ศาลฎีกาพิพากษายกฟ้อง นสพ.ไทยรัฐ คดีที่ถูกอดีตรองปลัดกระทรวงมหาดไทย ฟ้องแพ่งเรียกค่าเสียหาย 50 ล้านบาท หลังคอลัมนิสต์ดังเขียนวิจารณ์การแต่งตั้งตำแหน่งรองปลัดฯไม่เหมาะสม ผิดหลักธรรมเนียมปฏิบัติของมหาดไทย ศาลชี้การได้มาซึ่งตำแหน่งเป็นที่เคลือบแคลงสงสัยอยู่ในวิสัยที่จะวิจารณ์ ถือเป็นการติชมโดยสุจริต

คดีถึงที่สุดศาลฎีกาสั่งยกฟ้องให้ นสพ.ไทยรัฐชนะคดี เปิดเผยขึ้นที่ห้องพิจารณาคดี 606 ศาลแพ่ง ถนนรัชดาภิเษก เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 22 พ.ค. ศาลอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาคดีหมายเลขดำ 11607/2557 ที่นายสุกิจ เจริญรัตนกุล อดีตรองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นโจทก์ ฟ้องนายธงชัย ณ นคร คอลัมนิสต์ นสพ.ไทยรัฐ นายสุนทร ทาซ้าย บรรณาธิการ ผู้พิมพ์ ผู้โฆษณา นสพ.ไทยรัฐ และบริษัท วัชรพล จำกัด เป็นจำเลยที่ 1-3 เรื่องละเมิด เรียกค่าเสียหาย 50 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี

โจทก์ฟ้องว่าเมื่อวันที่ 24 เม.ย.51 ขณะโจทก์ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย จำเลยที่ 1 เขียนบทความใน นสพ.ไทยรัฐว่า การแต่งตั้งโจทก์เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทยนั้น ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.มหาดไทย ขณะนั้นคงไม่รู้ธรรมเนียมมหาดไทยในการแต่งตั้ง และมีใบสั่งจากบุคคลที่ไม่อาจขัดขืนได้ การแต่งตั้งตำแหน่งดังกล่าวต้องมาจากผู้ว่าราชการจังหวัดอาวุโส หรืออธิบดี หรือรองอธิบดีกรมการปกครอง เหมือนเช่นรองปลัดกระทรวงที่มีอยู่ 4 คน ต่างเคยเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดมาอย่างน้อย 2 จังหวัด แต่โจทก์เคยเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยโอนมาเป็นนายอำเภอเมืองนนทบุรี ไม่เคยเรียนโรงเรียนนายอำเภอ เป็นผู้ว่าราชการจังหวัดสุโขทัย มีน้องชายเป็นหมอประจำตัวแม่ยายทักษิณ จึงหมายมั่นจะเป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยหรือกรมอื่น แต่เกิดปฏิวัติจึงเป็นได้แค่ผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย ต่อมาวันที่ 13 ต.ค.51 จำเลยที่ 1 เขียนบทความใน นสพ.ไทยรัฐทำนองว่า การแต่งตั้งโจทก์เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทยไม่ชอบด้วยหลักคุณธรรม ไม่เป็นไปตามธรรมเนียมปฏิบัติ เมื่อ พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ รัฐมนตรีคนใหม่ย้ายโจทก์ไปตำแหน่งอื่น รองปลัดกระทรวงคนใหม่ 4 คน แต่งตั้งไปตามธรรมเนียมเหนือชั้นกว่าโจทก์ การกระทำของจำเลยทั้งสามทำให้โจทก์เสื่อมเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นเกลียดชัง คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสามร่วมกันชดใช้เงิน 1 ล้านบาท ลงคำพิพากษาในบทความ “มุมข้าราชการ” ใน นสพ.ไทยรัฐ 7 วัน ขณะที่ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้อง โจทก์ยื่นฎีกา

...

ศาลฎีกาพิเคราะห์แล้วมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า จำเลยทั้งสามร่วมกันไขข่าวซึ่งข้อความอันฝ่าฝืนความจริงอันเป็นการละเมิดโจทก์หรือไม่ โจทก์รับในการถามค้านทนายความจำเลยว่า เคยเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยแล้วโอนมาเป็นเจ้าหน้าที่ฝึกอบรม 8 จากนั้นได้รับแต่งตั้งเป็นนายอำเภอเมืองนนทบุรี โดยไม่เคยเข้าโรงเรียนนายอำเภอมาก่อน โจทก์มีน้องชายคือ นพ.สุชัย เจริญรัตนกุล อดีต รมว.สาธารณสุข สมัย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี และน้องชายเคยรักษาบิดาของ พ.ต.ท.ทักษิณแต่ไม่ใช่แพทย์ประจำตัวมารดาภรรยา พ.ต.ท.ทักษิณ ขณะที่จำเลยที่ 1 เบิกความว่า จำเลยมีเจตนาวิพากษ์วิจารณ์ ร.ต.อ. เฉลิมที่ใช้อำนาจแต่งตั้งผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาด– ไทย เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย 1 ตำแหน่งโดยไม่เป็นไปตามธรรมเนียมปฏิบัติ ไม่เหมาะสมและไม่ชอบด้วยคุณธรรม ไม่มีเจตนาละเมิดโจทก์
เห็นว่าข้อความทั้งสองเป็นการเขียนข้อเท็จจริงที่ตรงกับความจริง ไม่ได้เป็นข้อความเท็จเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด จึงไม่เป็นการกล่าวหรือไขข่าวแพร่หลายซึ่งข้อความอันฝ่าฝืนต่อความเป็นจริงอันเป็นการละเมิดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 423 ส่วนปัญหาว่า ข้อความดังกล่าวเป็นการติชมโดยสุจริตหรือไม่ เห็นว่า ตามหลักการบริหารราชการที่ดี และหลักคุณธรรมผู้ที่สมควรได้รับการพิจารณาแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งสำคัญทางราชการระดับสูง นอกจากต้องมีคุณสมบัติตามกฎหมาย ต้องยึดถือธรรมเนียมปฏิบัติที่ดีด้วย ไม่ใช่แต่งตั้งจากพวกพ้อง หรือตามความพึงพอใจของผู้มีอำนาจ โดยอ้างเพียงแต่เพื่อความเหมาะสมที่ไม่มีคำอธิบาย ข้อเท็จจริงการแต่งตั้งรองปลัดกระทรวงมหาดไทย ที่เคยปฏิบัติกันมาเป็นวัฒนธรรมองค์กร ต้องเคยรับราชการในตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดมาแล้วหลายแห่ง หรือดำรงตำแหน่งมาหลายปี หรือเคยเป็นอธิบดีหรือรองอธิบดีกรมการปกครองมาก่อน ทั้งปรากฏข้อเท็จจริงว่าการแต่งตั้งรองปลัดกระทรวงมหาดไทยคนอื่นยังคงมีคุณสมบัติตามธรรมเนียมดังกล่าว แสดงว่าขณะมีการแต่งตั้งโจทก์ ยังมีข้าราชการระดับสูงคนอื่นที่มีคุณสมบัติตามธรรมเนียม และมีคุณสมบัติเหนือกว่าโจทก์จริง การที่จำเลยที่ 1 ให้ความเห็นหรือวิจารณ์ดังกล่าว จึงเป็นการติชมด้วยความเป็นธรรม อันเป็นวิสัยของประชาชนย่อมกระทำได้ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 329 (3)

เมื่อมีข้อเท็จจริงว่า โจทก์เคยเป็นอาจารย์สอนหนังสือในมหาวิทยาลัย แต่โอนตำแหน่งเป็นนายอำเภอเมืองนนทบุรี โดยไม่ผ่านการอบรมจากโรงเรียนนายอำเภอมาก่อน คนทั่วไปก็เห็นว่าเป็นเรื่องไม่ปกติ อีกทั้งโจทก์เป็นพี่ชายของ นพ.สุชัยอดีต รมว.สาธารณสุขในสมัยรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ โดย นพ.สุชัยเป็นกรรมการบริหารพรรคเพื่อไทย และเป็นแพทย์รักษาบุคคลในครอบครัว พ.ต.ท.ทักษิณ และโจทก์ได้รับตำแหน่งรองปลัดกระทรวงมหาดไทยทั้งๆที่มีคุณสมบัติไม่ตรงตามธรรมเนียมปฏิบัติ การดำรงตำแหน่งของโจทก์จึงเป็นที่เคลือบแคลงว่า โจทก์น่าจะได้รับแต่งตั้งโดยอาศัยเส้นสายหรืออิทธิพลทางการเมือง จึงอยู่ในวิสัยที่จำเลยที่ 1 หรือประชาชนทั่วไปจะให้ความเห็นหรือวิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็นการแต่งตั้งที่น่าจะใช้เส้นสายทางการเมืองได้ ไม่ใช่เป็นกรณีที่จำเลยที่ 1 ให้ความเห็นหรือวิจารณ์โดยปราศจากมูลที่มา การที่จำเลยที่ 1 ให้ความเห็นหรือวิจารณ์ดังกล่าวจึงถือเป็นการติชมโดยสุจริตด้วยความเป็นธรรม และตามวิสัยของประชาชนย่อมกระทำได้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 329 (3) การกระทำของจำเลยทั้งสาม จึงไม่เป็นการร่วมกันทำละเมิดโจทก์ และจำเลยทั้งสามไม่จำเป็นต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษามานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น ส่วนฎีกาประการอื่นของโจทก์ไม่ทำให้ผลคดีเปลี่ยนแปลงได้ ศาลฎีกาไม่จำต้องวินิจฉัย พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ