ตำรวจเชียงใหม่ค้นหาปูพรมหาจุดฆ่าสาวบาร์ก่อนนำมาเผา ส่วนที่ระยองคนร้ายรับแล้วฆ่าเผา ด้าน รอง ผบช.ภ.5 เตือนหญิงสาวระวังเจอคนร้ายอ้างเป็นนักธุรกิจต่างชาติ ต้องการหาคู่ชีวิตมาดูแลทรัพย์สิน แท้จริงหวังปล้นแล้วฆ่า...

กรณีตำรวจพบสาวนิรนามถูกฆ่าแล้วเผาในป่าละเมาะบ้านหมู่ 5 บ้านหนองแฝก ต.หนองแฝก อ.สารภี จ.เชียงใหม่ ไม่ทิ้งหลักฐานใดๆ ระบุว่าเป็นใครมาจากไหน ทางตำรวจภูธรภาค 5 ได้สั่งชุดสืบสวนลงพื้นที่หาข่าวและหลักฐานที่พบในศพไม่ว่าการดัดฟันและเหล็กที่ใช้ดามแขนสาวผู้ตาย จนมีญาติมาดูศพยืนยันว่าเป็นศพของ น.ส.ลลิตา โชคชัชวาล อายุ 25 ปี ทำงานเป็นสาวบาร์อยู่พัทยา สอดคล้องกับทางตำรวจ สภ.เมืองพัทยา ที่จับกุมตัวนายราชวัตร แก้วกรมรัตน์ อายุ 30 ปี ในข้อหาฉ้อโกงทรัพย์ และขยายผลจนทราบว่าเพิ่งก่อคดีฆ่าเผา น.ส.คณิตศร คลารี่ อายุ 32 ปี เจ้าของบาร์เบียร์ในพัทยานำไปเผานั่งยาง ที่ จ.ระยอง และพฤติกรรมคล้ายฆ่าเผาที่ อ.สารภี จ.เชียงใหม่ จนทางตำรวจได้หลักฐานว่า นายราชวัตร มาเชียงใหม่กับ น.ส.ลลิตา ในช่วงเกิดเหตุ 5-7 ส.ค. 2558 มีภาพถ่ายและหลักฐานการพักโรงแรมที่เชียงใหม่ ทางตำรวจจึงมั่นใจว่านายราชวัตร เป็นคนร้ายก่อคดีฆ่าหญิงสาวเผาต่อเนื่องเชียงใหม่-ระยอง ตามข่าวที่ได้เสนอไปแล้วนั้น


ความคืบหน้าในเรื่องนี้ เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 23 ส.ค.นี้ พล.ต.ต.มนตรี สัมบุณณานนท์ ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่ ได้นำเอกสารหลักฐานในคดีฆ่าเผา น.ส.ลลิตา โชคชัชวาล มาเข้าพบกับ พล.ต.ต.ปชา รัตนพันธ์ รอง ผบช.ภ.5 เพื่อประชุมร่วมกันในการคลี่คลายคดี โดยทาง พล.ต.ต.มนตรี ได้นำเอกสารและหลักฐานที่ยืนยันแน่ชัดว่าสาวผู้ตายเป็น น.ส.ลลิตา โชคชัชวาล อายุ 25 ปี แน่นอน 100 เปอร์เซ็นไม่ว่าผลฟันภาพพิมพ์ฟัน และเหล็กดัดฟันและเหล็กดามกระดูกแขน และในตอนนี้ทางญาติก็ยืนยันว่าใช่ น.ส.ลลิตา และมาขอติดต่อขอรับศพไปทำบุญแล้ว นอกจากนี้ทางตนได้ส่งทีมสอบสวนของ สภ.สารภี พื้นที่พบศพไปสอบผู้ต้องหาที่พัทยา

เบื้องต้นคดีฆ่าเผาสาวที่ระยอง ผู้ต้องหารับสารภาพแล้ว แต่ปฏิเสธเรื่องก่อเหตุที่ อ.สารภี ดังนั้นหน้าที่ของทางตำรวจเชียงใหม่ในเวลานี้ต้องพิสูจน์เอกลักษณ์ตัวบุคคล ผู้หญิงที่เสียชีวิตจนแน่ชัดแล้วว่าเป็น น.ส.ลลิตา โชคชัชวาล ตรงกับที่ทางพัทยา ได้แจ้งว่ามีผู้หญิงหายไป 2 คน คนหนึ่งทราบว่าถูกฆ่าเผาที่ จ.ระยอง แล้วและผู้ต้องหาสารภาพแล้ว ดังนั้นในส่วนคดี น.ส.ลลิตา ในวันที่ 24 ส.ค.นี้ จะส่งพนักงานสอบสวน เจ้าของคดี ฆ่าเผาสารภีไปทำการสอบปากคำนายราชวัตร แก้วกรมรัตน์ ที่ถูกอายัดตัวในคดีฆ่าที่ จ.ระยอง ไว้อีกคดีแล้ว และสอบปากคำญาติพี่น้องของ น.ส.ลลิตา พร้อมเพื่อนที่งานที่พัทยา หลังจากสอบแล้วจะเสนอต่อศาลออกหมายจับต่อไป

ด้าน พล.ต.ต.ปชา รัตนพันธ์ รอง ผบช.ภ. 5 ว่าในขณะนี้ทางสืบสวนภาค 5 ได้ทราบว่าก่อนที่นายราชวัตร จะไปพักโรงแรมเชียงใหม่ เอสพีหลังจากก่อเหตุแล้ว นายราชวัตร ได้ไปพักที่โรงแรมเชียงใหม่เรสซิเด้นท์ ที่อยู่ใกล้กัน ซึ่งทางตำรวจจะไปหาหลักฐาน โดยเฉพาะจุดที่ลงมือสังหาร น.ส.ลลิตา ก่อนที่จะนำใส่กระเป๋าเดินทางใบใหญ่นำศพไปเผาทำลายในพื้นที่ อ.สารภี ซึ่งในขณะนี้ยังไม่สามารถระบุจุดที่ลงมือก่อเหตุต้องไปตรวจสอบ ซึ่งทางตำรวจหลายหน่วยงานเข้ามาช่วยคลี่คลายคดีนี้มีการประสานงานร่วมทั้ง ตำรวจ สภ.พัทยา สภ.เมืองระยอง และ สภ.สารภี ในขณะนี้หากพบจุดที่ก่อเหตุฆ่าก็คงจะคลี่คลายและออกหมายจับตัวนายราชวัตรได้แน่

"ตนขอฝากเตือนสาวตามสถานบริการ ถึงพฤติกรรมของกลุ่มคนร้ายประเภทนี้ มักจะไปหลอกสาวตามสถานบันเทิงต่างๆ ทำตัวเป็นนักท่องเที่ยวนักธุรกิจชาวต่างประเทศ และหลอกเหยื่อสาวไปเพื่อประสงค์ต่อทรัพย์ อ้างว่าต้องการหาคู่ชีวิตและต้องการให้คนมาดูแลทรัพย์สมบัติ มาร่วมทำธุรกิจ ก็อยากฝากเตือนสาวตามสถานบันเทิงและทั่วไป ให้ระมัดระวังคนร้ายประเภทนี้ให้มาก เพราะพวกนี้มักจะประสงค์ต่อทรัพย์ และหากได้สมใจก็จะลงมือสังหารเหยื่ออย่าง เหี้ยมโหด คดีเช่นนี้เคยมาเกิดขึ้นที่เชียงใหม่ ที่ก่อเหตุฆาตกรรมต่อเนื่องเพื่อประสงค์ต่อทรัพย์กับสาวบาร์เบียร์ ทางตำรวจจับกุมตัวได้แล้ว และคดีที่เกิดขึ้นก็ก่อเหตุในลักษณะที่เหมือนกัน" รอง ผบช.ภ.5 กล่าว.

...