตำรวจก็หลงทางไปหมดแล้ว ทำไมต้องเป็นที่นี่ อดีตเคยเกิดเหตุหรือไม่ เคยมีคนบ้าไปทุบพระพรหมเพราะอะไร เราต้องคิดถึงประเด็นพวกนี้บ้าง ถ้าจะทำกับกลุ่มเป้าหมายที่เป็นคนจีนทำที่อื่นดีกว่า มีคนจีนล้วนๆ แต่สิ่งที่ชัดเจนที่สุด คือพระพรหมเป็นแหล่งท่องเที่ยวของทุกชาติ ทุกภาษา ที่เข้ามาในเมืองไทย ต้องการที่จะเข้ามาเคารพสักการะขอพรต่อพระพรหม เพราะเป็นที่เลื่องลือว่าท่านศักดิ์สิทธิ์ คนที่ลงมือมีเจตนาที่ต้องการให้ส่งผลกระทบกับรัฐบาลเกี่ยวกับเรื่องการท่องเที่ยว เพราะใครๆก็รู้ว่ารายได้หลักของรัฐบาลคือการท่องเที่ยว เพราะฉะนั้นจึงลงมือในจุดท่องเที่ยว อย่าหาว่าผมโน้มน้าว ขณะนี้ยังไม่มีการตัดประเด็นใด ตราบที่ยังหาคำตอบไม่ได้ แต่ใครล่ะที่ต้องการทำลายการท่องเที่ยว ทำลายรัฐบาล

จวกสื่อนอกจ้องกระทืบซ้ำ

“ตราบใดที่เราพูดอยู่เสมอว่าเป็นขบวนการก่อการร้ายข้ามชาติ ถ้าเราด่วนสรุปว่าเป็นขบวนการก่อการร้ายข้ามชาติ แต่ละประเทศจะลดความน่าเชื่อถือกับประเทศไทยทันที แล้วจะเตือนประชาชนของเขาว่าอย่ามาประเทศไทย จะทำให้เศรษฐกิจด้านอุตสาหกรรมท่องเที่ยวเสียหาย ถึงเวลาหรือยังที่พวกเราจะต้องรักประเทศไทยกัน อย่าเพียงว่าจะเสนอข่าวตามที่พวกคุณคิด ตามทฤษฎีที่พวกคุณวิเคราะห์ ถ้าผมพูดฟันธงตามที่พวกคุณอยากให้พูด อะไรจะเกิดขึ้น คิดกันบ้างอย่ารีบด่วนสรุป ผมเห็นสำนักต่างประเทศข่าววิเคราะห์กันไปต่างๆนานา กลับไป วิเคราะห์ที่บ้านคุณเถอะ เวลาที่เกิดเหตุที่บ้านตัวเองเคยวิเคราะห์อย่างนี้บ้างหรือไม่ แต่พอเป็นประเทศอื่นกระทืบเอา กระทืบเอา ไม่ใช่ว่าไม่เชื่อพวกคุณ แต่รีบสรุปโดยใช้ทฤษฎีความคิดของพวกคุณ จะให้เชื่อได้อย่างไร ไม่ใช่เตี่ยของผมนี่ ถึงจะได้เชื่อที่พูดอย่างนี้ต้องการให้สื่อนำไปถ่ายทอดด้วย” ผบ.ตร.กล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง

ห้ามวัดธรรมกายรวมตัวทำบุญ

พล.ต.อ.สมยศระบุต่อว่า เมื่อวันที่ 27 ส.ค.พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เรียกประชุมหารือ พูดถึงประเด็นต่างๆ ทางตำรวจได้รายงานว่ามีการดำเนินการไปอย่างไรบ้าง มีปัญหาอุปสรรคอย่างไร ส่วนกรณีวัดพระธรรมกายเตรียมจะมารวมตัวทำ บุญที่บริเวณแยกราชประสงค์นั้นคงไม่อนุญาตให้ทำกิจกรรม เนื่องจากการรวมตัวกันของคนจำนวนมากยากแก่การดูแล ตนไม่กล้ารับผิดชอบ ให้ไปขอคนที่มีอำนาจมากกว่าตน ที่ผ่านมามหาเถรสมาคมก็ขอเพื่อจะจัดสวดมนต์ให้กับดวงวิญญาณของผู้เสียชีวิตแต่ตนไม่อนุญาต เถรสมาคมก็เข้าใจ

“ประวุฒิ” เชื่อแท็กซี่ไม่โกหก

ด้าน พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษก ตร. กล่าวถึงการสอบปากคำแท็กซี่ที่รับชายเสื้อเหลืองตามหมายจับที่ก่อเหตุบริเวณแยกราชประสงค์ว่าจากการสอบปากคำ 2-3 ครั้งยังให้การไม่ตรงกัน อาจเป็นเพราะเหตุการณ์ผ่านมาหลายวันแล้ว มั่นใจว่าคนขับแท็กซี่ไม่ได้โกหก ส่วนการตรวจดีเอ็นเอจากแบงก์ 20 ที่เป็นหลักฐานได้จากคนขับรถ จยย.รับจ้าง โดยเจ้าหน้าที่เก็บผลตรวจไว้เพื่อรอตรวจเปรียบ เทียบดีเอ็นเอของผู้ต้องสงสัยกรณีถูกควบคุมตัว

...

ทหารรับตัวไปสอบต่อ

มีรายงานว่าสำหรับโชเฟอร์แท็กซี่ที่รับคนร้ายชายสวมเสื้อเหลืองวางระเบิดศาลพระพรหม ที่ครั้งแรกให้การว่า รับคนร้ายจากบริเวณอาคารชาญอิสสระ ทาวเวอร์ ถนนพระราม 4 ไปส่งที่หัวลำโพง แต่ชุดสืบสวนตรวจสอบกล้องวงจรปิดตามเส้นทางไม่พบว่ามีแท็กซี่คันดังกล่าวใช้เส้นทางในเวลาตามที่ให้ปากคำ ชุดสืบสวนจึงเชิญตัวโชเฟอร์แท็กซี่มาให้ปากคำอีกครั้ง ก่อนเปลี่ยนคำให้การว่ารับคนร้ายมาจากบริเวณถนนพระราม 3 ขึ้นทางด่วนถนนจันทน์ ลงทางด่วนพระราม 4 (หัวลำโพง) จากนั้นทหารรับตัวโชเฟอร์คนดังกล่าวไปสอบสวนเพิ่มเติมอีกครั้งในที่ที่ไม่เปิดเผยตั้งแต่ช่วงค่ำวันที่ 27 ส.ค.

สอบพยานไปแล้ว 200 ปาก

ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผบช.น. เปิดเผยถึงความคืบหน้าคดีระเบิดบริเวณศาลพระพรหมและท่าน้ำสาทรว่า การออกหมายจับชายเสื้อฟ้าที่วางระเบิดท่าน้ำสาทร พื้นที่ สน.ยานนาวา เป็นการออกหมายจับตามภาพวงจรปิด ไม่มีภาพสเกตช์ เพราะยังไม่มีพยานที่ชัดเจน ทั้งนี้ภาพจากกล้องวงจรปิดดูจากตำหนิรูปพรรณน่าจะเป็นคนเอเชีย ไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นเชื้อชาติและสัญชาติใด ส่วนจะมีความเชื่อมโยงกับคนร้ายที่วางระเบิดศาลพระพรหมหรือไม่นั้น ต้องดูหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ว่าระเบิดมาจากที่เดียวกันหรือไม่ หลังเกิดเหตุเรียกสอบพยานทั้ง 2 สำนวนไปแล้ว 200 ปาก เป็นผู้ได้รับบาดเจ็บและพยานในที่เกิดเหตุ

ยังไม่แจ้งข้อหาก่อการร้าย

“ส่วนประเด็นเรื่องภาพจากกล้องวงจรปิดของ กทม.ยังได้มาไม่ครบ แต่ยังขาดอีกไม่มาก ยังต้องรอภาพทั้งหมดให้ครบถ้วน เหตุการณ์ผ่านมากว่า 10 วัน ยังไม่สามารถตัดหรือสรุปประเด็นการวางระเบิดทั้ง 2 จุดได้ อย่างไรก็ตาม คดีนี้ยังไม่มีการแจ้งข้อหาก่อการร้าย เนื่องจากพยานหลักฐานมีแค่ไหนก็แจ้งข้อกล่าวหาไปเท่านั้น ยังพิสูจน์ไม่ได้ว่าเป็นขบวนการ จึงยังไม่เข้าองค์ประกอบของกฎหมาย” พล.ต.ท.ศรีวราห์กล่าว

...

ปัดอุยกูร์แหกห้องขังมือระเบิด

ขณะที่ พ.ต.ท.เบญจพล รอดสวาสดิ์ รอง ผกก. ตม.จ.สระแก้ว เปิดเผยหลังมีสื่อมวลชนเสนอข่าวกรณี ตม.จ.สระแก้วจับกุมชาวอุยกูร์ที่ลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายประมาณ 200 คน เมื่อปลายเดือน มี.ค. ก่อนส่งตัวมาฝากกักกันที่ ตม.จ.สระแก้ว 20 คน กระทั่งวันที่ 29 เม.ย. แหกห้องกักกันหลบหนี 17 คน ตามจับกุมได้ 14 คน ยังคงหลบหนี 3 คน อาจเป็นผู้ก่อเหตุวางระเบิดที่ศาลพระพรหมว่า หลังนำภาพชาวอุยกูร์ 3 คน ที่หลบหนีไปเปรียบเทียบกับภาพสเกตช์ตามหมายจับคนร้ายที่ก่อเหตุ พบใบหน้าและรูปร่างไม่ตรงกัน ได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชารับทราบตามลำดับชั้นแล้ว

“บิ๊กตู่” เสียใจ “ปินส์” ถูกลูกหลง

ที่กรุงมะนิลา สาธารณรัฐฟิลิปปินส์ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังการหารือกับนายเบนิกโน เอส อาคีโน ที่ 3 ประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ ระหว่างไปเยือนสาธารณรัฐฟิลิปปินส์อย่างเป็นทางการว่า ระหว่างหารือตนได้แสดงความเสียใจต่อชาวฟิลิปปินส์ที่ได้รับบาดเจ็บ 1 คน ในเหตุการณ์ระเบิดที่ศาลพระพรหม กับประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ พร้อมยืนยันว่าขณะนี้รัฐบาลไทยสามารถควบคุมสถานการณ์ได้แล้ว และดำเนินการที่จำเป็นต่างๆในการช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคงอยู่ระหว่างการสืบสวนหาตัวผู้ก่อเหตุ

ขอเวลาคลี่คลายคดีบึม

ต่อมาเวลา 20.15 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการคืนความสุขให้คนในชาติว่า เรื่องความมั่นคง การเฝ้าระวัง เป็นสิ่งที่จำเป็น จากเหตุการณ์ระเบิดที่เกิดขึ้น ผมและรัฐบาลขอแสดงความเสียใจพร้อมกับขอขอบคุณพี่น้องประชาชนอีกครั้งที่ได้ให้ความร่วมมือแสดงพลังสามัคคี เป็นหน้าที่ของพวกเราทุกคนที่จะต้องช่วยกันนำพาประเทศไทยของเราให้ผ่านพ้นวิกฤตินี้ไปได้ สำหรับภาคเอกชน บริษัท ห้างสรรพสินค้า โรงแรม บริษัท รวมถึงร้านค้าทั่วไป สามารถช่วยรัฐบาลได้โดยการติดตั้ง เพิ่มจำนวนหรือเพิ่มประสิทธิภาพของอุปกรณ์เฝ้าระวัง เช่น กล้องวงจรปิดตามพื้นที่ต่างๆ ขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร ในการติดตามคนร้ายที่มีความคืบหน้าตามลำดับ ขอเวลาให้เจ้าหน้าที่ในการทำงานด้วย

...

“วินธัย” เผยท่องเที่ยวไม่ทรุด

วันเดียวกัน พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษก คสช. แถลงผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทยว่า หลังเกิดเหตุการณ์ลอบวางระเบิดที่ราชประสงค์ เท่าที่สำรวจความคิดเห็นของผู้ประกอบการและนักลงทุนในพื้นที่เศรษฐกิจสำคัญ พบว่า ยังมีความเชื่อมั่นในโครงสร้างพื้นฐานทางเศรษฐกิจของไทย โดยเฉพาะผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยว ยืนยันจะดำเนินการตามแผนขยายการลงทุนที่วางไว้ อาทิ กิจการโรงแรม การขยายเส้นทางและพื้นที่ในการนำนักท่องเที่ยวไปใช้บริการ ส่วนการสืบสวนหาตัวผู้ก่อเหตุนั้น สำนักงานตำรวจแห่งชาติขอศาลออกหมายจับชายต้องสงสัยสวมเสื้อสีฟ้าก่อเหตุที่ท่าน้ำสาทร โดยแจ้ง 3 ข้อหา ได้แก่ พยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน มีและใช้วัตถุระเบิดโดยไม่ได้รับอนุญาต และกระทำให้เกิดเหตุระเบิดจนน่าจะเป็นอันตรายแก่บุคคลอื่น ทั้งนี้ ขอความร่วมมือจากประชาชนหากพบเห็นชายคนดังกล่าว ให้แจ้งตำรวจทันที สำหรับชายต้องสงสัยที่สวมเสื้อเหลืองที่เป็นผู้ลงมือก่อเหตุที่บริเวณสี่แยกราชประสงค์ อยู่ระหว่างการตรวจผลพิสูจน์ทางนิติวิทยาศาสตร์เพิ่มเติม เพื่อใช้เป็นข้อมูลเปรียบเทียบยืนยันเอกลักษณ์บุคคลต่อไป

เหลือคนเจ็บที่ รพ. 36 ราย

พ.อ.วินธัยกล่าวต่ออีกว่า การให้ความช่วยเหลือและการรักษาพยาบาลปัจจุบันคงเหลือผู้บาดเจ็บรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลเพียง 36 ราย ส่วนใหญ่มีอาการดีขึ้นและพ้นขีดอันตราย ขณะนี้ข้อมูลข่าวสารที่ถูกเผยแพร่โดยสื่อมวลชนในรูปแบบต่างๆ อาจมีแหล่งอ้างอิงไม่ครบถ้วน ก่อให้เกิดการชี้นำหรือความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน ที่สำคัญในบางประเด็น อาจส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ในสถานการณ์เช่นนี้จำเป็นที่สื่อมวลชนต้องเพิ่มความระมัดระวัง กลั่นกรอง และอ้างอิงแหล่งข่าวที่ชัดเจน เพื่อไม่เป็นการซ้ำเติมความรู้สึกของประชาชน

บูรณะพระพรหมเสร็จไม่เกิน 3 ก.ย.

อีกด้าน ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศโดยรอบศาลพระพรหม เอราวัณ แยกราชประสงค์ ยังคงมีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ เดินทางมาสักการะขอพรตามปกติแต่ค่อนข้างบางตากว่าช่วงก่อนเกิดเหตุ ท่ามกลางกำลังตำรวจคอยรักษาความปลอดภัย สำหรับองค์พระพรหมยังถูกผ้าขาวขึงปิดล้อมทั้ง 4 ด้านเอาไว้ เพื่อให้ทีมช่างสิบหมู่จากกรมศิลปากร ดำเนินการบูรณะอย่างต่อเนื่อง คาดแล้วเสร็จไม่เกินวันที่ 3 ก.ย.

กต.ปัดข้อมูลเชื่อมโยงกลุ่ม ตปท.

นายเสข วรรณเมธี อธิบดีกรมสารนิเทศ และโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึงกรณีมีรายงานข่าวจากสื่อต่างๆระบุผู้ก่อเหตุระเบิดที่ศาลพระพรหม ใช้เอกสารเดินทางปลอม และมีความเชื่อมโยงกับชาวต่างประเทศบางกลุ่ม ว่ารัฐบาลไทยไม่เคยสรุปการเชื่อมโยงหรือให้ข้อมูลดังกล่าว เนื่องจากอยู่ระหว่างการสืบสวนสอบสวนของตำรวจไทย ขณะที่ คสช.ชี้แจงข้อมูลที่เกี่ยวข้องให้สาธารณชนรับทราบต่อเนื่องเป็นประจำทุกวัน ขอให้ประชาชนติดตามเฉพาะข้อมูลที่เผยแพร่โดยหน่วยงานของทางราชการเท่านั้น