ร.ต.ท.ปัดค้าโรฮีนจา มีออกหมายจับอีก 6
ตำรวจรวบ “เมียโกโต้ง” เครือข่ายค้ามนุษย์โรฮีนจา หลังกบดานในพื้นที่ จ.สตูล ออกหมายจับ ผู้ร่วมขบวนการเพิ่มอีก 6 ราย ปปง.ไฟเขียวบุกยึดรถหรู “โกโต้ง” 4 คัน มูลค่า 13 ล้าน เล็งยึดทรัพย์อีก 70 ล้าน ขณะที่ 2 ผู้ต้องหา เครือข่าย “ผู้ใหญ่เคว็ด” ทนแรงกดดันไม่ไหว มอบตัวสู้คดีลักลอบขนชาวเมียนมา ผบ.ทร.เชื่อชาวโรฮีนจาไม่อยากมาไทยเพราะกลัวผิด ก.ม. ออสเตรเลียออกโรงหนุนใช้มาตรการผลักดันผู้ลี้ภัย เผยแต่ละประเทศมีอำนาจตามแต่เห็นสมควร ชี้การช่วยเหลือต้องอยู่ในสภาวะที่ปลอดภัย ฟิลิปปินส์อ้าแขนให้ความช่วยเหลือโรฮีนจา
ต่างชาติให้ความสำคัญจับตามองการแก้ปัญหาการค้ามนุษย์ชาวโรฮีนจา โดยสหประชาชาติประสานทางการไทยเน้นการช่วยเหลือปฏิบัติอย่างสมศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์และมีสิทธิขั้นพื้นฐานในการดำรงชีวิต ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่กำลังไล่ล่าเครือข่ายค้ามนุษย์ชาวโรฮีนจาอย่างต่อเนื่อง
ความคืบหน้าเมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 19 พ.ค. ที่ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจภูธรภาค 9 ส่วนหน้า พล.ต.ท.มนตรี โปตระนันทน์ ผบช.ภ.9 พร้อมด้วย พล.ต.ต.พุทธิชาต เอกฉันท์ รอง ผบช.ภ.9 พล.ต.ต.ปวีณ พงศ์สิรินทร์ รอง ผบช.ภ.9 และ พล.ต.ต.อำพล บัวรับพร ผบก.ภ.จ.สงขลา ร่วมกันแถลงข่าวความคืบหน้าการสืบสวนสอบสวนและติดตามจับกุมผู้ต้องหาเครือข่ายค้ามนุษย์โรฮีนจาในพื้นที่ จ.สงขลา สตูล และระนอง
พล.ต.ต.พุทธิชาตเปิดเผยว่า ล่าสุดมีการออกหมายจับผู้ต้องหาเพิ่มอีก 6 ราย รวมเป็น 71 หมายจับ ถูกเจ้าหน้าที่จับกุมตัวแล้ว 33 ราย ยังเหลืออีก 38 ราย เจ้าหน้าที่ยังคงติดตามจับกุมอย่างต่อเนื่อง ส่วนผู้ต้องหาที่ถูกควบคุมตัวได้ล่าสุดมี 4 ราย คือ นายปัจจุบัน อังโชติพันธุ์ หรือโกโต้ง อดีตนายก อบจ.สตูล ตัวการสำคัญในคดีนี้ พร้อมด้วยนางทัศนีย์ สุวรรณรัตน์ ภรรยาคนที่ 2 ของโกโต้ง นายอนุสรณ์ สุขเกษม หรือโกเล้ง และ พ.ต.ท.ชาญ อู่ทอง สว.อก.สภ.เคียนซา จ.สุราษฎร์ธานี โดยตำรวจได้นำตัวทั้งหมดไปสอบสวนขยายผล ขณะที่นายปัจจุบัน ยังให้การปฏิเสธและไม่ให้การใดๆที่เป็นประโยชน์ต่อรูปคดี
...
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นางทัศนีย์เป็นผู้ต้องหารายล่าสุดที่ถูกตำรวจจับกุมได้ในพื้นที่ จ.สตูล ขณะเดียวกัน ตำรวจได้นำตัว ร.ต.ท.นราธร สัมพันธ์ รอง สว.สส. บก.สส.ภ.จ.ระนอง หนึ่งในผู้ต้องหาที่ถูกจับกุม ทำหน้าที่ดูแลประสานงานเครือข่าย ไปทำการสอบสวนเพิ่มเติมที่ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจภูธรภาค 9 ส่วนหน้า เบื้องต้นให้การปฏิเสธ
พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผย กรณีนายปัจจุบัน อังโชติพันธุ์ หรือโกโต้ง ผู้ต้องหาเครือข่ายค้ามนุษย์ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหาว่า คดีนี้ก่อนที่พนักงานสอบสวนจะออกหมายจับ มีการสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน ดังนั้นหมายจับที่ออกไปเป็นไปตามพยานหลักฐานที่ปรากฏค่อนข้างชัดเจนว่านายปัจจุบันเกี่ยวข้องและอยู่ในระดับผู้สั่งการ ขณะนี้มีการดำเนินการในเรื่องการยึดทรัพย์สิน ปปง.จะเป็นผู้ดำเนินการส่วนขั้นตอนการสืบสวนสอบสวนยังมีการดำเนินอย่างต่อเนื่อง ถ้าพบว่ามีผู้ที่อยู่ในกระบวนการมีระดับสูงกว่านายปัจจุบัน ในที่สุดก็ต้องปรากฏออกมา หลายคดีที่เรารู้คนจ้างวานว่าเป็นใครแต่เมื่อไปไม่ถึงในทางคดีเราก็จับไม่ได้ ต้องมีพยานหลักฐานที่ชัดเจนจึงจะยืนยันความผิดได้ ถ้าเพียงแต่สงสัยยังทำอะไรไม่ได้
เย็นวันเดียวกัน พล.ต.ต.พุทธิชาต เอกฉันท์ รอง ผบช.ภ.9 เปิดเผยว่า ได้ตรวจยึดรถหรูของนายปัจจุบัน อังโชติพันธุ์ จำนวน 4 คัน รวมมูลค่าประมาณ 13 ล้านบาท ภายหลัง ปปง. มีคำสั่งยึดไว้ตรวจสอบส่วนทรัพย์สินอื่นๆ อยู่ระหว่างดำเนินการ คาดว่าตัวเลขทรัพย์สินทั้งหมดมีมูลค่ากว่า 70 ล้านบาท
พ.ต.อ.จีรวัฒน์ พยุงธรรม รอง ผบก.ภ.จ.สตูล เปิดเผยว่า ได้แจ้งข้อหากับนายปัจจุบัน อังโชติพันธุ์ อีก 8 คดี หลังร่วมกับพวกบุกรุกที่ดินบนเกาะหลีเป๊ะ ในเขตอุทยานแห่งชาติตะรุเตา โดยนายปัจจุบันรับทราบข้อกล่าวหาแต่ยังให้การปฏิเสธ
พ.ต.อ.ธานี นาคหกวิค ผกก.สภ.ท่าแซะ จ.ชุมพร แถลงข่าวการรับมอบตัวนายธีรพงษ์ ปราบมาก อายุ 43 ปี และนายณรงค์ศักดิ์ นุ้ยเขียว อายุ 28 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับคดีค้ามนุษย์ ภายหลังร่วมกันนำชาวเมียนมา จำนวน 37 ราย มาปล่อยทิ้งไว้ในป่าละเมาะข้างวัดเทพเจริญนิมิต ต.รับร่อ อ.ท่าแซะ และขับรถกระบะลักลอบขนชาวเมียนมา จำนวน 18 ราย เข้ามาในพื้นที่ หมู่ 12 ต.รับร่อ อ.ท่าแซะ สอบสวนผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า เป็นผู้นำชาวเมียนมาเข้าเมืองจริง หลังถูกออกหมายจับได้หลบหนีไปอยู่ตาม แนวชายแดนไทย-เมียนมา บริเวณแม่น้ำกระบุรี จ.ระนอง แต่ถูกตำรวจกดดันอย่างหนัก จึงติดต่อมอบตัว เบื้องต้นตำรวจแจ้งข้อหาร่วมกันซ่อนเร้นให้ที่พักอาศัย หรือช่วยเหลือด้วยประการใดๆ เพื่อให้บุคคลต่างด้าวพ้นจากการจับกุม โดยรู้ว่าบุคคลต่างด้าวนั้นเข้าเมืองมาโดยผิดกฎหมาย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายธีรพงษ์ และนายณรงค์ศักดิ์ เป็นขบวนการค้ามนุษย์เครือข่ายเดียวกับนายประเสริฐ สังข์สม อายุ 52 ปี หรือ ผู้ใหญ่เคว็ด ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 2 ต.หินแก้ว อ.ท่าแซะ ผู้ต้องหาที่ถูกจับเมื่อวันที่ 15 พ.ค.ที่ผ่านมา ภายหลังลักลอบนำชาวเมียนมา จำนวน 74 ราย มาพักในแคมป์กลางป่าบ้านในง่วม หมู่ 8 ต.บ้านนา อ.เมืองชุมพร โดยมีการชิงทรัพย์และ ข่มขืนหญิงสาวชาวเมียนมา 3 ราย จากนั้นปล่อยไว้กลางหุบเขาจนหิวโซ เนื่องจากถูกเจ้าหน้าที่กดดันจนไม่สามารถนำชาวเมียนมาออกไปส่งได้ มีบางส่วนหลบหนีมาขออาหารจากชาวบ้านและเจ้าหน้าที่เข้าช่วยเหลือ กระทั่งนำไปสู่การออกหมายจับและจับกุมผู้ต้องหา ขณะนี้มีผู้ต้องหาที่หลบหนีอีก 1 ราย มีรายงานว่าหลบซ่อนอยู่บนเกาะแห่งหนึ่งในทะเลอันดามันชายแดนไทย-เมียนมา จ.ระนอง
ที่ศาลากลางจังหวัดสตูล นายเดชรัฐ สิมศิริ ผวจ.สตูล เปิดเผยว่า เรียกประชุมส่วนราชการทั้งจังหวัด เพื่อมอบนโยบายชี้แจงความผิดเกี่ยวกับการค้ามนุษย์ นอกจากนี้ สั่งให้ทุกอำเภอทำความเข้าใจกับชาวบ้าน รวมถึงจัดกิจกรรมปลุกจิตสำนึกของคนในพื้นที่ให้เกิดความเข้าใจปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและร่วมกันต่อต้านการค้ามนุษย์ ส่วนกรณี นายมาเลย์ โต๊ะดิน นายก อบต.ปูยู อ.เมืองสตูล ที่ถูกจับดำเนินคดีคดีค้าชาวโรฮีนจาในพื้นที่ สภ.ปาดังเบซาร์ อ.สะเดา จ.สงขลา ขณะนี้ได้ยื่นใบลาออกจากตำแหน่งแล้ว
...
นายมานะ จรุงเกียรติขจร นายอำเภอเมืองกระบี่ เปิดเผยว่า ได้จัดชุดลาดตระเวนทางน้ำเพื่อตรวจสอบตามเกาะต่างๆ ในพื้นที่ เนื่องจากขณะนี้ชาวโรฮีนจาจำนวนมากหลบหนีทางเรือในทะเลอันดามัน และถูกกดดันอย่างหนักจากทุกพื้นที่รวมถึงประเทศเพื่อนบ้านไม่ให้ขึ้นฝั่ง อาจทำให้ชาวโรฮีนจาลักลอบขึ้นมาบนเกาะในพื้นที่ จ.กระบี่ หากพบจะสามารถป้องกันได้ทันท่วงที
ที่กองบัญชาการกองทัพเรือ พล.ร.อ.ไกรสร จันทร์สุวานิชย์ ผบ.ทร. กล่าวถึงความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาชาวโรฮีนจาว่า ไทยต้องดำเนินการในภาพรวมของประเทศ ตนรับนโยบายจากรัฐบาลว่าหากเจอเรือของชาวโรฮีนจานอกน่านน้ำไทยต้องทำอย่างไร ที่ผ่านมาเราให้การช่วยเหลือทางมนุษยธรรมทั้งอาหารและน้ำ ถ้าเจอนอกน่านน้ำก็ปล่อยเขาไป ต้องเข้าใจว่านอกน่านน้ำไทยเป็นทะเลเสรีเขาสามารถไปไหนก็ได้ แต่หากใกล้เข้ามาน่านน้ำไทย กองทัพเรือจะแจ้งเตือนก่อนเพราะถ้าเข้ามาจะผิดกฎหมายต้องถูกควบคุมตัวทั้งหมด อย่างไรก็ตามเชื่อว่าชาวโรฮีนจาไม่อยากเข้ามาประเทศไทยเพราะจะถูกจับข้อหาลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย
พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมร่วม ครม.และ คสช. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้า คสช. ได้รายงานถึงการแก้ปัญหาโรฮีนจาต่อที่ประชุมว่า ประเทศไทยแก้ปัญหาที่ชัดเจนโดยการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า 3 เรื่องพร้อมกันคือ 1. มนุษยธรรม 2. ความมั่นคงของประเทศไทย 3. ความพยายามแสวงหาความร่วมมือกับประเทศต่างๆ ทั้งประเทศต้นทาง กลางทางและปลายทาง รวมทั้งได้พูดถึงการหารือการแก้ปัญหาดังกล่าวกับนายบัน คี มูน เลขาธิการสหประชาชาติ ขณะที่นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ คสช.ได้แสดงความเห็นต่อที่ประชุมว่า แม้ปัญหาโรฮีนจาจะเป็นวิกฤติ แต่การบริหารจัดการที่ชัดเจนและมีหลักการปฏิบัติทั้งในและนอกน่านน้ำ จะเป็นภาพลักษณ์ที่ดีที่ประเทศอื่นๆจะมองประเทศไทยว่าสามารถบริหารจัดการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าได้จะส่งผลดีต่อการจัดทำรายงานสถานการณ์การค้ามนุษย์และการแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมายหรือไอยูยูได้ด้วย
...
สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า นายโทนี แอบบอตต์ นายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย แสดงความเห็นสนับสนุนรัฐบาลไทย มาเลเซีย และอินโดนีเซีย ที่บังคับใช้มาตรการผลักดันเรือผู้ลี้ภัยชาวโรฮีนจาและชาวบังกลาเทศออกจากน่านน้ำทะเลของแต่ละประเทศ เพราะการจะช่วยเหลือผู้ลี้ภัยอย่างถูกหลักมนุษยธรรมจะต้องมั่นใจว่าผู้ลี้ภัยทั้งหมดอยู่ในสภาวะที่ปลอดภัยต่อการช่วยเหลือ และได้ประณามขบวนการค้ามนุษย์ที่เอาเปรียบผู้ลี้ภัย หนทางเดียวที่จะหยุดขบวนการลักลอบค้ามนุษย์ต้องเริ่มที่การหยุดยั้งขบวนเรือผู้ลี้ภัยเสียก่อน ขณะที่นายปีเตอร์ ดัททัน รัฐมนตรีกระทรวงการโยกย้ายถิ่นฐานแห่งออสเตรเลีย ระบุว่า แต่ละประเทศล้วนมีอำนาจอธิปไตยที่จะจัดการกับผู้ลี้ภัยได้ตามแต่จะเห็นสมควร
นายชาลส์ โจเซ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศแห่งฟิลิปปินส์ แถลงข่าวผ่านสถานีโทรทัศน์เอเอ็นซี สื่อของฟิลิปปินส์ โดยระบุว่าฟิลิปปินส์พร้อมให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ลี้ภัยชาวโรฮีนจาและชาวบังกลาเทศบนเรือผู้ลี้ภัยซึ่งถูกผลักดันออกจากน่านน้ำหลายประเทศในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพราะฟิลิปปินส์เป็นหนึ่งในประเทศภาคีซึ่งให้สัตยาบันรับรองอนุสัญญาแห่งสหประชาชาติว่าด้วยสถานภาพผู้ลี้ภัย ค.ศ.1951 แต่ยังไม่อาจระบุรายละเอียดมาตรการช่วยเหลือหรือรับรองผู้ลี้ภัยในขณะนี้ได้
น.ส.คริส เลวา ผู้ประสานงานโครงการอาระกันโปรเจ็กท์ องค์กรระหว่างประเทศที่รณรงค์เพื่อสิทธิชาวโรฮีนจา ให้สัมภาษณ์สำนักข่าวเอเอฟพี ว่า ทางโครงการขาดการติดต่อกับผู้อยู่บนเรือบรรทุกผู้ลี้ภัยชาวโรฮีนจาและชาวบังกลาเทศราว 300 คน ที่กองทัพเรือไทยช่วยซ่อมเครื่องยนต์และส่งเสบียงช่วยเหลือตั้งแต่วันที่ 14 พ.ค.ที่ผ่านมา โดยเจ้าหน้าที่อาระกันโปรเจ็กท์โทรศัพท์ติดต่อผู้อยู่บนเรือครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่ 17 พ.ค.ที่ผ่านมา จากนั้นก็ไม่อาจระบุได้ว่าพิกัดล่าสุดของผู้ลี้ภัยคือที่ใด ส่วนนายฟิล โรเบิร์ตสัน รองผู้อำนวยการองค์กรเพื่อสิทธิมนุษยชน “ฮิวแมนไรท์วอทช์” ประจำภูมิภาคเอเชีย แสดงความกังวลต่อชะตากรรมผู้ลี้ภัยบนเรือลำดังกล่าว เนื่องจากผู้ลี้ภัยขาดอาหาร และต้องแออัดอยู่บนเรือเป็นเวลานานหลายสัปดาห์ ส่งผลให้ทั้งหมดตกอยู่ในภาวะที่ร่างกายอ่อนแออย่างหนัก
...