ชาวนาซดยาพิษดับ สังเวยแล้ง

ที่ศรีสะเกษ แม่ยมแห้ง

ชาวนาศรีสะเกษเครียด ต้นข้าวกว่า 10 ไร่ยืนต้นแห้งตายเนื่องจากฝนแล้ง ซดยาพิษฆ่าตัวตาย ลูกชายเผยชนวนเหตุทั้งเรื่องข้าวตายแถม แม่ป่วย ส่วนพื้นที่อื่นยังวิกฤติตั้งแต่ภาคเหนือยันอีสาน โดยเฉพาะที่สุโขทัย เกษตรกรไม่ปลูกข้าวตามนโยบายของรัฐบาล หันไปปลูกเผือกหอมแทน แต่กลับเจ๊งระนาวราคาตกฮวบ ส่วนประธานคณะกรรมการกลางกลุ่มเกษตรกร “อุบลศักดิ์ บัวหลวงงาม” เรียกร้องให้รัฐบาลจ่ายเงินชดเชยให้ชาวนาที่ลงมือปลูกข้าวแล้วเสียหายเพราะเป็นการทำตามนโยบายของรัฐบาล

สถานการณ์ภัยแล้งนับวันยิ่งรุนแรงโดยเมื่อวันที่ 4 ก.ค. นายจตุพร บุรุษพัฒน์ อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำไปติดตามโครงการอนุรักษ์ฟื้นฟูแหล่งน้ำบึงลาว ต.บางปะหัน อ.บางปะหัน จ.พระนครศรีอยุธยา และโครงการอนุรักษ์ฟื้นฟูแหล่งน้ำหนองขี้หมู หมู่ 6 ต.จักราช อ.ผักไห่ จ.พระนครศรีอยุธยา หลังเสร็จสิ้นโครงการ พร้อมเปิดเผยว่า ปัจจุบันพื้นที่ทั้ง 2 แห่งตื้นเขินไม่สามารถเก็บกักน้ำได้เต็มประสิทธิภาพทำให้ในช่วงฤดูฝนเกิดน้ำหลากท่วมพื้นที่การเกษตร แต่พอฤดูร้อนกลับขาดแคลนน้ำ ดังนั้น จึงจำเป็นต้องฟื้นฟูให้เป็นแก้มลิงเพื่อแก้ปัญหาการขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภค การเกษตร บรรเทาปัญหาภัยแล้งและอุทกภัยและเป็นการฟื้นฟูระบบนิเวศต่อไป

ที่ จ.เชียงใหม่ พล.ต.อินทรัตน์ ยอดบางเตย ที่ปรึกษา รมว.เกษตรและสหกรณ์ น.ส.หนึ่งฤทัย ตันติพลับทอง ผอ.ศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงภาคเหนือขึ้นเฮลิคอปเตอร์ตรวจสอบพื้นที่ภัยแล้ง ดูสภาพน้ำในเขื่อนแม่กวงอุดมธารา อ.ดอยสะเก็ด จ.เชียงใหม่ พบว่ามีสภาพน้ำที่น้อยมากเหลืออยู่ในอ่างเก็บน้ำประมาณ 12 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น ตามด้วยเหนืออ่างเก็บน้ำเขื่อนแม่งัดสมบูรณ์ชล อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่พบว่าน้ำในอ่างเก็บน้ำเหลือเพียง 30 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่ น.ส.หนึ่งฤทัยเปิดเผยว่าฝนหลวงพยายามอย่างเต็มที่ที่จะทำให้ฝนตกให้มากที่สุดในทุกพื้นที่ภาคเหนือและตั้งแต่ทำฝนหลวงพิเศษทำให้มีน้ำไหลเข้าเขื่อนภูมิภาคได้ในระดับหนึ่งในช่วงตั้งวันที่ 27 มิ.ย.ที่ผ่านมาวันละ 2-6 ล้าน ลบ.ม. แต่ในช่วงนี้มีปริมาณน้ำฝนลดลงเนื่องจากอากาศร้อนจัด เมื่อทำฝนตกลงทำให้ดินที่แห้งซับน้ำหายไปหมด

ส่วนนายณัฐวุฒิ แจ่มแจ้ง ผอ.เขื่อนภูมิพล อ.สามเงา จ.ตาก เปิดเผยว่า ปัจจุบันเขื่อนภูมิพลมีปริมาณน้ำกักเก็บ 4,031 ล้าน ลบ.ม. หรือ 29.94 เปอร์เซ็นต์ มีปริมาณน้ำที่สามารถระบายได้เพียง 231 ล้าน ลบ.ม. หรือ 2.39 เปอร์เซ็นต์ ได้ระบายน้ำลงสู่พื้นที่ท้ายเขื่อนวันละ 8 ล้าน ลบ.ม. ไม่มีน้ำใหม่ไหลเข้าอ่างเก็บน้ำเขื่อนภูมิพลมา 3 วันแล้ว แม้จะมีการทำฝนหลวงในพื้นที่ภาคเหนือก็ตาม

ขณะที่ อ.สวรรคโลก จ.สุโขทัย ภัยแล้งยังคงขยายวงกว้างส่งผลกระทบต่อชาวบ้านจำนวนมากจนต้องเปิดประตูระบายน้ำบ้านหาดสะพานจันทร์ หมู่ 9 ต.ในเมือง 1 บาน จากทั้งหมด 5 บาน ปริมาณน้ำไหลผ่านอยู่ที่ 2.19 ล้าน ลบ.ม.ต่อวินาทีเพื่อปล่อยน้ำลงไปยัง อ.สวรรคโลก อ.ศรีสำโรง อ.เมือง และ อ.กงไกรลาศ เพื่อประชาชนจะได้มีน้ำใช้เพื่ออุปโภคบริโภคและการเกษตรซึ่งกำลังประสบกับปัญหาภัยแล้งอย่างหนัก อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ปริมาณน้ำที่ด้านหน้าประตูระบายน้ำมีเก็บสะสมไว้สูงจากพื้นเพียง 4 เมตรเท่านั้น หรือปริมาณ 56.49 ล้าน ลบ.ม. ถือว่าต่ำมาก ดังนั้น ประตูระบายน้ำจำเป็นต้องกักเก็บน้ำบริเวณด้านเหนือไว้ใช้สำหรับอุปโภคและบริโภคและจะปล่อยน้ำผ่านประตูเป็นช่วงๆ

ส่วนจุดตรวจสอบระดับน้ำในแม่น้ำยมบริเวณหน้าจวนผู้ว่าราชการจังหวัดสุโขทัย พบว่าน้ำแห้งขอดถึงก้นแม่น้ำทำให้เกิดเป็นพื้นทรายบริเวณกว้างคงมีเพียงทางน้ำเล็กๆที่ไหลผ่านเท่านั้น ทั้งนี้เนื่องมาจากฝนทิ้งช่วงนานประกอบกับชลประทานต้องกักเก็บน้ำเหนือประตูระบายน้ำบ้านหาดสะพานจันทร์ อ.สวรรคโลก ซึ่งไหลมาจาก จ.แพร่ เพื่อให้เพียงพอต่อการใช้อุปโภคและบริโภคของประชาชนจนกว่าฝนจะตกทำให้น้ำที่ปล่อยไหลมาในแม่น้ำยมซึ่งมีปริมาณน้อยอยู่แล้ว แถมยังถูกกลุ่มเกษตรกรที่อยู่ด้านใต้ใช้เครื่องสูบดึงน้ำเข้าพื้นที่เพาะปลูกของตัวเองตลอดสองฝั่งแม่น้ำส่งผลทำให้อำเภอด้านล่างคือ อ.ศรีสำโรง อ.เมือง และ อ.กงไกรลาศ เริ่มประสบปัญหาน้ำยมแห้งสนิทแล้ว

จากปัญหาภัยแล้งทำให้ชาวนาหันไปปลูกพืชอย่างอื่นแต่เจ๊งเช่นกัน โดยนายสมาน สาสิงห์ อายุ 60 ปี อยู่บ้านเลขที่ 24/9 หมู่ 14 ต.ศรีนคร อ.ศรีนคร จ.สุโขทัย เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้ปลูกข้าว 30 ไร่ ต่อมารัฐบาลไม่สานต่อโครงการรับจำนำข้าวและราคาตกจึงให้เกษตรกรเปลี่ยนไปปลูกพืชชนิดอื่น เลยเปลี่ยนไปปลูกเผือกหอมพันธุ์เชียงใหม่ 10 ไร่ ปลูกถั่วเขียว 20 ไร่ ปีที่แล้วราคาเผือกโลละ 20 บาท ได้ผลผลิตไร่ละ 6 ตัน หักต้นทุนค่าปุ๋ย ค่ายาพอมีกำไรอยู่ได้ แต่มาปีนี้เผือกราคาเหลือแค่โลละ 4 บาท ขาดทุนยับเยิน หนำซ้ำพ่อค้าไม่ค่อยซื้อโดยอ้างว่าเศรษฐกิจฝืดเคือง พวกตนชาว อ.ศรีนคร ปลูกกว่า 1,000 ไร่ ขาดทุนมหาศาลเลยต้องขนใส่รถบรรทุกไปตระเวนขายตามจังหวัดไกลๆโดยเฉพาะทางภาคอีสาน ได้ราคาโลละ 8 บาท ดีกว่าปล่อยให้เน่าตาย ส่วนถั่วเขียวที่ปลูกไว้ 20 ไร่ กำลังจะแห้งตายเนื่องจากไม่มีน้ำตั้งแต่หว่านเมล็ด ยังไม่เคยโดนฝนเลย หากพ่อค้าหรือใครสนใจอยากจะได้เผือกพันธุ์ดี ติดต่อตนได้ที่เบอร์โทร. 089-638-0676

ที่บริเวณสถานีสูบน้ำด้วยไฟฟ้า ต.บ้านเกาะ อ.เมืองอุตรดิตถ์ นายสมชัย กมลเทพเทวินทร์ รอง ผวจ.อุตรดิตถ์ นายชัยศิริ ศุภรักษ์จิดา นายก อบจ.อุตรดิตถ์ พร้อมชลประทานและเกษตรจังหวัดร่วมกับเกษตรกรในพื้นที่ 4 ตำบลคือ ต.บ้านเกาะ ต.วังกะพี้ ต.ไผ่ล้อม และ ต.ทุ่งยั้ง กว่า 500 คน และกำลังทหาร จากจังหวัดทหารบกอุตรดิตถ์ร่วมกันสร้างฝายกั้นน้ำโดยใช้ถุงบิ๊กแบ็กมาทำเป็นคันกั้นน้ำเพื่อที่จะสูบน้ำเข้านาที่ไม่มีน้ำทำนาปีพื้นที่กว่า 30,000 ไร่เศษ

ด้าน จ.นครราชสีมา นายสินชัย พึ่งตำบล นักวิทยาศาสตร์ชำนาญการพิเศษ ศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เปิดเผยว่า ได้ทำฝนหลวงบริเวณแนวป่าอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่เพื่อให้มีปริมาณน้ำฝนไหลเข้าเพิ่มเติมน้ำในเขื่อนที่เหลือน้อย ปัจจุบันเขื่อนลำตะคองเหลือเพียง 57 ล้าน ลบ.ม. หรือประมาณ 18% ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมาศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงภาคฯได้บินทำฝนหลวงกว่า 200 เที่ยวใช้สารฝนหลวงน้ำหนักรวม 270 ตัน ซึ่งผลการขึ้นบินทำฝนหลวงมีฝนตกลงมาร้อยละ 90 ของพื้นที่ที่ขึ้นบินทำฝนหลวงแต่ปริมาณฝนยังถือว่าน้อย

ที่ จ.ขอนแก่น นายพงษ์ศักดิ์ ตั้งวานิชกพงษ์ นายก อบจ.ขอนแก่น เปิดเผยถึงการช่วยเหลือประชาชนที่ประสบปัญหาภัยแล้งใน 26 อำเภอว่าได้ส่งเครื่องมือพร้อมเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่เพื่อให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยโดยเฉพาะการขนน้ำไปแจกจ่ายในพื้นที่ อย่างไรก็ตาม การแก้ปัญหาภัยแล้งซ้ำซากให้ได้ผลทุกฝ่ายต้องร่วมมือกันและ อบจ.ขอนแก่นได้ตั้งงบ ประมาณเพื่อการแก้ไขปัญหาแล้ง 300 ล้านบาท คาดว่าจะสามารถแก้ไขปัญหาภัยแล้งได้

ส่วนที่บ้านนากระเซ็ง ต.อาฮี อ.ท่าลี่ จ.เลย ต้นกล้าข้าวที่ลงแปลงในนาเริ่มแห้งตายต้องร้องขอความช่วยเหลือจาก อบต.อาฮี นำรถนํ้าดับเพลิงมาฉีดน้ำลงไร่นาเพื่อประทังไม่ให้ต้นข้าวและต้นกล้าเหี่ยวแห้งตาย โดยนายณัฐวัฒน์ สันหาชนานันท์ นายก อบต.อาฮี กล่าวว่าได้จัดรถน้ำดับเพลิงออกฉีดน้ำในไร่นาข้าวของชาวบ้านเพื่อไม่ให้ต้นกล้าข้าวตายแต่สามารถช่วยเหลือชาวบ้านได้เพียงวันละไม่เกิน 15 ราย แต่มาขอความช่วยเหลือกว่า 100 ราย

ขณะที่นายสกลสฤษฏ์ บุญประดิษฐ์ ผวจ.มุกดาหาร กล่าวว่า ช่วงนี้จังหวัดมุกดาหารยังประสบกับสภาวะฝนทิ้งช่วงทำให้มีปริมาณน้ำน้อย ประกอบกับปริมาณน้ำกักเก็บในอ่างเก็บน้ำต่างๆ จะเพียงพอต่อการอุปโภคและบริโภคเท่านั้น ยังไม่เพียงพอสำหรับการทำนาหรือการเกษตรอื่นๆ ฉะนั้นจึงขอให้เกษตรกรได้เลื่อนการทำนาออกไปก่อน จนกว่าจะมั่นใจว่ามีปริมาณน้ำเพียงพอไม่ทำให้พืชได้รับความเสียหาย

ที่ จ.ศรีสะเกษ เกิดเหตุสะเทือนใจเมื่อชาวนาเครียดแล้งคุกคามเลยกินยาตายโดย พ.ต.ต.ศิลประสิทธิ์ ศรีเกียรติ พงส.สภ.เมืองศรีสะเกษ ไปสอบสวนคนกินยาพิษส่งมารักษาที่ รพ.ศรีสะเกษ และเสียชีวิตในเวลาต่อมา ทราบผู้ตายชื่อนายสุนันท์ อนุพันธ์ อายุ 57 ปี อยู่บ้านเลขที่ 55 หมู่ 17 ต.สำโรงตาเจ็น อ.ขุขันธ์ จ.ศรีสะเกษ แพทย์ระบุสาเหตุการเสียชีวิตมาจากการดื่มยาพิษ สอบปากคำนายจรัส อนุพันธ์ อายุ 30 ปี ลูกชายของผู้ตาย กล่าวว่า ที่ผ่านมาพ่อจะเครียด เนื่องจากข้าวในนา 10 กว่าไร่ใกล้จะยืนต้นตาย เนื่องจากฝนทิ้งช่วงมานาน อีกทั้งแม่ตนมาล้มป่วยอีก ทั้งสองเรื่องนี้อาจจะเป็นสาเหตุทำให้พ่อเครียดจนกินยาฆ่าหญ้าฆ่าตัวตาย

จ.นครพนม สถานการณ์ภัยแล้งยังวิกฤติรุนแรงต่อเนื่อง หลังฝนไม่ตกต้องตามฤดูกาลถือเป็นปัญหาภัยแล้งที่หนักรอบ 50 ปี จากข้อมูลของสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จ.นครพนม พบว่าในช่วงนี้ ปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำในพื้นที่รวม 19 แห่งมีภาพรวมเก็บกักน้ำที่ประมาณ 29 เปอร์เซ็นต์ เสี่ยงต่อปัญหาขาดแคลนน้ำในการเกษตร รวมถึงน้ำในการอุปโภคบริโภค นาข้าวหลายพื้นที่กำลังได้รับผลกระทบขาดน้ำกว่า 6.5 แสนไร่ ตามด้วย

ด้านนางคำกร วิเศษศรี อายุ 41 ปี บ้านเลขที่ 115 บ้านนาส่อน ต.เพ็ญ อ.เพ็ญ จ.อุดรธานี อาชีพรับจ้างถอนต้นกล้านาข้าว กล่าวว่า รับจ้างถอนต้นกล้ามัดละ 3 บาท แถมต้นกล้าถอนยากมาก เพราะเจ้าของที่นาเพิ่งสูบน้ำเข้าที่นา ส่วนที่นาของตนยังไม่ได้ทำอะไรเลยเพราะไม่มีน้ำ ปล่อยทิ้งไว้รอฝนก่อน หากฝนไม่ตกคงจะไม่ได้ทำนาในปีนี้ ขณะที่นางประเทือง ยศจันทร์ บ้านเลขที่ 96 หมู่ที่ 3 บ้านนาส่อน อ.เพ็ญจ.อุดรธานี กล่าวว่า ปีนี้เกือบทุกอำเภอในจังหวัดอุดรธานี ประสบกับปัญหาแห้งแล้งมาก ชาวนาบางรายจะต้องเปลี่ยนจากนาดำเป็นนา หว่านและข้าวที่หว่านไว้ใกล้ยืนต้นตายเพราะขาดน้ำ

ด้านนายอุบลศักดิ์ บัวหลวงงาม ประธานคณะกรรมการกลางกลุ่มเกษตรกรแห่งประเทศไทยและในฐานะประธานคณะกรรมการด้านข้าว สภาเกษตรกรแห่งชาติเปิดเผยว่า เกษตรกรที่ทำนาและได้หว่านข้าวลงไปในผืนนาตามนโยบายรัฐบาลประกาศว่าจะเปิดน้ำให้ชาวนาตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค.58 เป็นต้นไป ชาวนาขอยืนยันให้รัฐบาลจ่ายชดเชยให้ชาวนาไร่ละ 3,500 บาทตามที่ชาวนาได้ลงทุนทำนาไปแล้วจริง เพราะชาวนาต้องกู้หนี้ยืมสินพร้อมทั้งดอกเบี้ยที่นำไปซื้อปัจจัยการผลิต เช่น พันธุ์ข้าวปลูก ปุ๋ย พร้อมค่าจ้างรถไถนา และค่าเช่านา เป็นต้น เมื่อลงทุนไปแล้วไม่สามารถนำกลับมาคืนได้ ฉะนั้นเมื่อเป็นนโยบายของรัฐบาล ทางรัฐบาลจะต้องชดเชยสิ่งที่เกิดขึ้นให้กับชาวนา

นายอุบลศักดิ์ได้กล่าวต่อไปอีกว่า สำหรับชาวนาที่ซื้อพันธุ์ข้าวปลูกและได้จ้างรถไถนาไปแล้วแต่ยังไม่ได้หว่านข้าวทันเวลา เพราะถ้าข้าวที่ไม่ได้หว่านลงผืนนาตามกำหนดก็เกิดความเสียหายเช่นเดียวกัน ใครจะรับผิดชอบชีวิตและครอบครัวของชาวนา ชาวนาต่างเดือดร้อนเพราะไม่มีเงินที่จะใช้ในการดำรงชีพในชีวิตประจำวัน ประกอบกับชาวนาไม่ได้ทำนาปรังถึง 2 รอบ เพราะรัฐบาลบอกว่าน้ำไม่มี พอถึงนาปีก็อ้างว่าน้ำไม่พออีก เท่ากับชาวนาไม่ได้ทำนาถึง 3 รอบติดต่อกัน ในเร็วๆนี้จะเรียกตัวแทนเกษตรกรทุกจังหวัดเพื่อรวบรวมและสรุปปัญหาเสนอรัฐบาลพร้อมแนวทางแก้ไขปัญหาทั้งระยะสั้น ระยะปานกลางและระยะยาวโดยจัดระบบการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืนทั้งนี้ จะจัดระบบอย่างครบวงจรทั้งด้านการผลิต การแปรรูปและการตลาด

ในขณะที่ภาคอื่นประสบปัญหาภัยแล้งแต่ภาคใต้กลับพบมรสุมพายุฝนถล่มหนักโดยเฉพาะที่ จ.สตูล เกิดฝนตกหนักและลมแรง ส่งผลให้ต้นยางพาราที่อยู่หน้าบ้านของนางหรม เร๊ะนุ้ย บ้านเลขที่ 46 หมู่ 6 ต.กำแพง อ.ละงู จ.สตูล ล้มทับบริเวณหน้าบ้าน เสียหาย เจ้าของบ้านและเจ้าหน้าที่เทศบาลตำบลกำแพง ต้องเร่งมาตัดไม้ออกพร้อมแจ้งเตือนชาวบ้านที่มีต้นไม้อยู่ใกล้บ้าน หากพบว่ามีต้นไม้ไม่แข็งแรงสามารถแจ้งให้เจ้าหน้าที่มาตัดโค่นได้

ด้านสำนักงานอุตุนิยมวิทยา จ.สตูล ได้แจ้งเตือนประชาชนในช่วงวันที่ 4-9 ก.ค.บริเวณทะเลอันดามันจะมีคลื่นลมแรง โดยมีคลื่นสูง 2-3 เมตร ส่วนบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองจะมีคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ผู้ที่เลี้ยงสัตว์น้ำชายฝั่งควรระวังและป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น สำหรับชาวเรือและชาวประมงควรเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือ และเรือเล็กในบริเวณดังกล่าวควรงดออกจากฝั่งและที่บริเวณชายฝั่งบ้านบางเนียง ต.คึกคัก อ.ตะกั่วป่า จ.พังงา ทางโรงแรมในพื้นที่ได้ขึ้นธงแดงเพื่อเป็นการแจ้งเตือนนักท่องเที่ยวห้ามลงเล่นน้ำทะเลอย่างเด็ดขาด เนื่องจากคลื่นลมทะเลมีความสูงถึง 3-4 เมตร ทำให้นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ต้องลงเล่นน้ำในสระน้ำของโรงแรมเพื่อความปลอดภัย

กรมอุตุนิยมวิทยาคาดหมายสภาพอากาศว่า ช่วงวันที่ 6-10 ก.ค. จะมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณประเทศเวียดนามตอนบนและอ่าวตังเกี๋ย ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังแรงจะยังคงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้และอ่าวไทย ทำให้ประเทศไทยจะมีฝนเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณภาคตะวันออกและภาคใต้ สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยจะมีกำลังแรงโดยมีคลื่นสูง 2-3 เมตร ขอให้ชาวเรือทั้งสองฝั่งเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และเรือเล็กควรงดออกจากฝั่ง อนึ่งพายุโซนร้อน “หลิ่นฟา” พายุโซนร้อน “จันหอม” และพายุโซนร้อน “นังกา” บริเวณมหาสมุทรแปซิฟิก ด้านตะวันออกของประเทศฟิลิปปินส์ มีแนวโน้มเคลื่อนตัวไปทางประเทศจีน และญี่ปุ่นไม่มีผลกระทบต่อไทย