ตำรวจส่งฟ้องศาลแก๊ง “ทุเรียนนนท์ก้านยาว” 110 คน แว้นป่วนวิ่งช่องทางด่วนถนนวิภาวดีฯ แยกฟ้องศาลเป็น 2 ชุด ผู้ใหญ่ 71 คน ศาลตัดสินจำคุก 2 เดือนปรับ 3,000 บาท โทษจำคุกให้รอ 2 ปี และริบรถ จยย. ทันที ส่วนเยาวชน 39 คน อยู่ระหว่างพิจารณามูลฟ้องให้พ่อแม่มารับตัวกลับบ้าน ขณะที่ รมว.ยุติธรรม เผยศาลไทยใช้ระบบกล่าวหาและกล่าวโทษ กรณีนี้ต้องพิสูจน์ให้ได้ว่าเด็กเหล่านี้ไม่ใช่เด็กแว้น
กรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร สน.วิภาวดี สกัดจับแก๊ง จยย.จำนวนมาก ขณะขี่ร่วมกลุ่มเป็นคาราวานเข้าไปในช่องทางด่วนถนนวิภาวดีรังสิต อ้างนัดหมายกันทางเฟซบุ๊กเพื่อไปทำบุญที่ จ.นครนายก เหตุเกิดเช้าตรู่ วันที่ 9 ส.ค.ที่ผ่านมา ตำรวจได้มีการดำเนินคดีกับผู้ขับขี่ทั้งผู้ใหญ่และเด็กอายุไม่เกิน 18 ปี แจ้งข้อหาขับขี่รถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยของผู้อื่นตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก
ความคืบหน้าที่ศาลแขวงพระนครเหนือ ถนนรัชดาภิเษก เวลา 12.00 น. วันที่ 10 ส.ค. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.วิภาวดี ควบคุมผู้ต้องหา 110 คน ที่รวมกลุ่มขี่รถ จยย.กันไปตามช่องทางด่วนถนนวิภาวดีรังสิต แยกเป็น 2 ชุด แบ่งขึ้นรถโดยสารประจำทาง จำนวน 2 คัน ชุดแรกเป็นผู้ใหญ่ 71 คน ส่งให้พนักงานอัยการแขวงพระนครเหนือ ยื่นฟ้องทั้งหมดเป็นจำเลยต่อศาล ชุดที่ 2 เป็นเด็กและเยาวชนอายุไม่เกิน 18 ปี จำนวน 39 คน ส่งไปดำเนินคดีที่ศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง ท่ามกลางกลุ่มญาติที่มารอให้กำลังใจแน่นศาล
ต่อมาที่ศาลแขวงพระนครเหนือ อ่านคำพิพากษา คดีที่พนักงานอัยการแขวงพระนครเหนือ เป็นโจทก์ฟ้องกลุ่มวัยรุ่นผู้ขับขี่รถ จยย.ทั้ง 71 คน แยกฟ้องรายบุคคลเป็นจำเลย ข้อหาขับรถในลักษณะอันก่อให้เกิดอันตรายแก่บุคคลหรือทรัพย์สินผู้อื่น ขับรถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยหรือความเดือด ร้อนของผู้อื่น และขับรถโดยไม่ได้รับอนุญาตขับรถจากนายทะเบียน
...
โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 9 ส.ค. จำเลยทั้ง 71 คน ขี่รถ จยย. มาพร้อมกับพวกประมาณ 1,000 คัน เป็นกลุ่มใหญ่ไปตามถนนวิภาวดีรังสิต ขาออก ด้วยความคึกคะนอง พร้อมเร่งเครื่องยนต์ส่งเสียงดัง เต็มทุกช่องทางจราจร โดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยของผู้อื่น ขอให้ศาลลงโทษสถานหนัก และริบของกลางรถ จยย. จำเลยทั้งหมดให้การรับสารภาพ ศาลพิพากษาว่าจำเลยทั้งหมดกระทำผิดตามฟ้อง ลงโทษลดหลั่นกันไปตามความผิดของแต่ละบุคคล โดยโทษสูงสุดให้จำคุก 2 เดือน ปรับ 3,000 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษมีกำหนด 2 ปี ริบของกลางรถ จยย. ทันทีที่ศาลมีคำพิพากษา
ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจากจำเลยคนหนึ่งไม่ขอเปิดเผยชื่อว่าตำรวจทำสำนวนเกินจริง พวกตนจะขี่รถ จยย.ไปเที่ยวและทำบุญ จึงขับรถออกเดินทางช่วงเช้า รวมกลุ่มกันไม่ถึง 1,000 คัน ขี่ช่องทางซ้าย โดยรถมีสภาพเดิมๆคือไม่ได้ดัดแปลงท่อไอเสียส่งเสียงดังแต่อย่างใด นอกจากนี้ ก็ไม่ได้ขับรถเต็มทุกช่องทาง และไม่ชอบที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นเด็กแว้นด้วย เพราะกลุ่มตนไปเที่ยวไม่ได้ขี่รถแข่งประลองความเร็วตอนกลางคืน
ส่วนผู้ต้องหาที่เป็นเยาวชน 39 คน ที่ศาลเด็กและเยาวชนครอบครัวกลาง หลังจากที่ตำรวจควบคุมผู้ต้องหามาส่งศาลได้มีการพิจารณาว่ามีการจับกุมเด็กเหล่านี้โดยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ ตาม พ.ร.บ.เด็ก จากนั้นได้ประสานผู้ปกครองมารับตัวกลับบ้านไปก่อนโดยไม่ต้องใช้หลักทรัพย์ประกันตัว จากนั้นจะมีการนัดมาไต่สวนมูลฟ้องกันอีกครั้ง
พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม กล่าวว่า เรื่องนี้เราต้องคิดในเชิงบวกแต่เราอยู่ในระบบการกล่าวโทษและกล่าวหา จึงต้องมีการไต่สวน และถ้าหากเด็กเหล่านี้ตั้งใจไปทำบุญจริงๆ แต่บังเอิญว่าการทำบุญของเขากลายเป็นเรื่องความเดือดร้อนเพราะว่าไปกันเยอะ จากความหวังดีหรือเจตนาดีกลายเป็นผิดกฎหมาย และรบกวนผู้อื่น ผู้ปกครองควรอบรมว่าทำแบบนี้ไม่ได้ หรือถ้าจัดกิจกรรมจะต้องประสานกับเจ้าหน้าที่ก่อน กรณีที่เกิดขึ้นไม่ได้มีเฉพาะเด็กและเยาวชน ส่วนใหญ่มีอายุ 27-28 ปี เมื่อเขาชี้แจงอย่างไร เจ้าหน้าที่ก็ต้องพิสูจน์ให้เห็น ไม่ใช่ไปกล่าวหาว่าการกระทำเช่นนี้คือเด็กแว้น แต่การกระทำของเขาสร้างความเดือดร้อนให้กับผู้ใช้ยานพาหนะ เป็นคนละประเด็นกับปัญหาเด็กแว้น การถูกลงโทษตามมาตรการทางสังคม เชื่อว่าเป็นเรื่องที่ดีที่สุด เจ้าหน้าที่ไม่อยากใช้มาตรการแบบสุดโต่งจนกระทั่งเกิดปัญหาขึ้นมา การที่เจ้าหน้าที่ใช้วิธีปรับเงิน หรือการเรียกมาตักเตือนดีแล้ว
ด้านนายยงยุทธ ยุทธวงศ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจระดมจับกุมกลุ่มรถ จยย.ฉายา “ทุเรียนนนท์ก้านยาว” หลายร้อยคัน ว่า เด็กเหล่านี้จะมีพลัง มีแรงเยอะ และต้องการท้าทาย ซึ่งก็ต้องพยายามดูแล โดยเฉพาะครอบครัวต้องช่วยดูด้วย เพราะถ้ามาคุมทีหลังมันจะยาก ที่ผ่านมาทางภาครัฐพยายามทำให้เด็กเหล่านี้ใช้พลังไปในทางสร้างสรรค์ ต้องใจเย็นๆ มีปัญหาเกือบทุกประเทศ ไม่ใช่บ้านเราเท่านั้น ต้องดูว่าทำอย่างไรจะให้เขาใช้พลังไปในทางบวก สำหรับคำสั่งหัวหน้า คสช.ตามมาตรา 44 ไม่สามารถแก้ปัญหาได้หมดหรอกแต่ช่วยควบคุมได้นิดหน่อย หากจะใช้ไม้แข็งกับเด็กเหล่านี้ก็ต้องดูเหมือนกันเพราะอาจจะใช้ได้แค่ชั่วคราว หรืออาจจะมีแรงสะท้อนหรือแรงต้านกลับมาก็ได้