‘โบกี้’ บรรทุกสินค้า หลุดจากหัวรถจักร ขยี้ลากไป100เมตร
สยอง ตัวพ่วงขบวนแคร่ขนหมอนคอนกรีตหลุดจากหัวจักรรถไฟ พุ่งชน จยย.และรถเก๋งที่วิ่งข้ามจุดตัดรถไฟถนนประชาชื่น เหตุเจ้าหน้าที่ยกไม้กั้นเพราะเข้าใจว่าหัวรถจักรวิ่งผ่านไปแล้ว ผลสาวใหญ่คนขี่ จยย.ถูกชนลากไปใต้โบกี้ไกลกว่า 100 เมตร ร่างเละดับสยอง ส่วนสาวเจ้าของรถเก๋งแค่เคล็ดขัดยอกแต่รถพังยับ ด้านผู้ว่าการ รฟท.รับ ตัวสลักยึดหัวรถจักรมีปัญหาจนเกิดเหตุสลด สั่งตรวจสอบหัวรถจักรทั่วประเทศ ขอโทษกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมชดเชยค่าเสียหายเต็มที่
เหตุสลดที่เกิดจากอุปกรณ์ที่ไม่สมบูรณ์ของรถไฟไทยครั้งนี้ เปิดเผยขึ้นเมื่อเวลา 07.15 น. วันที่ 9 มิ.ย. ร.ต.ท.ตวงสิทธิ์ พนักงานสอบสวน สน.ประชาชื่น รับแจ้งเหตุขบวนแคร่ขนสินค้าหลุดออกจากหัวรถจักร รถไฟชนคนเสียชีวิต รถยนต์ประชาชนเสียหาย เหตุเกิดที่ซุ้มไม้กั้นทางรถไฟ ถนนประชาชื่น แขวงและเขตบางซื่อ ไปตรวจพร้อมเจ้าหน้าที่ฝ่ายกฎหมายของ การรถไฟแห่งประเทศไทย แพทย์เวรนิติเวช รพ.ตำรวจ เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานและเจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญู
ที่เกิดเหตุอยู่ใกล้สถานีรถไฟฟ้าบางซ่อน พบขบวนแคร่ขนหมอนคอนกรีต ความยาว 10 โบกี้ ซึ่งหลุดจากหัวรถจักรหมายเลข 4009 ที่จอดอยู่ห่างออกไปประมาณ 10 เมตร จอดนิ่งอยู่บนรางรถไฟ โดยที่หน้าตัวแคร่ขนสินค้าโบกี้แรก มีซาก จยย.ยี่ห้อ ฮอนด้า รุ่นเวฟ สีแดงดำ ทะเบียน ฬบล 236 กรุงเทพมหานคร สภาพพังยับติดมาด้วย ส่วนที่ใต้โบกี้ พบศพนางสาลี ซุ้ยขาว อายุ 55 ปี อยู่บ้านเลขที่ตามบัตรประชาชน 63 หมู่ที่ 5 ต.เขาชัยสน อ.เขาชัยสน จ.พัทลุง สภาพศพติดคาล้อ ร่างกายแหลกเละ แขนและขาซ้ายขาดอย่างน่าสยดสยอง
ห่างออกไปประมาณ 100 เมตร ที่จุดกั้นรถไฟ จุดตัดถนนประชาชื่น พบรถเก๋งยี่ห้อฮอนด้า รุ่นแจ๊ซ สีขาว ทะเบียนป้ายแดง ก 3302 นครปฐม ถูกตัวพ่วงรถไฟชนกระเด็นไปอยู่ข้างราง ด้านซ้ายรถเก๋งพังทั้งแถบ มี น.ส.ณปภัช วงษ์แสงแก้ว อายุ 25 ปี เจ้าของรถให้การในสภาพตื่นตกใจว่า ทำงานเป็นพนักงานบริษัท ดี เค เอส เอช (ประเทศไทย) จำกัด ย่านวัดพระยาไกร มีหน้าที่ดูแลสินค้าต่างๆ ส่งให้ตามโรงพยาบาล ก่อนเกิดเหตุกำลังขับรถกลับคอนโดมิเนียมที่พักย่านเตาปูน หลังไปส่งพี่สาวที่ดอนเมือง เมื่อถึงจุดเกิดเหตุรางรถไฟที่ตัดผ่านบนถนนประชาชื่น พนักงานได้ยกไม้กั้นทางรถไฟลง โดยตนจอดรถติดไม้กั้นรถไฟเป็นคันแรก มีรถยนต์ และรถ จยย.จอดติดรอกันอีกหลายคัน เมื่อหัวรถจักรวิ่งผ่านไป พนักงานได้ยกไม้กั้นขึ้น ตนขับรถข้าม แต่กลับมีขบวนแคร่ขนหมอนคอนกรีต พุ่งชนรถตนอย่างแรงจนหมุนตกข้างทาง ขณะเดียวกันชนรถ จยย.และลากเอาคนขี่ติดล้อไป โดยไม่รู้ว่ารถ จยย.มาจากทางไหน ส่วนตนโชคดีบาดเจ็บเคล็ดขัดยอกที่หัวไหล่ซ้ายเท่านั้น
...
ขณะที่นายสุธน นันทพล อายุ 50 ปี พนักงานควบคุมไม้กั้นทางรถไฟให้การว่า ทำหน้าที่กั้นขบวนรถไฟในจุดดังกล่าว ระหว่างนั้นเห็นหัวรถจักรมุ่งหน้าผ่านจุดกั้นไปแล้ว คิดว่าขบวนหมดสิ้น รีบยกที่กั้นขึ้นทันที เพื่อเปิดการจราจร ปรากฏว่ามีขบวนแคร่ขนสินค้าพ่วงตามมาทีหลัง ระยะห่างประมาณ 50 เมตร โดยขบวนแคร่ขนสินค้าหลุดจากหัวรถจักรที่จุดใดไม่ทราบ พุ่งเข้าชนรถเก๋งจนตกไปอยู่ข้างราง และลากรถ จยย.ไปไกลถึง 100 เมตร ก่อนจะหมดแรงเฉื่อยจอดหยุดใกล้ๆกับหัวรถจักร
ต่อมานายจรัญ ซุ้ยขาว อายุ 37 ปี ลูกชายผู้เสียชีวิตมาดูศพแม่ก่อนกล่าวด้วยความเสียใจว่า เมื่อก่อนแม่มีอาชีพขายหมูปิ้ง แต่เลิกขายไปเมื่อ 3 เดือนที่แล้ว ไปเป็นลูกจ้างร้านขายข้าวมันไก่ใกล้จุดเกิดเหตุ ปกติจะขี่รถ จยย.ออกจากที่พักในซอยประชา– ชื่น 25 เพื่อไปทำงานโดยต้องขี่ผ่านจุดเกิดเหตุทุกเช้า กระทั่งโชคร้ายมาประสบเหตุตัวพ่วงโบกี้ขนสินค้าชนตาย วอนผู้เกี่ยวข้องให้ความช่วยเหลือ วันที่ 10 มิ.ย.นี้ จะไปรับศพแม่ที่สถาบันนิติเวช รพ.ตำรวจ เพื่อไปทำพิธีศพที่ จ.พัทลุง ต่อไป
ด้านเจ้าหน้าที่ฝ่ายกฎหมายของการรถไฟแห่งประเทศไทย กล่าวว่า เบื้องต้นจะต้องสอบสวนว่าเป็นความบกพร่องของพนักงานขับรถไฟ พนักงานควบคุมไม้กั้นทางรถไฟ หรือเป็นความบกพร่องของอุปกรณ์ แต่การรถไฟฯจะรับผิดชอบทุกอย่าง ผู้เสียชีวิตจะช่วยเหลือเบื้องต้นก่อนเป็นเงิน 80,000 บาท ส่วนค่าสินไหม และค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่ต้องจ่ายตามกฎหมาย ตามที่ญาติของผู้ตายจะร้องขอ ร่วมทั้งคนเจ็บด้วยทางการรถไฟแห่งประเทศไทยจะดูแลค่ารักษาพยาบาลและค่าทรัพย์สินที่เสียหายทั้งหมดด้วย
ส่วนนายวุฒิชาติ กัลยาณมิตร ผู้ว่าการการรถไฟ แห่งประเทศไทย (รฟท.) กล่าวถึงเหตุสลดรถไฟขบวน 1089 ขนหมอนคอนกรีตจากบางซื่อไป จ.สุพรรณบุรี ในเย็นวันเดียวกัน ว่า สาเหตุมาจากปัญหาที่ตัวอุปกรณ์รถไฟ ไม่ใช่เกิดจากความบกพร่องของเจ้าหน้าที่ โดยสลักที่ยึดพ่วงหัวรถจักรกับขบวนแคร่ขนส่งสินค้าชำรุด ทำให้ขบวนแคร่ขนหมอนคอนกรีตหลุดออกจากหัวรถจักรพุ่งชนรถเก๋งกับรถจักรยานยนต์ ขณะนี้ได้ให้ฝ่ายช่างกลไปเร่งตรวจสอบอุปกรณ์รถไฟทั้งหมด โดยเฉพาะบริเวณสลักยึดหัวรถจักรที่มีอยู่ทั่วประเทศอย่างละเอียดก่อนออกเดินรถ เพื่อไม่ให้เกิดอุบัติเหตุซ้ำสอง ที่ผ่านมายืนยันว่า รฟท.มีมาตรการตรวจสอบอุปกรณ์ตัวรถ และการเดินรถที่ได้มาตรฐานเต็มที่ แต่บางครั้งเป็นเหตุสุดวิสัย เป็นสิ่งที่ รฟท.ไม่อยากให้เกิดขึ้น
“ผมต้องขอโทษกับอุบัติเหตุครั้งนี้ รฟท.พร้อมจะรับผิดชอบความเสียหาย และผู้เสียชีวิตอย่างเต็มที่ ทั้งค่าปลงศพที่จะมีการช่วยเหลือแน่นอน ส่วนค่าทำขวัญ ค่าเสียอื่นๆก็ให้ผู้เสียหาย หรือญาติมาเจรจาเรียกร้องได้ รฟท.พร้อมดูแล และจะไม่ปฏิเสธความรับผิดชอบแต่อย่างใด เพราะถือเป็นความบกพร่องของ รฟท.” นายวุฒิชาติกล่าว