เจ้าของไร่ที่ปทุมธานี เตรียมถ่ายทอดความรู้ การปลูกเมลอนให้กับชุมชน สร้างรายได้เสริมให้กับเกษตรกรในช่วงหยุดทำนา เนื่องจากเมลอนใช้น้ำน้อย ทนแล้ง ดูแลง่าย ได้ผลผลิตดี...
วันที่ 20 ก.ค.58 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่สวนเมลอน หมู่ที่ 5 ตำบลเชียงรากน้อย อำเภอสามโคก จังหวัดปทุมธานี เจ้าของไร่ คือ นายธนกร พัฑนราช ปลูกเมลอนในพื้นที่กว่า 200 ไร่ โดยปลูกเมลอนพันธุ์กาเรียสีเหลือง เม็ดเนื้อเขียว เม็ดเนื้อส้ม ภายในโรงเรือน ที่สร้างเป็นโครงสร้างมุงด้วยพลาสติกกันแสงยูวี จำนวน 88 โรงเรือน ผลผลิตมีคุณภาพเป็นที่ต้องการของตลาด เป็นผลไม้เพื่อสุขภาพ มีรสชาติหวาน กรอบ เป็นผลไม้ที่อยู่ได้นาน ปลูกง่าย ใช้น้ำน้อย เหมาะสำหรับพื้นที่ที่มีความแล้ง ดูแลรักษาง่าย
นายธนกร เล่าว่า ได้เรียนรู้ศึกษาการปลูกเมลอน นำพันธุ์จากทางญี่ปุ่น จีน และในหลายพื้นที่ มาทดลองปลูก และได้ผลผลิตที่ดีทุกพันธุ์ จึงค้นพบว่า เป็นพืชที่ใช้น้ำน้อย ส่วนสภาพดินที่เหมาะสมในการปลูกเมลอน คือ ดินร่วนปนทราย ระบายน้ำได้ดี เมลอนเป็นพืชที่ไม่ชอบน้ำขัง แต่ต้องการน้ำอย่างสม่ำเสมอ สภาพความเป็นกรดเป็นด่างที่เหมาะสม หรือสภาพดินที่เป็นกลาง และน้ำก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญที่สุดสำหรับการปลูกเมลอน แต่สำคัญอยู่ที่ความเข้าใจในการใส่ใจการให้ปุ๋ย อาหารเลี้ยงลำต้น และสภาพอากาศที่เหมาะสม คือ อากาศที่อบอุ่น มีแสงแดดอย่างเพียงพอและความชื้นสัมพัทธ์ต่ำ ในช่วงของการเจริญเติบโตทางด้านลำต้นและใบ ส่วนในระยะผลแก่ เมลอนจะต้องการน้ำน้อย และเป็นพืชที่ชอบอากาศค่อนข้างร้อน อุณหภูมิเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 25-35 องศาเซลเซียส จะมีการเติบโต และออกผลผลิตได้ดีในช่วงฤดูร้อน และการเจริญเติบโตจะช้าลงในช่วงของฤดูหนาว ในหนึ่งโรงเรือนสามารถปลูกต้นเมลอนได้ 800-900 ต้น
...
ระยะเวลาในการเก็บเกี่ยวลูกเมลอนจะใช้เวลา 60-75 วัน จึงจะตัดลูกเมลอนตามขนาดที่ได้ ซึ่งจะแบ่งออกเป็นเกรด A เกรด B และเกรด C ตามขนาดที่ลูกค้าต้องการ แต่ละครั้งจะเก็บลูกเมลอนได้วันละ 300-400 กิโลกรัมต่อหนึ่งโรงเรือน ตลาดส่งหลัก คือ ห้างสรรพสินค้าเดอะมอลล์ และศูนย์การค้าสยามพารากอน และบางส่วนมีประชาชนในพื้นที่ที่ทราบข่าวเข้ามาหาซื้อไปรับประทาน เนื่องจากเป็นเมลอนเกษตรอินทรีย์
นายธนกร กล่าวต่ออีกว่า ตนเองต้องการถ่ายทอดความรู้ให้กับชาวบ้านในพื้นที่ จ.ปทุมธานี ที่ต้องการเรียนรู้ เพื่อนำไปเป็นอาชีพเสริมรายได้ในชุมชน และที่สำคัญชาวนาและชาวสวน ที่มีพื้นที่ว่างหลังจากหยุดทำนา ทำสวน ใช้พื้นที่ในการปลูกเพราะเป็นพืชที่ใช้ระยะเวลาสั้น ใช้น้ำน้อย และสภาพอากาศใน จ.ปทุมธานี สามารถปลูกได้ผลผลิตดี โดยทราบว่าทาง อบจ.ปทุมธานี จะนำประชาชนที่มีอาชีพทำเกษตรกรรม มาศึกษาเรียนรู้ในสวนเมลอน ซึ่งตนเองยินดี และจะให้ความรู้กับทุกคน เพื่อหวังให้คนไทยด้วยกันได้สร้างรายได้ และเพิ่มอาชีพในชุมชนอีกทางหนึ่ง
ด้าน นายชาญ พวงเพ็ชร์ นายก อบจ.ปทุมธานี และนายสาคร อำภิน รองนายก อบจ.ปทุมธานี ได้เข้ามาศึกษาเรียนรู้ หลังจากพบว่าเกษตรกรรายนี้ ทดลองปลูกในพื้นที่ จ.ปทุมธานี แล้วประสบความสำเร็จ สามารถพัฒนาการปลูกเมลอนจนได้ผลผลิตที่ดี สร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำ และทราบว่าระยะเวลาในการปลูกจนได้ผลผลิต มีระยะเวลาสั้น อีกทั้งทราบว่า เมลอนเป็นผลไม้ที่ใช้น้ำน้อย ดูแลรักษาง่าย และให้ปุ๋ยอาหารเกษตรอินทรีย์ ที่ช่วยรักษาระบบดิน และระบบสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ จึงได้ศึกษาเพื่อเตรียมวางแผนนำไปทดลองปลูกในแปลงปลูกพืชสวน ที่ทุ่งทานตะวัน อ.สามโคก จ.ปทุมธานี ซึ่งคาดว่าจะได้ผลผลิตที่ดี เพราะสภาพอากาศใกล้เคียงกัน และคาดว่าจะได้ผลผลิตที่ดี จากนั้นจะให้ความรู้ต่อไปอีกทอดให้กับประชาชน และชาวนาในพื้นที่ เพราะมุ่งหวังให้ชาวนา ชาวสวน ที่มีพื้นที่ว่างหลังจากทำนาทำสวน หันมาใช้พื้นที่ในการปลูกเมลอน เพื่อเพิ่มรายได้ในช่วงหยุดทำนา เพราะเห็นว่าพืชชนิดนี้ใช้เวลาประมาณ 60 วันเท่านั้น ก็สามารถตัดผลผลิตนำไปขายได้ ราคาขายกิโลกรัมละประมาณ 50-70 บาท อยู่ที่ลูกละประมาณ 100-140 บาท และเตรียมพัฒนาเพื่อเป็นผลผลิตทางเกษตรหลักในพื้นที่ จ.ปทุมธานี ให้เป็นอาชีพเสริมเพิ่มรายได้ให้กับชาวนา ชาวสวน ได้อีกทาง
จังหวัดปทุมธานีเป็นอีกจังหวัดหนึ่งที่ตั้งอยู่ในเขตภาคกลาง เป็นเมืองอู่ข้าวอู่น้ำที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งของประเทศไทย ประชากรส่วนใหญ่ประกอบอาชีพทำการเกษตร อาทิ การทำนา ทำสวนผัก ผลไม้หลากหลายชนิด เพราะเป็นจังหวัดที่อยู่ติดกับกรุงเทพฯ ซึ่งผลผลิตก็สามารถนำไปจำหน่ายยังตลาดขายส่งขนาดใหญ่ อาทิ ตลาดไท ตลาดสี่มุมเมือง.