เกษตรกร จ.สุราษฎร์ธานี พลิกวิกฤติเป็นโอกาส ปลูกพืชชนิดใหม่ "สวนพริกไทยบันไดลอยฟ้า" ที่สามารถอยู่ร่วมกับพรรณไม้อื่นได้ ในเนื้อที่ 13 ไร่ เผยเก็บผลผลิตได้ปีละประมาณ 1.3-1.5 ตัน รายได้ไม่ต่ำกว่า 6 แสนบาทต่อปี...

สถานการณ์ทางเศรษฐกิจและวิถีชีวิตที่เปลี่ยนไป ทำให้เกษตรกรหลายราย ต้องเปลี่ยนจากการปลูกพืชเชิงเดี่ยว มาเป็นปลูกพืชผสมและพืชที่สามารถอยู่ร่วมกันได้ในสวนหรือไร่ นายมนตรี สุขนุช อายุ 66 ปี ชาวบ้านหมู่ที่ 20 ต.ประสงค์ อ.ท่าชนะ จ.สุราษฎร์ธานี หรือที่หลายคนรู้จักว่า "ลุงครื้น สวนพริกไทยบันไดลอยฟ้า" เกษตรกรผู้ปลูกพริกไทย ที่สามารถสร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำด้วยการลดปริมาณต้นทุนทางการผลิตและขยายพื้นที่เพาะปลูกด้วยพืชพรรณไม้ที่มีอยู่แล้ว

นายมนตรี สุขนุช หรือ ลุงครื้น เปิดเผยว่า หลังจากนั้นประสบปัญหาเรื่องราคาและการทำสวนกาแฟในปี 2532 จึงมีแนวคิดที่จะปลูกพืชชนิดใหม่ที่สามารถอยู่ร่วมกับพรรณไม้อย่างอื่นที่มีอยู่ก่อนแล้วได้ ทดลองนำพริกไทยมาปลูกในปี พ.ศ.2544 ให้เลื้อยขึ้นตามต้นหมากไม่กี่ 100 ต้น และขยายพื้นที่ให้เลื้อยตามกองหิน ต้นกระท้อน ต้นเหรียง และไม้อื่นๆ ยกเว้นลองกอง ในเนื้อที่กว่า 13 ไร่ โดยเฉพาะต้นหมากที่พริกไทยจะเลื้อยขึ้นไปสูงเกือบปลายต้น จนได้ฉายาว่า "สวนพริกไทยบันไดลอยฟ้าฎ ซึ่งต้องใช้บันไดในการเก็บเกี่ยวผลผลิต

...

ทั้งนี้ ปัจจุบันสามารถเก็บพริกไทยได้ปีละ ประมาณ 1.3-1.5 ตัน/ปี ส่วนราคาพริกไทยอยู่ที่ 80-400 บาท โดยพริกไทยใช้เวลาตั้งแต่ออกดอกจนสามารถเก็บเกี่ยวได้ประมาณ 10 เดือน ซึ่งจะเก็บเกี่ยวได้ 3 ช่วงคือ ช่วงแรกพริกไทยอ่อน ราคาอยู่ที่กิโลกรัมละ 80-100 บาท ช่วงที่สองพริกไทยแก่ และช่วงสุดท้ายในช่วงเดือน ก.พ.-เม.ย. ช่วงเก็บเกี่ยวทำพริกไทยแห้งซึ่งมีราคาดีกิโลกรัมละ 380-400 บาท

ลุงครื้น เล่าต่อว่า ในแต่ละปีตนจะมีรายได้จากการทำสวนพริกไทยบันไดลอยฟ้า อยู่ที่ประมาณ 6 แสนบาท หรือเฉลี่ย 5 หมื่นบาทต่อเดือน ในเรื่องของการดูแลก็เพียงใส่ปุ๋ยชีวภาพและปุ๋ยเคมี ปีละ 1 ครั้ง และที่สำคัญสวนพริกไทยบันไดลอยฟ้า ลดค่าใช้จ่ายหลักปูนซีเมนต์ที่ให้ต้นพริกไทยเกาะเลื้อยเหมือนสวนอื่นๆ โดยคิดเป็นมูลค่าแล้วเนื้อที่ทั้ง 13 ไร่สามารถลดค่าใช้จ่ายไปได้กว่า 1 ล้านบาทเศษ.