ตำรวจพาเหยื่อโรฮีนจาชี้จุดแคมป์กักตัวบนเทือกเขาแก้ว ต.ปาดังเบซาร์ เริ่มจากเส้นทางตามไหล่เขาผู้เสียหายยืนยันมีผู้คุมคอยดูแล หากหลบหนีจะถูกทารุณทำร้าย
ออกหมายจับเครือข่ายค้ามนุษย์เพิ่มอีก 4 คน รวมผู้ต้องหา 81 คน ขณะที่พนักงานสอบสวนเร่งสางคดีสำนวนคืบหน้าเกินครึ่ง คาดส่งให้อัยการฟ้องสิ้นเดือน มิ.ย.นี้
ตำรวจเร่งหาหลักฐานประกอบสำนวนทลายแก๊งค้ามนุษย์ชาวโรฮีนจาอย่างต่อเนื่อง โดยเมื่อเวลา 08.30 น. วันที่ 30 พ.ค. พ.ต.อ.ตรีวิทย์ ศรีประภา รอง ผบก.ภ.จ.สงขลา พร้อมด้วย พ.ต.ท.ประพันธุ์ อารีย์บำบัด พงส.สภ.ปาดังเบซาร์ พนักงานอัยการและเจ้าหน้าที่ศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 9 นำตัวเหยื่อชาวโรฮีนจา 12 คน ที่ได้รับการช่วยเหลือมาก่อนหน้านี้ไปชี้จุดแคมป์กักกันบนเทือกเขาแก้ว พื้นที่หมู่ 8 บ้านตะโล๊ะ ต.ปาดังเบซาร์ อ.สะเดา จ.สงขลา เพื่อชี้จุดถ่ายภาพนำมาประกอบสำนวนการสอบสวน โดยชาวโรฮีนจาพาเจ้าหน้าที่เดินไปตามทางตั้งแต่ไหล่เขาใช้เป็นเส้นทางเดินขึ้นไปบนยอดเขาสถานที่ตั้งแคมป์ พร้อมทั้งเล่ารายละเอียดของแคมป์แต่ละจุดได้อย่างชัดเจน
พ.ต.อ.ตรีวิทย์ ศรีประภา กล่าวว่า นำผู้เสียหายมาชี้จุดช่วยทำให้คดีมีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น เนื่องจากได้ข้อมูลและรายละเอียดที่บ่งชี้ได้ว่าคำให้การของพยานมีน้ำหนักมากขึ้น เช่นแคมป์แรกที่พบหลุมฝังศพและศพถูกฝัง 26 ศพนั้น มีผู้คุมคอยดูแลทั้งหมด 8 คน ผู้เสียหายสามารถบอกได้ว่ามีใครบ้างรวมทั้งยังพบรองเท้าผู้หญิง 2 คู่เป็นของเมียผู้คุม นอกจากนี้ยังพบว่าแคมป์แต่ละแห่งมีรูปแบบการทำร้ายที่ชัดเจน เช่น การนำหวายตอกตะปูแล้วตีต้นขา รวมถึงจุดที่จับตัวชาวโรฮีนจาไปมัดมือไพล่หลังแล้วมัดติดกับต้นไม้ใช้ไม้ทุบตีหากคิดหลบหนีหรือทำความผิดในแคมป์และยังมีจุดที่ใช้เป็นสถานที่ละหมาด ภายในแคมป์มีการคัดแยกที่อยู่ระหว่างชายและหญิงผู้เสียหายชี้จุดที่ทำพิธีละหมาดศพก่อนนำไปฝังข้อมูลทั้งหมดที่ได้มาล้วนเป็นประโยชน์ต่อรูปคดี สำนวนการสอบสวนมีความคืบหน้าไปแล้วกว่า 60 เปอร์เซ็นต์ พนักงานสอบสวนและพนักงานอัยการจะเร่งสรุปสำนวนการสอบสวนให้ทันภายในวันที่ 20 มิ.ย.นี้
...
ส่วนความคืบหน้าการดำเนินคดีแก๊งค้ามนุษย์ชาวโรฮีนจา โดยพนักงานสอบสวนยื่นขออนุมัติศาลจังหวัดนาทวีออกหมายจับผู้ต้องหาที่เป็นเครือข่ายค้ามนุษย์เพิ่มอีก 4 คน ในข้อหาสมคบและร่วมกันตั้งแต่สามคนขึ้นไปกระทำการอันเป็นการค้ามนุษย์ ร่วมกันช่วยเหลือด้วยประการใดๆ แก่บุคคลต่างด้าวที่เข้ามาในราชอาณาจักรโดยผิดกฎหมายและร่วมกันหน่วงเหนี่ยวกักขังผู้อื่นโดยทำให้ปราศจากเสรีภาพในร่างกายและร่วมกันเรียกค่าไถ่ โดยจากเดิมที่ออกหมายจับไปแล้ว 77 คน รวมผู้ต้องหาที่ถูกออกหมายจับขณะนี้เพิ่มเป็น 81 คน และเจ้าหน้าที่ควบคุมตัว ได้แล้ว 51 คน เหลืออีก 30 คน
สำนักข่าวเอเอฟพีอ้างรายงานข่าวจากหนังสือพิมพ์โกลบอล นิว ไลต์ ออฟ เมียนมา สื่อกระบอกเสียงรัฐบาลพม่าระบุทหารเรือเมียนมาได้ควบคุมตัวนายเนียงนุต พาตุนซานตุน อายุ 53 ปี อ้างเป็นคนไทยซึ่งถูกระบุว่ามาจาก จ.ระนอง ถูกควบคุมตัวในพื้นที่นครย่างกุ้งของเมียนมา โดยชาวไทยรายนี้ถูกระบุเป็นเจ้าของเรือนำพาผู้อพยพโยกย้ายถิ่นมากกว่า 200 คน เดินทางออกจากชายฝั่งประเทศเมียนมาไปยังประเทศไทยและมาเลเซีย แต่ถูกทหารเรือเมียนมาพบเรือลำดังกล่าวในเขตน่านน้ำเมียนมาเมื่อช่วงต้นเดือน พ.ค.
ทั้งนี้แหล่งข่าวจากความร่วมมือแลกเปลี่ยนข้อมูลกันของเจ้าหน้าที่เมียนมากับไทยพบว่าผู้ต้องหาชาวไทยรายนี้ร่วมมือกับชาวพม่าจำนวนหนึ่งกับแก๊งค้ามนุษย์ในบังกลาเทศ นำพาผู้อพยพลอยเรือออกจากน่านน้ำเมียนมา แต่ทหารเรือเมียนมาพบและสกัดเรือเอาไว้ได้ ถือเป็นปฏิบัติการช่วยเหลือผู้อพยพเดินทางออกจากชายฝั่งทะเลเมียนมาครั้งแรก นับตั้งแต่ทางการไทยเริ่มปฏิบัติการกวาดล้างเครือข่ายแก๊งค้ามนุษย์ในประเทศตลอดช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา อย่างไรก็ตามทางการเมียนมายังไม่แจ้งข้อกล่าวหาชาวไทยคนดังกล่าว รวมถึงเปิดเผยว่าการจับกุมตัวเกิดขึ้นเมื่อใด อีกทั้งไม่ชัดเจนว่าผู้อพยพโยกย้ายถิ่นฐานที่อยู่บนเรือลำดังกล่าวเป็นชาวบังกลาเทศหรือชาวโรฮีนจา