ผอ. รร.เสิงสาง ที่เกิดเหตุ รอง ผอ.ตบหัวนร. ชี้แจง โครงการเรียกเก็บเงินรายหัวค่าส่ง sms หนึ่งในสาเหตุที่เด็กออกมาประท้วง ทำแบบสอบถามแต่มีผู้ปกครองเห็นด้วยไม่ถึง 50% จึงยุติโครงการ อยู่ระหว่างคืนเงินแต่มาเกิดเหตุขึ้นเสียก่อน
จากกรณี รอง ผอ.โรงเรียนเสิงสาง อ.เสิงสาง จ.นครราชสีมา กระโดดตบศีรษะนักเรียนชายชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 หน้าเสาธง ขณะที่นักเรียนกว่า 600 คน ประท้วงให้ทางผู้บริหารโรงเรียนออกมาชี้แจงถึงการเก็บค่าใช้จ่ายรายหัวรายปีของนักเรียน ทั้งที่มีโครงการเรียนฟรี 15 ปี เหตุเกิดเมื่อวันที่ 21 ส.ค. ที่ผ่านมา กระทั่งมีการถ่ายคลิปมือถือ และโพสต์แชร์ผ่านโลกออนไลน์ จนเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขว้าง ต่อมา รอง ผอ. คนดังกล่าวถูกสั่งให้ไปช่วยราชการที่สำนักงานเขตพื้นที่มัธยมศึกษา เขต 31 นครราชสีมา และยอมรับสารภาพผิด รวมถึงยอมรับโทษทุกกรณี ตามที่มีการนำเสนอข่าวไปแล้วนั้น
ความคืบหน้าล่าสุดเมื่อเช้าวันที่ 25 ส.ค. นายวิลาศ ดวงเงิน ผู้อำนวยการโรงเรียนเสิงสาง ให้สัมภาษณ์ถึงปมปัญหาเกี่ยวกับข้อเรียกร้องของนักเรียน ที่นำมาสู่การเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น ว่าประเด็นที่นักเรียนตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับการเรียกเก็บเงินรายหัวรายปี นอกเหนือจากการอุดหนุนงบประมาณตามโครงการเรียนฟรี 15 ปี ของรัฐบาล อาทิ การเรียกเก็บเงินค่าเอสเอ็มเอสนั้น ความจริงแล้วประเด็นนี้ เกิดขึ้นมาก่อนหน้านี้ ในชุดของผู้บริหารที่ผ่านมา เคยมีการจัดตั้งโครงการ และได้หยุดการดำเนินโครงการไประยะหนึ่ง กระทั่งตนเองได้เข้ามารับตำแหน่งผู้อำนวยการ ก็มีเสียงเรียกร้องจากผู้ปกครองบางส่วน ให้นำโครงการส่งเอสเอ็มเอสถึงบ้านกลับมาใช้อีกครั้ง เนื่องจากเห็นว่าโครงการดังกล่าวทำให้ผู้ปกครองได้รับทราบพฤติกรรมเด็กโดยตรงและรวดเร็ว ทางโรงเรียนจึงได้จัดทำรูปแบบโครงการนี้ขึ้นมาใหม่อีกครั้ง พร้อมกับนำไปเสนอต่อที่ประชุมผู้ปกครองเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา เพื่อให้ผู้ปกครองได้พิจารณา
...
สำหรับรายละเอียดโครงการ มีการกำหนดเก็บค่าใช้จ่ายจากผู้ปกครองเป็นรายหัว จ่ายครั้งเดียว จะได้รับบริการตลอดระยะเวลาที่ศึกษาอยู่ในโรงเรียนจนจบการศึกษา ไม่ใช่รายหัวรายปี และมีการกำหนดอัตราค่าบริการในการเรียกเก็บเงินเริ่มต้นโครงการแยกเป็น นักเรียนระดับชั้น ม.1 และ ม.4 เข้าใหม่ จะเก็บในอัตราคนละ 330 บาท ม.2 และ ม.5 คนละ 200 บาท ม.3 และ ม.6 คนละ 150 บาท โดยราคานี้จะรวมถึงการจัดทำบัตรสมาร์ทการ์ดให้กับนักเรียนได้ใช้ด้วย
นอกจากนี้ โครงการนี้ได้มีการจัดทำแบบสอบถามไปยังผู้ปกครองนักเรียนทุกคน เพื่อที่จะทราบว่า ต้องการเข้าร่วมโครงการนี้หรือไม่ หากต้องการเข้าร่วมโครงการก็ให้กรอกแบบสอบถามแล้วแนบเงินค่าบริการส่งกลับมายังโรงเรียน ปรากฏว่าหลังมีการสอบถามมีผู้ปกครองเห็นด้วยกับโครงการนี้ไม่ถึง 50 เปอร์เซ็นต์ ตนเองจึงได้สั่งยุติโครงการเมื่อกลางเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา พร้อมมอบหมายให้ฝ่ายการเงิน ดำเนินการจัดส่งเงินค่าบริการคืนให้กับทางผู้ปกครองแล้ว โดยอยู่ในระหว่างการดำเนินการ แต่ก็มาเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นก่อน.