ส่งไปจีน บรรดาพ่อค้าชาวจีนที่ร่วมหุ้นกับพ่อค้าคนไทย เข้ามารับซื้อทุเรียนในโรงคัดบรรจุผล-ไม้ หรือล้ง อ.หลังสวน จ.ชุมพร เพื่อส่งขายต่างประเทศ ท่ามกลางการหวั่นวิตกว่าพ่อค้าจีนจะครอบงำตลาดผลไม้ของไทย.
กรณีที่มีพ่อค้านายทุนชาวจีนและต่างชาติเข้ามาตั้งโรงคัดบรรจุผลไม้ หรือล้งในประเทศไทย โดยที่ จ.จันทบุรี มีล้งจีน และเวียดนาม เข้ามาร่วม หุ้นกับชาวไทยนับร้อยแห่งพ่อค้าจีนได้ส่งคนเข้ามา กว้านซื้อสินค้าจากชาวสวนโดยตรง และตัดพ่อค้าคนกลางชาวไทย บางรายจ้างคนไทยเป็นนอมินีซื้อ สวนปลูกผลไม้เอง ขณะที่เกษตรกรหวั่นเกรงว่าอนาคตผลไม้ไทยจะถูกกำหนดราคาโดยพ่อค้าชาวจีน หากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่เข้ามาดูแล เมื่อวันที่ 9 ก.ค. ผู้สื่อข่าวไปสำรวจบรรยากาศรับซื้อผลไม้ ตามโรงคัดบรรจุผลไม้ หรือล้ง ใน อ.หลังสวน จ.ชุมพร จุดศูนย์กลางรับซื้อผลไม้ในจังหวัดภาคใต้ นายรุ่งเรือง บุญยิ่งเหลือ เจ้าของล้งรุ่งเรือง อ.หลังสวน จ.ชุมพร เปิดเผยว่า ในอดีตเคยเป็นพ่อค้าขายทุเรียนอยู่ที่ตลาด อ.ต.ก.ได้ทำธุรกิจร่วมกับนายทุนจีนมา 30 ปี เพราะ ทำให้มีเงินทุนรับซื้อทุเรียนมากขึ้น มีตลาดรับซื้อสินค้าที่แน่นอน ในแต่ละวันนายทุนจีนจะโอนเงินมา ให้วันละ 3-5 ล้านบาท รับซื้อทุเรียนวันละ 50-60 ตัน เพื่อส่งออกไปประเทศจีนและไต้หวัน
นายรุ่งเรืองเปิดเผยอีกว่า การกำหนดราคารับซื้อจะอ้างอิงจากราคาขายปลายทางคือ ประเทศจีน เช่น ราคาขายที่ประเทศจีนกล่องละ 300 หยวน หรือ ประมาณ 1,500 บาท นำมาหารด้วยน้ำหนักทุเรียนต่อกล่อง เฉลี่ย 18-19 กก. หักค่าใช้จ่ายบรรจุกล่องประมาณ 18 บาทต่อกล่อง ก็จะได้ราคาการรับซื้อ ทุเรียนหน้าสวน ปัจจุบันเฉลี่ยอยู่ที่ กก.ละ 60-63 บาท ซึ่งรายได้ของล้งไทยที่มีชาวจีนร่วมทุนจะต่าง กันไปตามข้อตกลง โดยจะมีทั้งคิดราคาตามตู้คอนเทนเนอร์ที่ส่ง หรือการปิดตู้, การแบ่งครึ่งผลกำไร หรือคิดเป็นค่ารับจ้างบรรจุกล่อง “การร่วมทุนไม่ต้อง ใช้ทุนตัวเองเยอะ ทำแบบนี้จะไม่เสี่ยงเท่าไร พอขายได้ ตามข้อตกลงเขาก็จะแบ่งกำไรให้ 20- 30% ถ้าจะ ขาดทุนก็มีนิดหน่อย เพราะเขารู้ตลาดดี ไม่ค่อยมี ปัญหาเรื่องปลายทาง” นายรุ่งเรืองกล่าว
...
ขณะที่นายสมบุญ แซ่เต็ง เจ้าของล้งสมบุญ อ.หลังสวน จ.ชุมพร กล่าวว่า ที่ตัดสินใจร่วมธุรกิจกับ นายทุนจีน เพราะทำให้การส่งออกไปตลาดจีนง่ายขึ้น เนื่องจากเขารู้ความเคลื่อนไหวของตลาดผลไม้จีน ทั้งด้านปริมาณและราคา จากนั้นก็จะส่งข้อมูลมาให้เพื่อ กำหนดราคารับซื้อที่เหมาะสม นายทุนจีนมีทุนมาก จะช่วยลดความเสี่ยงในการทำธุรกิจ เพราะการส่งของ ต้องใช้เงินหมุนซื้อทุเรียนส่งออกทุเรียน 1 ตู้คอนเทนเนอร์ ใช้เงินประมาณ 1 ล้านบาท ใช้เวลาส่งออก 7-10 วัน จึงจะได้รับเงินกลับมา หากไม่ร่วมทุนก็จะมี กำลังซื้อทุเรียนน้อย ซึ่งคนไทยเองไม่มีเงินมากพอ เมื่อส่งทุเรียนไปแล้วนายทุนจีนจะรับผิดชอบดูแลเก็บเงินที่ขายทุเรียนได้มาให้ทั้งหมด หากเราไม่ร่วม ทุนแล้วใช้วิธีการฝากขายก็เสี่ยงที่จะไม่ได้รับเงิน.