ลุงวัย 73 ปี ถูกกลุ่มนายหน้าซื้อที่ดินวางแผนชิงทรัพย์ โดนหลอกว่าหากขายที่ดินได้จะให้ค่านายหน้า 5% แต่ขาดเงินไถ่โฉนดให้ช่วยสมทบก่อน จากนั้นขอให้ไปถ่ายสำเนาบัตร ปชช.ขณะลงจากรถฉกเงินก้อนสุดท้ายของชีวิตกว่า 7 แสนบาทหลบหนีลอยนวล

เมื่อวันที่ 7 ส.ค.58 ร.ต.อ.วิโรจน์ อินทร์พรม พงส.สภ.เมืองชัยนาท รับแจ้งความจาก นายเพชร ไทยพ่วง อายุ 73 ปี ราษฎรพื้นที่ ม.4 ต.บ้านกล้วย อ.เมือง จ.ชัยนาท หลังถูกกลุ่มคนร้ายวางแผนชิงทรัพย์เป็นเงินสดจำนวน 7 แสนบาท แล้วหลบหนีหายไปอย่างไร้ร่องรอย

นายเพชร ไทยพ่วง เปิดเผยว่า ตนได้ประกาศขายที่ดินจำนวน 2 ไร่ ไร่ละ 1.5 ล้านบาท บริเวณข้างโรงแรมเพิ่มสุข ต.เขาท่าพระ อ.เมืองชัยนาทไว้พร้อมเบอร์โทรติดต่อ จากนั้นมีนายหน้าซึ่งเป็นผู้หญิง 1 คน และผู้ชาย 1 คน นัดพบเรื่องซื้อขายที่ดิน พร้อมยืนยันว่าจะทำการซื้อที่ดินดังกล่าวอย่างแน่นอน และยื่นข้อเสนอว่ามีที่ดินอยู่ 20 ไร่ ที่บริเวณใกล้กับวัดสร้อยสังข์สถิตย์ ต.ท่าฉนวน อ.มโนรมย์ จ.ชัยนาท จะทำการขาย ซึ่งเจ้าของที่ดินต้องการขายในราคาไร่ละ 600,000 บาท หากขายได้จะให้ค่านายหน้ากับตน 5 เปอร์เซ็นต์ เป็นจำนวนเงิน 600,000 บาท ซึ่งนายหน้าก็นำโฉนดให้ตนดู

จากนั้นนายหน้าและตนเดินทางไปยังวัดสร้อยสังข์สถิตย์ เพื่อสอบถามที่อยู่ของเจ้าของที่ดินดังกล่าว หลังจากนั้นได้มีการเจรจากันระหว่างนายหน้า และเจ้าของที่ดิน ภายหลังจากการเจรจา นายหน้าได้ให้เงินแก่เจ้าของที่ดินเป็นจำนวนเงิน 400,000 บาท เพื่อเป็นการวางมัดจำ หลังรับเงินเจ้าของที่ดินได้นำโฉนดที่เป็นสำเนามาให้ตนและนายหน้าตรวจสอบ พร้อมบอกกับตนว่า โฉนดอันนี้เป็นสำเนา ส่วนโฉนดของจริงนั้นอยู่ที่ร้านทองแถวอำเภอมโนรมย์ ตนได้ทำการจำนองไว้ หากจะทำการซื้อขายต้องนำเงินไปไถ่โฉนดฉบับจริงออกมาซึ่งตอนนี้ยังไม่มีเงินที่จะนำโฉนดออกมา หากจะนำโฉนดออกมาต้องใช้เงินจำนวน 3,000,000 บาท

...

นายหน้าถามตนว่าพอมีเงินเท่าไร เนื่องจากทางนายหน้ามีเงินไม่เพียงพอ จึงจะขอให้ตนทำการเบิกเงินออกมาช่วยสมทบก่อน แล้วจะนำเงินพร้อมค่านายหน้า 5% มาคืนให้หลังจากขายที่ดินให้กับนายทุนได้แล้ว ต่อมาช่วงเวลา 12.30 น. นายหน้าได้พาตนมาเบิกเงินที่ธนาคารออมสิน อ.เมืองชัยนาท เพื่อถอนเงินจำนวน 700,000 บาท เพื่อไปนำโฉนดออกมาจากร้านทองตามคำบอกของนายหน้า แต่ช่วงก่อนที่จะไปร้านทองนั้น นายหน้าได้ถามว่าตนมีเอกสารสำเนาบัตรประชาชนเพื่อรับค่านายหน้าหรือไม่ ตนก็ตอบว่าไม่ได้ถ่ายเก็บไว้ นายหน้าจึงจอดให้ตนลงไปร้านถ่ายเอกสาร จากนั้นรถของนายหน้าก็ขับหนีออกไปอย่างรวดเร็ว

"เหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นเร็วมาก นายหน้าที่มาพูดคุย ก็ดูน่าเชื่อถือ ขับรถฮอนด้า ซีอาร์วี ป้ายแดง มาติดต่อ ทำให้เกิดความเชื่อใจ ไม่มีอะไรผิดสังเกต ประกอบกับชาวบ้านที่ไปสอบถามก็มีท่าทีว่าสนิทกับเจ้าของที่ดินเป็นอย่างมาก แต่ไม่คิดว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น ซึ่งเงิน 7 แสนบาท ก้อนนี้เป็นเงินที่เก็บมาค่อนทั้งชีวิต เป็นเงินก้อนสุดท้ายของชีวิตที่ตนจะเก็บไว้กินยามแก่เฒ่า ไม่คิดว่าจะมาเสียรู้ให้กับมิจฉาชีพ" นายเพชรกล่าว

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองชัยนาท ได้ตรวจสอบกล้องวงจรปิดจากธนาคารออมสินสาขาเมืองชัยนาท พบรถต้องสงสัยคันดังกล่าว พร้อมแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจทุก สภ.ทั้งในพื้นที่จังหวัดชัยนาท และพื้นที่ข้างเคียงให้สกัดจับ พร้อมสันนิษฐานว่า การหลอกลวงชิงทรัพย์ในครั้งนี้ เป็นการวางแผนโดยไตร่ตรองมาล่วงหน้าแล้วก่อนที่จะเลือกเหยื่อ และน่าจะทำเป็นขบวนการ ไม่ต่ำกว่า 5 คน อย่างแน่นอน