หลวงพ่อคูณช็อกหัวใจหยุดเต้น หลังตื่นนอนในห้องปลอดเชื้อวัดบ้านไร่ โชคดีแพทย์ไปตรวจอาการ ใช้ปฏิบัติการฟื้นคืนชีพขั้นสูงยื้อชีวิตไว้ได้ทัน นำส่ง รพ.มหาราช-นครราชสีมา ในสภาพนอนหมดสติ แต่หัวใจยังเต้นอ่อนต้องปั๊มหัวใจช่วยอีก 2 ครั้ง นำเข้าตรวจระบบหัวใจ และระบบสมองละเอียดยิบ อาการยังโคม่าแพทย์นำเข้าห้องไอซียู ห้ามเข้าเยี่ยมเด็ดขาด ผอ.รพ.มหาราช–นครราชสีมา เผยสาเหตุอาการอาพาธเนื่องจากเสมหะอุดกั้นทางเดินหายใจ และมีลมรั่วในปอดด้านซ้าย สัญญาณชีพยังไม่คงที่ อาการอยู่ในขั้นโคม่า พร้อมตั้งทีมแพทย์ดูแลใกล้ชิด ขณะที่ลูกศิษย์แห่ดูอาการด้วยความเป็นห่วง
หลวงพ่อคูณช็อกหยุดหายใจถูกหามส่งโรงพยาบาลครั้งนี้ เปิดเผยขึ้นเมื่อเวลา 05.30 น. วันที่ 15 พ.ค. ขณะที่พระเทพวิทยาคม หรือหลวงพ่อคูณ ปริสุทฺโธ อายุ 92 ปี เจ้าอาวาสวัดบ้านไร่ ต.กุดพิมาน อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา ตื่นขึ้นมาเพื่อทำกิจวัตรประจำวันภายในห้องกระจกปลอดเชื้อ ศาลาการเปรียญวัดบ้านไร่ ซึ่งเป็นที่จำวัด เกิดอาการเหนื่อยอ่อน เนื่องจากอากาศเย็นผิดปกติเพราะมีฝนตกหนักเมื่อคืนที่ผ่านมา เป็นจังหวะเดียวกับ นพ.พินิศจัย นาคพันธ์ แพทย์ประจำตัวหลวงพ่อคูณ เดินทางมาตรวจอาการหลวงพ่อคูณทุกเช้าวันศุกร์ตามปกติ พบว่าหลวงพ่อคูณช็อก หมดสติไม่รู้สึกตัว รีบปั๊มหัวใจและสั่งให้นำขึ้นรถตู้พยาบาล ทะเบียน นค 4666 นครราชสีมา ส่ง รพ.มหาราชนครราชสีมา ทันที โดยมี พญ.ต้องตา ชนยุทธ ผอ.รพ.ด่านขุนทด และพยาบาลดูแลอาการอย่างใกล้ชิด
ขณะที่เจ้าหน้าที่นำหลวงพ่อคูณเดินทางไปที่ รพ.มหาราชนครราชสีมา หลวงพ่อคูณไม่มีอาการตอบสนอง แพทย์ต้องใส่เครื่องช่วยหายใจและใช้เครื่องกระตุ้นหัวใจตลอดเวลา และยังต้องปั๊มหัวใจช่วยเหลือเป็นครั้งที่สอง กระทั่งถึง รพ.มหาราชนครราชสีมา หลวงพ่อคูณอยู่ในสภาพหมดสตินอนอยู่บนเปลคนไข้ แพทย์รีบนำเข้าห้องปฏิบัติการสวนหัวใจและหลอดเลือดชั้น 2 ทำการตรวจระบบหัวใจ ก่อนนำเข้าห้องสวนหัวใจ แพทย์ต้องปั๊มหัวใจหลวงพ่อคูณเป็นครั้งที่ 3 นานราว 40 นาที การเต้นของหัวใจถึงคงที่ จากนั้นได้นำไปตรวจระบบสมองด้วยเครื่องซีทีสแกน หรือห้องเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ความละเอียดสูงตรวจระบบการทำงานของสมองอย่างละเอียด ก่อนนำเข้าห้องไอซียู หอผู้ป่วยหนักอายุรกรรมชั้น 2 อาคารการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค โดยมีนพ.พินิศจัย คณะแพทย์ผู้เชี่ยวชาญชุดใหญ่ด้านระบบสมอง ผู้เชี่ยวชาญด้านติดเชื้อ ด้านหัวใจ เข้าร่วมดูอาการอย่างเคร่งเครียดนานกว่า 4 ชม. ซึ่งอาการโดยรวมของหลวงพ่อคูณหนักกว่าทุกครั้ง
...
ที่ผ่านมาและยังอยู่ในชั้นภาวะวิกฤติหรือโคม่าที่หน้าห้องไอซียูมีญาติโยมและศิษยานุศิษย์ รวมทั้งบรรดานักการเมืองท้องถิ่น นักการเมืองระดับประเทศ และหัวหน้าส่วนราชการ มาเฝ้าติดตามอาการหลวงพ่อคูณอย่างใจจดใจจ่อ ในจำนวนนี้มีนายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ อดีตรองนายกรัฐมนตรี ในฐานะลูกศิษย์ใกล้ชิด พร้อมด้วยนายอุทัย มิ่งขวัญ รองนายกเทศมนตรีนครนครราชสีมา และคณะได้เดินทางเข้าเยี่ยมดูอาการ พบว่าแพทย์ติดป้าย “งดเยี่ยมหลวงพ่อคูณ” ไว้หน้าห้องกระจก นายสุวัจน์และคณะได้แต่มองผ่านกระจกดูอาการหลวงพ่อคูณนอนรักษาตัวในห้องที่ 3 ด้านในสุดเท่านั้น นอกจากนี้ “เต๋อ เชิญยิ้ม” นายสันติ สมบัติ อายุ 53 ปี ศิลปินตลก ที่เคยเดินแก้บนขอให้หลวงพ่อคูณหายจากอาพาธเมื่อปี 2548 มาเยี่ยมดูอาการหลวงพ่อคูณ ประกาศขอบนต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ว่า หากหลวงพ่อคูณหายเป็นปกติ ตนจะขอปั่นจักรยานจากวัดพระแก้วมรกตไปยังวัดบ้านไร่ ระยะทางกว่า 200 กม.
ต่อมาเวลา 16.00 น. นพ.สมอาจ ตั้งเจริญ ผอ.รพ.มหาราชนครราชสีมา แถลงอาการหลวงพ่อคูณฉบับที่ 1 ว่า ได้มอบหมายให้คณะแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในทุกสาขาทำการรักษา จากการประเมินพบว่า พระเทพวิทยาคม มีลมรั่วในปอดด้านซ้าย และมีเสมหะอุดกั้นทางเดินหายใจ ขณะนี้พักรักษาตัวอยู่ในหอผู้ป่วยวิกฤติ (ICU) คณะแพทย์ พยาบาลยังเฝ้าดูแลอย่างใกล้ชิดเนื่องจากสัญญาณชีพยังไม่คงที่ จึงขอความร่วมมือประชาชนงดเยี่ยมอาการอาพาธ นอกจากนี้ตนมีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการแพทย์เพื่อทำการรักษาและดูแลอาการอย่างใกล้ชิดโดยตน เป็นประธานกรรมการ รอง ผอ.ทุกฝ่ายจำนวน 9 ฝ่าย เป็นกรรมการ ระดับหัวหน้ากลุ่มงาน 13 ฝ่าย มีหน้าที่ให้คำปรึกษา แนะนำ แนวทางการรักษา และดูแลอาการอาพาธ ส่วนคณะกรรมการแพทย์ผู้ดูแลอาการอาพาธมี นพ.พินิศจัย นาคพันธ์ เป็นประธานกรรมการฯ และมีนายแพทย์ แพทย์หญิงที่เชี่ยวชาญแต่ละสาขา จำนวน 20 คน เป็นกรรมการในการดูแล ตรวจวินิจฉัยให้การรักษาพระเทพวิทยาคมอย่างใกล้ชิดและสรุปผลการรักษาทุกวัน
ด้าน นพ.พินิศจัย นาคพันธ์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญโรคหัวใจและหลอดเลือด กล่าวว่า ไปตรวจอาการหลวงพ่อคูณที่วัดบ้านไร่ พบว่ามีเสมหะมากแล้วมีอาการหัวใจหยุดเต้นและไม่หายใจ รีบปฏิบัติการฟื้นคืนชีพขั้นสูง หรือซีพีอาร์ ใช้เวลา 1 ชั่วโมง จนหัวใจเริ่มเต้น แต่พอนำขึ้นรถพยาบาลพบว่ายังมีปัญหาการเต้นของหัวใจต้องปั๊มหัวใจช่วยเป็นครั้งที่สอง และให้ยา ใช้เครื่องกระตุ้นหัวใจ รีบนำส่ง รพ.มหาราชนครราชสีมา หลังมาถึงพบว่าหลวงพ่อหัวใจเต้นอ่อนมาก ต้องปั๊มหัวใจเป็นครั้งที่ 3 ตอนนี้เกิดปัญหาหนักคือหลวงพ่อคูณเกิดอาการปอดแตก หรือมีลมรั่วในปอดข้างซ้าย เนื่องจากพยาธิสภาพ เพราะท่านมีปัญหาเรื่องปอดเคยป่วยโรคถุงลมโป่งพอง วัณโรค ปอดบวม ประกอบกับมีเสมหะมาก คณะแพทย์ทำการรักษาโดยใช้สายยางเอาลมออกจากปอดแล้ว ขณะนี้หลวงพ่อคูณยังไม่รู้สึกตัว อาการอยู่ในขั้นวิกฤติ ต้องรักษาแบบประคับประคอง ดูการตอบสนองของการรักษา และดูว่ามีอาการแทรกซ้อนอีกหรือไม่ ซึ่งทีมแพทย์จาก รพ.ศิริราช ที่เคยทำการรักษาท่าน จะเดินทางมาดูอาการคืนนี้ ส่วนการเคลื่อนย้ายไปศิริราช เห็นว่ายังไม่ควรเคลื่อนย้าย เพราะท่านอายุมากแล้ว อย่างไรก็ตาม ทางคณะแพทย์จะแถลงข่าวอาการหลวงพ่อคูณทุกวัน
นายสมบูรณ์ โสตถิอนันต์ หรือไก่โต้ง ลูกศิษย์ดูแลใกล้ชิดหลวงพ่อคูณ และนายธวัฒน์ ชัยแสนประสิทธิ์ หรือกำนันป่อง กำนัน ต.กุดพิมาน กล่าวว่า อาการของหลวงพ่อคูณครั้งนี้หนักกว่าครั้งก่อนๆ มาก ทุกคนภาวนาว่าอย่าให้หลวงพ่อคูณเป็นอะไรร้ายแรง ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมาหลวงพ่อคูณมีอาการสดชื่น แจ่มใส สื่อสารกับลูกศิษย์ได้ดีขึ้นอย่างทันตาเห็น ซึ่งทำให้ลูกศิษย์ทุกคนรู้สึกดีใจมากไม่นึกว่าจู่ๆ จะมาเกิดอาการช็อกอย่างกะทันหัน ได้แต่ภาวนาว่าอย่าให้หลวงพ่อคูณเป็นอะไรร้ายแรงมากเลย
ต่อมาคณะแพทย์จาก รพ.ศิริราช นำโดย รศ.นพ.นิธิพัฒน์ เจียรกุล อายุรแพทย์ระบบทางเดินหายใจ คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ที่เคยรักษาหลวงพ่อคูณตั้งแต่แรก เข้าร่วมตรวจอาการหลวงพ่อคูณ จากนั้นคณะแพทย์ทั้งจาก รพ.ศิริราช และคณะแพทย์ รพ.มหาราชนครราชสีมา ร่วมกันออกประกาศแจ้งผลการตรวจ ดังนี้ 1.สัญญาณชีพยังไม่คงที่ต้องใช้ยากระตุ้นหัวใจและเครื่องช่วยหายใจ 2.มีเลือดออกในทางเดินอาหารจำนวนมาก 3.มีภาวะไตหยุดทำงาน ไม่มีปัสสาวะออก ซึ่งความผิดปกติทั้งหมดนี้เป็นภาวะแทรกซ้อนจากปอดและหัวใจหยุดทำงานเป็นระยะเวลานาน จึงประกาศมาเพื่อทราบ
...