ผวจ.พัทลุง สั่งลุยไม่ยอมนายทุนรุกป่า ปลูกปาล์มในเขตป่าเสม็ด
7 ส.ค. 2558 13:20 น.
ผวจ.พัทลุง นำทหาร ตร. ป่าไม้ อุทยานฯ ลงพื้นที่เขตห้ามล่าสัตว์ป่าทะเลสาบสงขลา ป่าเสม็ด หลังมีบริษัท นายทุน เข้าแผ้วถางป่าบุกรุกเพื่อทำการปลูกปาล์มกว่า 925 ไร่ สั่งเน้นย้ำให้ จนท.เร่งดำเนินการการพิสูจน์สิทธิ์การถือครองให้แล้วเสร็จภายใน 30 วัน ขณะที่ชาวบ้านเตรียมยื่นหนังสือถึงนายกฯ และ คสช.หากการสำรวจเป็นมวยล้มต้มคนดู...
เมื่อวันที่ 7 ส.ค.2558 จากกรณีที่บริษัทแห่งหนึ่งได้เข้าไปแผ้วถางป่าเสม็ด ในเขตห้ามล่าสัตว์ป่าทะเลสาบสงขลา ท้องที่บ้านท่าเนียน หมู่ที่ 3 ต.เกาะนางคำ อ.ปากพะยูน จ.พัทลุง เพื่อทำการปลูกปาล์มน้ำมัน เนื้อที่กว่า 925 ไร่ โดยอ้างว่ามีหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.) จำนวน 23 ฉบับ ต่อมานายศักดา วิเชียรศิลป์ ผอ.สำนักป้องกันปราบปรามและควบคุมไฟป่า นายสา แสงสว่าง ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดพัทลุง และคณะ เดินทางเข้าไปตรวจสอบสถานที่ดังกล่าว และพบว่า น.ส.3 ก. ดังกล่าวน่าจะออกมาโดยมิชอบด้วยกฎหมาย และเป็นการออกทับพื้นที่เขตห้ามล่าสัตว์ป่าทะเลสาบสงขลา จนนายวินัย บัวประดิษฐ์ ผวจ.พัทลุง ได้เรียกประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และมอบหมายให้ เจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องไปลงทันทึกประจำวัน ณ สภ.ปากพะยูน เพื่ออายัด น.ส. 3 ก. ดังกล่าว ไว้แล้วเมื่อวานนี้ (6 ส.ค.) ตามข่าวที่เสนอมาแล้วนั้น

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายวินัย พร้อมด้วย นายบัณฑิต สุภาไชยกิจ หน.เขตห้ามล่าสัตว์ทะเลสาบ นายสา แสงสว่าง ผอ.สนง.ทรัพยากรธรรมชาติจังหวัดพัทลุง นายชาย สุวรรณชาติ หน.เขตห้ามล่าสัตว์ป่าทะเลน้อย นายฉลอง เทิดวีระพงศ์ นอภ.ปากพะยูน เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดพัทลุง สาขาปากพะยูน ผู้นำท้องถิ่นรวมทั้งกำลังทหาร ตำรวจ ทั้งในและนอกเครื่องแบบ เดินทางเข้าไปตรวจสอบสถานที่ดังกล่าว ซึ่งพบว่าบริเวณปากทางเข้าพื้นที่ปลูกปาล์ม มีป้ายของบริษัทรายนี้แสดงกรรมสิทธิ์ ติดประกาศไว้อย่างชัดเจน โดยสถานที่ที่ถูกแบ็กโฮขุดยกร่องเพื่อเตรียมปลูกปาล์มน้ำมันนั้น ห่างจากถนนสานเกาะนางคำ-ท่าเนียน ประมาณ 600 เมตร โดยทางบริษัทฯได้ใช้ดินและหินเกล็ดถมเป็นทาง ซึ่งสภาพพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่ป่าเสม็ดที่สมบูรณ์ ส่วนพื้นที่ที่ถูกแผ้วถางและยกคันดินรวมเนื้อที่ประมาณ 450 ไร่ และมีการปลูกปาล์มน้ำมันในบริเวณข้างเคียงอีกประมาณ 100 ไร่
ชาวบ้านผู้สูงอายุรายหนึ่งเผยว่าพื้นที่ดังกล่าวไม่ได้ใช้เป็นที่ทำกินของชาวบ้านมาก่อนเลย โดยชาวบ้านได้ใช้พื้นที่ป่าเสม็ดดังกล่าวในการหาน้ำผึ้งหลวงออกมาจำหน่ายมานานหลายชั่วอายุคน และจะถูกชาวบ้านเข้าไปลักลอบเผาป่าเพื่อการจับสัตว์ป่าปีละประมาณ 4-5 ครั้ง ชาวบ้านที่เห็นเหตุการณ์ในครั้งนี้รู้สึกแปลกใจ ที่มีรถแบ็กโฮเข้าไปขุดร่องปลูกปาล์ม หากการตรวจสอบเอกสารสิทธิในครั้งนี้ล้มเหลว หรือเป็นมวยล้ม พวกตนจะส่งหนังสือร้องเรียนไปยังนายกรัฐมนตรี และ คสช.เพื่อขอให้แม่ทัพภาค 4 หรือกำลังทหารเข้ามาตรวจสอบในพื้นที่ดังกล่าว เพราะพวกตนรับไม่ได้กับการบุกรุกป่าทุ่งเสม็ด ในเขตห้ามล่าสัตว์ป่าทะเลสาบในครั้งนี้ แต่การดำเนินการต้องระมัดระวังตัว เพราะในขณะนี้มีผู้ได้รับผลประโยชน์บางรายออกมาข่มขู่ชาวบ้าน มิให้ให้ข้อมูลกับ เจ้าหน้าที่รัฐ และห้ามขัดขวางการเข้าไปทำประโยชน์ในที่ดินรัฐดังกล่าว

นายวินัย กล่าวด้วยว่า ตนรู้สึกงุนงงสงสัยในการออก น.ส. 3 ก. ในครั้งนี้ แต่ก็จะให้ความเป็นธรรมกันทั้ง 2 ฝ่าย ในการพิสูจน์สิทธิ์การถือครอง น.ส. 3 ก.ในครั้งนี้ โดยในเบื้องต้นได้มีการลงบันทึกอายัดที่ดินดังกล่าวเพื่อการพิสูจน์สิทธิ์แล้ว โดยมีกำหนด 30 วัน หากครบ 30 วัน จนท.ยังไม่สามารถพิสูจน์สิทธิ์การถือครองตามกฎหมายได้ ก็สามารถขยายเวลาการอายัดได้อีก 15 วัน หากการดำเนินการไม่แล้วเสร็จก็หมดเวลาการอายัดที่ดินดังกล่าว ซึ่งทางบริษัทก็จะสามารถนำรถแบ็กโฮเข้ามาปรับพื้นที่เพื่อเตรียมปลูกปาล์มน้ำมันได้ แต่หากพบว่าหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.) จำนวน 23 ฉบับ มิชอบด้วยกฎหมายตามความเห็นของนายศักดา วิเชียรศิลป์ ผอ.สำนักป้องกันปราบปรามและควบคุมไฟป่า และคณะ เจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องในการออก น.ส. 3 ก. ก็จะต้องถูกดำเนินการตามกฎหมายอย่างเฉียบขาด พร้อมกันนั้นก็ได้มอบหมาย เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้สำรวจตรวจสอบว่าพื้นที่บริเวณข้างเคียงจุดดังกล่าวมีการบุกรุกเพื่อการออกเอกสารสิทธิบ้างหรือไม่ ทั้งนี้ เพื่อป้องกันปัญหามิให้เกิดขึ้นจากกรณีดังกล่าว.