นับว่าก้าวหน้าไปอีกขั้น สำหรับนโยบายกวาดล้างยาเสพติดของกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) หลังจาก พล.ต.ต.อิทธิพล พิริยะภิญโญ รอง ผบช.น. ที่รับผิดชอบงานยาเสพติด ปรับหมากใหม่เพื่อปราบปรามยาเสพติดที่ยังแพร่ระบาดอย่างหนักในเมืองกรุง
งัดเอา พ.ร.บ.มาตรการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ.2534 มาตรา 6 7 และ 8 ดำเนินคดีในความ ผิดฐานสบคบ สนับสนุน ช่วยเหลือ มาใช้กำราบพวกนักค้ายาเสพติด
ดัดหลังพวกรู้แกวเกี่ยวข้อง แต่ไม่แตะต้องยาเสพติด?
เพราะในขบวนการค้ายาตัวการสำคัญมักจะหัวหมอ ใช้วิธีตัดตอนไม่ให้ตำรวจสาวไปถึง รู้กฎหมายว่า ถ้าไม่มีของกลางอยู่กับตัว ก็ไม่มีทางจับมันดำเนินคดีได้
สุดท้ายตำรวจได้แต่กวาดต้อนพวกปลาซิวปลาสร้อย ขี้ยา คนขายปลีก ลิ่วล้อ เด็กเดินยา ส่วนนายทุนใหญ่นักค้าตัวยงกลับลอยนวลค้ายาอยู่เหมือนเดิม
ถึงจับให้ตายก็ไม่มีวันหมด?
จึงเป็นที่มาของโครงการคดีสมคบ ผนึกกำลังร่วมกับสำนักงาน ป.ป.ส. สำนักงาน ปปส.กทม. และเจ้าหน้าที่ทหาร เมื่อชุดสืบสวนจับกุม ผู้ต้องหาคดียาเสพติดได้แล้ว ต้องขยายผลหาผู้บงการให้ได้ทุกราย!
จัดชุดเฉพาะกิจรวบรวมพยานหลักฐาน ทั้งดูการติดต่อทางโทรศัพท์ ตรวจสอบกล้องวงจรปิดจุดรับ–ส่งยาเสพติด พาหนะที่ใช้ รวมทั้งเส้นทางลำเลียงยา เพื่อขออนุมัติหมายจับข้อหาสมคบ
จากนั้นตามจับผู้ที่อยู่เบื้องหลังมาดำเนินคดี ประสานเจ้าหน้าที่ ปปง.อายัดทรัพย์ มีบทลงโทษหนักเทียบเท่าตัวการ!
การกวาดล้างจับกุมคดียาเสพติดตามชุมชนต่างๆใน กทม.ไม่ว่าจะเป็นคดีเสพหรือครอบครอง จากการขยายผลพบพยานหลักฐานที่สามารถสาวถึงผู้ค้าที่อยู่เบื้องหลัง มีเครือข่ายอยู่ทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด
ขณะนี้เตรียมเสนอขออนุมัติศาลออกหมายจับเกือบ 200 ราย!
ตั้งแต่เดือน ก.ค.-ต.ค.58 สามารถขออนุมัติออกหมายจับไปแล้ว 80 คน ส่วนหนึ่งถูกจับกุมแล้ว ที่เหลือหลบหนีหัวซุกหัวซุน ถือเป็นการตัดวงจรสำคัญระหว่างเอเย่นต์ใหญ่กับผู้เสพ
เมื่อวงจรถูกตัดขาด ปัญหายาเสพติดก็เพลาลง?