‘ร.ต.ท.เชาวรินธร์’ อดีต รมช.ศึกษาฯ ที่ถูกจำคุกคดีฉ้อโกงทำจตุคาม ถูกเบิกตัวขึ้นศาลในชุด นช. ฐานะจำเลยคดีหลอกเอาเงินบริษัทเขมรด้วยการปลอมข้อมูลระบบคอมพิวเตอร์ ลุกขึ้นแถลงศาล โอดแม้แต่คอมพ์ฯ ยังใช้ไม่เป็น แล้วจะใส่ข้อมูลเท็จได้อย่างไร...
เมื่อวันที่ 24 ส.ค. 58 ที่ศาลอาญาศาลนัดตรวจพยานหลักฐาน คดีที่พนักงานอัยการเป็นโจทก์ฟ้อง ร.ต.ท.เชาวรินธร์ ลัทธศักย์ศิริ อายุ 69 ปี อดีตรมช.ศึกษาธิการ และอดีต ส.ส.เพื่อไทย เป็นจำเลยในความผิดฐานร่วมกันฉ้อโกง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83,90 และ พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ มาตรา 3, 14 (1), 17 (1)
ทั้งนี้ โจทก์ฟ้องเมื่อวันที่ 27 กุมพาพันธ์ 2558 ระบุความผิดสรุปว่า เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม 2557 เวลากลางวัน บริษัท บี.พี.ซี.เทรดดิ้ง จำกัด (ประเทศกัมพูชา) ได้สั่งซื้อสินค้าจำพวกปูนซีเมนต์จากบริษัท ทีพีไอ โพลีน พลับบลิค จำกัด (ประเทศไทย) โดยทำใบสั่งซื้อส่งเป็นข้อมูลคอมพิวเตอร์ในลักษณะจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ผ่านเว็บไซต์ ต่อมาวันที่ 6 พฤษภาคม 2557 บริษัททีพีไอฯ ได้ออกหลักฐานใบสำคัญเก็บเงินค่าสินค้าเป็นจดหมายอิเล็กทรอนิกส์แจ้งให้บริษัท บี.พี.ซี.ฯ โอนเงินค่าสินค้าจำนวน 352,781 ดอลลาร์สหรัฐฯ คิดเป็นเงินไทย 11,428,308 บาท ผ่านบัญชีเงินฝากของบริษัท ทีพีไอฯ ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน)
ต่อมาระหว่างวันที่ 6-9 พฤษภาคม 2557 ต่อเนื่องกัน จำเลยกับพวกที่ยังไม่ได้ตัวมาฟ้อง ร่วมกันหลอกลวงผู้เสียหายด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จ และปกปิดข้อความจริง โดยเข้าไปเปลี่ยนแปลงข้อมูลในหลักฐานใบสำคัญเก็บเงินค่าสินค้าเสียใหม่เป็นว่าให้บริษัท บี.พี.ซี.ฯ โอนเงินทั้งหมดผ่านเข้าบัญชีเงินฝากธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) สาขารัฐสภา ชื่อบัญชี Thai and Chinese Bhuddist Culturs Association อันเป็นการนำเข้าสู่ระบบข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอม ทำให้บริษัท บี.พี.ซี.ฯ หลงเชื่อ จึงโอนเงินค่าชำระสินค้าจำนวนดังกล่าวเข้าบัญชีเงินฝาก ธนาคารกรุงไทยฯ ซึ่งเป็นบัญชีเงินฝากของจำเลย กับพวก จากนั้นได้ร่วมกันเบิกถอนเงินจำนวนดังกล่าวไปเป็นของตัวเองโดยทุจริต เหตุเกิดที่แขวงและเขตดุสิต และที่ประเทศกัมพูชา ต่อเนื่องเกี่ยวพันกัน ต่อมาวันที่ 12 มกราคม 2558 เจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามจับกุมจำเลย
...
กระทั่งวันนี้ เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ได้เบิกตัว ร.ต.ท.เชาวรินธร์ มาจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ เนื่องจากเคยถูกศาลอาญาพิพากษาจำคุกเป็นเวลา 1 ปี ในคดีฉ้อโกงประชาชน ทำจตุคามรามเทพขาย มาที่ศาลอาญาเพื่อตรวจพยานหลักฐาน โดยพนักงานอัยการโจทก์แถลงต่อศาลขอยื่นบัญชีพยาน ที่จะนำสืบจำนวน 12 ปาก ใช้เวลา 4 นัด ส่วนทนายจำเลยแถลงขอยื่นบัญชีที่จะนำสืบหักล้าง จำนวน 4 ปาก ใช้เวลา 1 นัด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ร.ต.ท.เชาวรินธร์ ซึ่งแต่งกายในชุดนักโทษ ไม่สวมรองเท้า ได้แถลงศาลว่า ขอให้โอกาสจำเลยได้พูด เนื่องจากเรื่องนี้จำเลยยอมรับว่าเป็นนายกสมาคมวัฒนธรรมจีนพุทธ เป็นผู้จัดให้มีการสร้างรูปบูชาจริง โดยมีพระผู้ใหญ่ทาบทามให้มาช่วย ตอนเป็น ส.ส.อยู่ไม่อาจรับทำให้ได้เพราะรับเงินเกินสามพันบาทก็ผิดแล้ว เมื่อพ้นตำแหน่ง ส.ส. จึงมาทำงานนี้เต็มที่ แต่แม้ว่าตนเคยเป็นอดีตรัฐมนตรี อดีตสมาชิกวุฒิสภา แต่ตนก็ใช้คอมพิวเตอร์ไม่เป็น แล้วตนจะไปทำข้อมูลเท็จแฮกลงไปในระบบคอมพิวเตอร์ได้อย่างไร เรื่องนี้ถ้ามีการกระทำผิด ก็ต้องไปดำเนินคดีกันที่กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา จำเลยยอมรับข้อเท็จจริงบางข้อ เช่นรายการแปลเอกสาร ศาลจึงได้กำชับให้จำเลยนำประเด็นที่แถลงไปนำสืบให้เห็นในชั้นสืบพยานจำเลย นอกเหนือจากที่ยื่นคำให้การไว้แล้ว ร.ต.ท.เชาวรินธร์ จึงยกมือไหว้ศาล แล้วกลับลงนั่งด้วยความสงบ ศาลพิเคราะห์แล้วอนุญาตให้นัดสืบพยานโจทก์ครั้งแรกในวันที่ 4 มีนาคม 2559 เวลา 09.00 น.