แก๊งค้ามนุษย์ชาวโรฮีนจาโผล่มอบตัวอีก 3 คน 1 ใน 3 เป็นนายก อบต.ตัวการใหญ่ ตรวจสอบปูมหลังมีคดีเก่าค้ามนุษย์และเรียกค่าไถ่ สอบสวนเบื้องต้นยังให้การปฏิเสธ ส่วนอีก 2 คนเป็นเครือข่าย ขณะที่ “โกโต้ง” อดีตนายก อบจ.สตูล ขาใหญ่อีกคน ยังกบดานเงียบ รอง ผบ.ตร.เผยสั่งอายัดทรัพย์แก๊งค้าโรฮีนจาในพื้นที่ 3 จังหวัดมูลค่าทรัพย์สินกว่า 200 ล้านบาท ด้าน “สมยศ” จับมือ ผบ.ตร.มาเลเซียหาทางแก้ไขผู้อพยพชาวโรฮีนจาอย่างจริงจัง จวกองค์กรสากลชอบตำหนิไทยแต่ไม่เคยยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ
เครือข่ายแก๊งค้ามนุษย์ชาวโรฮีนจาโผล่เข้ามอบตัวอีก 3 คน หลังถูกกดดันจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยเมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 14 พ.ค. ที่ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจภาค 9 ส่วนหน้า อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ รอง ผบ.ตร. พล.ต.ท.มนตรีโปรตระนันทน์ ผบช.ภ.9 พล.ต.ต.ปวีณ พงศ์สิรินทร์ รอง ผบช.ภ.8 พล.ต.ต.เอกภพ ประสิทธิ์วัฒนชัย รอง ผบช.ภ.9 และคณะนำตัวนายมาเลย์ โต๊ะดิน นายก อบต.ปูยู อ.เมืองสตูล ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลจังหวัดนาทวีคดีค้ามนุษย์ชาวโรฮีนจามาแถลงข่าว หลังเข้ามอบตัวเมื่อวันที่ 13 พ.ค.ที่ผ่านมา
พล.ต.ต.ปวีณเปิดเผยว่า การออกหมายจับผู้ที่เกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับเครือข่ายค้ามนุษย์ได้มีการออกหมายจับไปแล้วทั้งหมด 61 ราย ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ได้ดำเนินการจับกุมและได้รับมอบตัวมาแล้วทั้งหมด 26 ราย ยังเหลือผู้ต้องหาตามหมายจับที่อยู่ระหว่างการติดตามจับกุมตัวอีก 35 ราย ล่าสุดเมื่อเช้าวันเดียวกันเข้ามอบตัวอีก 2 คน คือนายสุริยา อาหาหมัด ผู้ต้องหาเครือข่ายค้ามนุษย์ในพื้นที่ จ.สตูลกับนายสุไลหมาน หมัดอะดำ เครือข่ายในพื้นที่ ต.ปาดังเบซาร์ อ.สะเดา จ.สงขลา สำหรับนายมาเลย์ โต๊ะดิน พบประวัติเคยเป็นผู้ต้องหาในคดีค้ามนุษย์และเรียกค่าไถ่ ในพื้นที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา สอบสวนนายมาเลย์ยังให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ส่วนนายปัจจุบัน อังโชติพันธุ์ หรือโกโต้ง อดีตนายก อบจ.สตูล ตัวการใหญ่ยังอยู่ระหว่างหลบหนี
...
ขณะที่ พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ รอง ผบ.ตร.กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ได้อายัดทรัพย์สินของเครือข่ายค้ามนุษย์ใน 3 จังหวัดประกอบด้วย จ.ระนอง จ.สตูล และ จ.นครศรีธรรมราช รวมมูลค่าทรัพย์สินที่ตรวจอายัดกว่า 204 ล้านบาท แยกเป็นเครือข่ายค้ามนุษย์ที่ จ.ระนอง มูลค่ากว่า 100 ล้านบาท จ.สตูล 29 ล้านบาท และ จ.นครศรีธรรมราช 75 ล้านบาท หากผู้ต้องหาไม่สามารถนำหลักฐานมาชี้แจงและหักล้างได้ทรัพย์สินต้องตกเป็นของแผ่นดินต่อไป
รอง ผบ.ตร.กล่าวต่อว่า ส่วนความคืบหน้าการสืบสวนขณะนี้สอบพยานไปแล้ว 23 ปาก รวมทั้งนำชาวโรฮีนจาที่ตกเป็นเหยื่อของการค้ามนุษย์มาสอบอีก 63 คน แต่สอบไปได้เพียง 6 คนเนื่องจากต้องใช้ล่ามในการสื่อสาร ส่วนศพที่พบบนเทือกเขาแก้ว ต.ปาดังเบซาร์ อ.สะเดา จ.สงขลา จำนวน 36 ศพได้ตรวจพิสูจน์เสร็จแล้ว 33 ศพ ได้หลักฐานและพยานต่างๆ ชัดเจนขึ้นและคาดว่าจะมีการออกหมายจับผู้เกี่ยวข้องเพิ่มเติม สำหรับชาวโรฮีนจาที่ช่วยเหลือได้แล้วขณะนี้มี 312 คน แยกเป็นเหยื่อการค้ามนุษย์ 63 คนและผู้ต้องหาหลบหนีเข้าเมือง 249 คน
พล.ต.อ.เอกเปิดเผยด้วยว่า ขณะนี้ทราบเครือข่ายขบวนการค้ามนุษย์ที่เชื่อมโยงกันทั้ง 3 จังหวัดหมดแล้ว ตั้งแต่ต้นทาง จ.ระนอง จ.สตูล และปลายทางที่ จ.สงขลา ผู้ต้องหาที่ควบคุมตัวทั้งหมดจะถูกส่งฟ้องศาลพร้อมๆกัน ส่วนผลการสอบสวนนายมาเลย์ โต๊ะดิน นายก อบต.ปูยู จ.สตูล ที่เข้ามอบตัวพบว่ามีประวัติเคยถูกดำเนินคดีในข้อหาค้ามนุษย์ เมื่อปี 2547 และจากยุทธการ “ปิดปลายทาง” ในพื้นที่เทือกเขาแก้ว ต.ปาดังเบซาร์ ซึ่งเป็นปลายทางของชาวโรฮีนจาที่ถูกแก๊งค้ามนุษย์ในไทยนำมาพักพิงก่อนส่งต่อไปประเทศมาเลเซีย โดยตั้งด่านสกัดทั้งทางบกและทางทะเลตั้งแต่ จ.ระนอง อ.ควนโดน จ.สตูล ต.ปาดังเบซาร์ จ.สงขลา ก่อนเข้าสู่เทือกเขาแก้วซึ่งเป็นที่ตั้งของแคมป์ที่พักของชาวโรฮีนจาเพื่อให้นายหน้าและผู้ซื้อแรงงานมาติดต่อคัดเลือกก่อนส่งเข้ามาเลเซีย
“สั่งชุดสืบสวนสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขออนุมัติหมายจับกุมผู้ที่เกี่ยวข้องเชื่อมโยงเครือข่ายและอายัดทรัพย์สินที่ได้เป็นจำนวนมาก ตัวการใหญ่เป็นนักการเมืองท้องถิ่นเป็นคหบดีที่มีฐานะเข้ามาเกี่ยวข้อง อาศัยอิทธิพลการเมืองและผลประโยชน์เข้ามาหาประโยชน์การค้าชาวโรฮีนจา ซึ่งตำรวจได้ทำควบคู่กันทั้งการสืบสวนขยายผลล่าตัวผู้อยู่เบื้องหลังและสกัดกั้นการเข้าประเทศไทยและจากการขยายผลชุดสืบสวนได้ตัวการใหญ่ใน 3 พื้นที่คือ จ.ระนอง จ.สตูล และ จ.สงขลาแล้ว” รอง ผบ.ตร.กล่าว
พล.ต.อ.เอกกล่าวด้วยว่า สำหรับนายปัจจุบัน อังโชติพันธ์ หรือโกโต้ง อดีตนายก อบจ.สตูล ที่หลบหนีเป็นผู้อยู่เบื้องหลังรายใหญ่ขนถ่ายชาวโรฮีนจาจาก จ.สตูล ส่งต่อให้นายบรรณจง หรือโกจง นายกเทศมนตรีเมืองปาดังเบซาร์ โดยมีนายอายู หรือบังบู ฮะอุรา ส.อบต.ควนโดน จ.สตูล เจ้าของตลาดนัดไทย-มาเลเซีย และนายมาเลย์ โต๊ะดิน นายก อบต.ปูยู จ.สตูล ลูกน้องคนสนิทเป็นผู้จัดส่งชาวโรฮีนจาจาก อ.ควนโดนข้ามมาปาดังเบซาร์ และนายสุวรรณหรือโกหนุ่ย แสงทอง เจ้าของแพปลา และนาย
ปิยวัฒน์ หรือโกหย่ง พงษ์ไทย เจ้าของแพปลา จ.ระนอง มีส่วนในการขนส่งโรฮีนจา โดยมีชาวพม่ากับมาเลเซียร่วมขบวนการด้วย
ที่เทือกเขาแก้ว ต.ปาดังเบซาร์ อ.สะเดา จ.สงขลา พล.ท.ปราการ ชลยุทธ แม่ทัพภาคที่ 4 พ.อ. ไพศาล หนูสังข์ ผบ.ร. 5 นายเอกรัฐ หลีเส็น รอง ผวจ.สงขลา พล.ต.ต.อำพล บัวรับพร ผบก.ภ.จ.สงขลาและนายทวีวุฒิ สังข์ศิริ นอภ.สะเดา ไปตรวจสอบกำลังทหาร ตชด.และป่าไม้เข้ารื้อทำลายแคมป์ที่พักพิงชาวโรฮีนจาขนาดใหญ่รวมทั้งหมด 21 หลัง เพื่อไม่ให้ขบวนการค้ามนุษย์แอบนำชาวโรฮีนจามาพักอีกแต่ยังคงเหลือไว้เฉพาะแคมป์ที่พบจุดแรกเมื่อวันที่ 1 พ.ค. กับหลุมศพ 32 หลุมเพื่อใช้ประกอบสำนวนคดีการเรียกค่าไถ่และคดีฆาตกรรมชาวโรฮีนจา
...
ก่อนหน้านั้นนายทวีวุฒิ สังข์ศิริ นอภ.สะเดา พ.ต.อ.กิตติชัย สังขถาวร ผกก.สภ.สะเดา นายจรัส ชุมปาน พัฒนาสังคมฯ และนายอุทิศ ยิ่งยง นักวิชาการกระทรวงแรงงาน ได้เรียกประชุมผู้ประกอบการสถานบันเทิง บ้านด่านนอก ชายแดนไทย-มาเลเซีย จำนวน 200 รายเพื่อให้ความรู้และการติวเข้มเรื่องการค้ามนุษย์อย่างจริงจังเพื่อไม่ให้ผู้ประกอบการตกเป็นจำเลยเรื่องการค้ามนุษย์โดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ เช่นกรณีที่มีเด็กอายุต่ำว่า 18 ปีอยู่ในร้านไม่ว่าจะเป็นเด็กเสิร์ฟหรือนั่งดริ้งค์หรือค้าประเวณีถึงแม้ว่าเด็กจะยินยอมก็ตามถือว่ามีความผิด
ที่ จ.สตูล บ่ายสองวันเดียวกัน นายเดชรัฐ สิมศิริ ผวจ.สตูล ได้รับรายงานว่าพบเรือขนชาวโรฮีนจาประมาณ 300 คน ลอยลำอยู่ในทะเลอันดามัน บริเวณเกาะกลาง ห่างจากเกาะหลีเป๊ะไปทางทิศใต้ ประมาณ 17 ไมล์ทะเล ภายหลังทหารเรือนำเรือออกไปตรวจสอบทราบว่ากลุ่มโรฮีนจาดังกล่าวไม่มีความประสงค์ที่จะเข้ามาใน จ.สตูล แต่ต้องการเดินทางไปยังประเทศมาเลเซียและเรือเสียลอยลำในทะเล ทหารเรือได้มอบอาหารและน้ำดื่มเพื่อเป็นการช่วยเหลือตามมนุษยธรรม จากนั้นเรือลำดังกล่าวเดินทางมุ่งหน้าไปทางมาเลเซียต่อไป
ช่วงเช้าวันเดียวกัน พล.ต.ต.เอกภพ ประสิทธิ์วัฒนชัย รอง ผบช.ภ.9 และ รรท.ผบก.ภ.จ.สตูล พ.ต.อ.นิพนธุ์ เหมสลาหมาด รอง ผบก.ภ.จ.สตูล พ.ต.อ.เสกสรรค์ ชูรังสฤษ ผกก.สส.ภ.จ.สตูล พร้อมกำลังตำรวจ ทหารและตำรวจน้ำรวม 40 นายปิดล้อมตรวจค้นบ้านเป้าหมาย 5 หลังหมู่ 2 บนเกาะปูยู ต.ปูยู อ.เมืองสตูล อยู่กลางอันดามันใกล้ชายแดนไทย-มาเลย์ด้านรัฐเปอร์ลิส เครือข่ายแก๊งค้าชาวโรฮีนจาของนายปัจจุบัน อังโชติพันธุ์ หรือโกโต้ง ประกอบด้วยบ้านเลขที่ 52 ของนายมาเลย์ โต๊ะดิน อายุ 51 ปี นายก อบต.ปูยู บ้านเลขที่ 205 ของนายเจ๊ะอาด โต๊ะดิน อายุ 54 ปี บ้านเลขที่ 159 ของนายอนุ โต๊ะดิน อายุ 27 ปี บ้านเลขที่ 48 ของนายรอสัก โต๊ะดิน อายุ 27 ปี และบ้านเลขที่ 78 ของนายสำสุเด็น โต๊ะดิน โดย 4 คนหลังนี้เป็นผู้ต้องหาคดีค้างเก่าที่ถูกศาลจังหวัดสงขลาออกหมายจับคดีเรียกค่าไถ่ถูกออกหมายจับเมื่อวันที่ 9 เม.ย.57 เนื่องจากมีพฤติกรรมนำบุคคลต่างด้าวเข้ามาในราชอาณาจักรเพื่อส่งต่อไปยังประเทศที่ 3 อย่างไรก็ตาม จากการตรวจค้นเบื้องต้นไม่พบสิ่งผิดกฎหมายและตัวผู้ต้องหาที่ถูกออกหมายจับแต่อย่างใด
...
ขณะที่ พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษกสำนักงาน ตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า ทางการตำรวจมาเลเซียให้ความร่วมมือในการแก้ปัญหาเรื่องชาวโรฮีนจาเป็นอย่างดี และประเทศมาเลเซียจะหนักกว่าเราด้วยซ้ำ เนื่องจากเป็นประเทศปลายทางอาจจะมีการพิจารณาตั้งทีมงานแก้ปัญหาเรื่องนี้โดยเฉพาะร่วมกัน สำหรับกลุ่มผู้ต้องหาไม่น่าจะเยอะกว่าที่มีการพูดกันไปแล้ว เนื่องจากในช่วง 2 ปีที่ผ่านมามีกลุ่มบุคคลเหล่านี้เป็นกลุ่มหลัก พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร.จะมีคำสั่งให้หลายหน่วยงานในพื้นที่ ร่วมกันปฏิบัติในการดูแลการลักลอบเข้าเมือง การค้ามนุษย์ของชาวโรฮีนจา ประกอบไปด้วย บช.ภ.7,8,9 บช.ศชต.ร่วมถึงหน่วยงานใน บช.ก.บช.สตม.และกองการต่างประเทศ
ด้าน พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. กล่าวว่า ได้พูดคุยกับ ผบ.ตร.มาเลเซีย และได้บรรลุข้อตกลงความร่วมมือในการแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ร่วมกันระหว่างทางการไทยกับมาเลเซีย รัฐบาลไทยกำลังเร่งจัดการปัญหาดังกล่าวอย่างจริงจัง ทั้งชาวโรฮีนจาที่กำลังเดินทางเข้ามาและตกค้างอยู่ในประเทศ ทั้งการสร้างที่พักพิงตามเกาะต่างๆ หรือบนฝั่ง เชื่อว่ารัฐบาลคำนึงถึงกฎหมายและสนธิสัญญาต่างๆที่มีร่วมกันกับประเทศเพื่อนบ้าน ชัดเจนแล้วว่าประเทศไทยไม่เปิดรับชาวโรฮีนจาที่ลักลอบเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมายหรือใช้ไทยเป็นทางผ่านอีกต่อไป จะดูแลชาวโรฮีนจาที่ตกค้างอยู่เท่านั้น โดยให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม หาที่พักพิงและเลี้ยงดู แต่ปัญหาดังกล่าวสะสมมานานสร้างภาระให้แก่ประเทศไทย ขณะที่องค์กรสากลต่างๆได้แต่ตำหนิประเทศไทยในเรื่องนี้ แต่ไม่เคยมาเหลียวแลหรือยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือด้านงบประมาณหรือด้านอื่นๆเลยแม้แต่น้อย ทิ้งภาระให้ประเทศไทยต้องแบกรับเลี้ยงดูคนกลุ่มนี้ที่จากตอนนี้มี 100-200 คน แต่นานวันเข้าก็ออกลูกออกหลานกลายเป็น 1,000-2,000 คน
...
ด้าน จ.นครศรีธรรมราช ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจากพนักงานสอบสวนคนหนึ่งของ สภ.เมืองนครศรีธรรมราชซึ่งเป็นผู้ที่เริ่มทำสำนวนคดีเรียกค่าไถ่ชาวโรฮีนจาจนนำไปสู่การขยายผลทลายขบวน การแก๊งค้ามนุษย์ และพบหลุมฝังศพของชาวโรฮีนจาจำนวนมากถูกฝังบนเขาแก้ว ต.ปาดังเบซาร์ อ.สะเดา จ.สงขลา ว่า หลังทำสำนวนคดีเรียกค่าไถ่ จากญาติของนายคาเซ็ม ชาวโรฮีนจาจนนำไปสู่การจับกุมนายอานัว นายหน้าค้ามนุษย์และขยายผลไปจับกุมนายหน้าค้ามนุษย์อีกจำนวนหลายคนและโยกย้ายนายตำรวจอีกหลายนายปรากฏว่ามีโทรศัพท์เข้ามาพูดคุยกับตนหลายครั้ง อ้างว่าเป็นนายตำรวจระดับ พ.ต.อ.บ้าง นายพลบ้างจะเรียกขอดูสำนวนการสอบสวนจากตนเพื่อต้องการดูว่าในสำนวนมีใครไปเกี่ยวข้องบ้างแต่ตอบปฏิเสธไปเพราะไม่มีอำนาจที่ให้ดูสำนวนทำให้คนลึกลับไม่พอใจโทร.มาข่มขู่เกือบทุกวันเพื่อให้หยุดทำคดีจนต้องปิดโทรศัพท์หนี และจะทำคดีนี้อย่างตรงไปตรงมาต่อไป และตนได้รายงานเหตุการณ์นี้ให้ผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้นแล้ว
ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. กล่าวถึงกรณีที่สำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็นเอชซีอาร์) เสนอให้ตั้งคณะทำงานร่วมระหว่างประเทศในภูมิภาคเพื่อแก้ไขปัญหาชาวโรฮีนจาว่า เราดูแลอำนวยความสะดวกตามหลักสิทธิมนุษยชน ชาวโรฮีนจาจะไปที่ไหนต้องให้ไปแต่ต้องปลอดภัย ตนกำลังให้กระทรวงการต่างประเทศประชุมทั้งหมด 15 ประเทศ 15 หน่วยงานที่ได้รับผลกระทบในวันที่ 29 พ.ค.นี้ ทั้งต้นทาง กลางทาง ปลายทางและจะต้องหารือระหว่างองค์กรระหว่างประเทศว่าจะดูแลกันอย่างไร งบประมาณที่ดูแลจะเอาที่ไหน ถ้าเรารับภาระจะเป็นภาระมากเกินไปหรือเปล่า แต่คงปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้
ผู้สื่อข่าวรายงานจากหน่วยงานด้านความมั่นคงว่ากรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีสั่งใช้มาตรการขั้นเด็ดขาดกวาดล้างขบวนการค้ามนุษย์ชาวโรฮีนจาที่หลบหนีเข้าเมืองมาอย่างผิดกฎหมายเป็นจำนวนมาก และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องหาพื้นที่รองรับควบคุมหรือกักกันชาวโรฮีนจาเป็นการชั่วคราว กระทั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ได้เสนอใช้พื้นที่ของตำรวจตระเวนชายแดน จ.ระนอง เป็นสถานที่ควบคุมชาวโรฮีนจาแต่ถูกคนในพื้นที่คัดค้าน พล.อ.ประยุทธ์จึงสั่งให้ทำการสำรวจเกาะในพื้นที่ จ.ระนอง ที่หมดอายุการสัมปทานไปแล้ว จนกระทั่งได้พื้นที่เป้าหมาย 2 แห่งคือเกาะกำใหญ่ และเกาะค้างคาว ซึ่งเป็นพื้นที่ของกรมอุทยานแห่งชาติ ขณะนี้อยู่ในระหว่างทำความเข้าใจและรับฟังความคิดเห็นของประชาชนในพื้นที่
วันเดียวกัน เจ้าหน้าที่มาเลเซียไม่ระบุนามเปิดเผยกับสำนักข่าวเอเอฟพีว่า ทางการมาเลเซียได้เข้าสกัดกั้นเรือบรรทุกผู้อพยพจากประเทศเพื่อนบ้านจำนวน 2 ลำ ทางตอนเหนือของเกาะปีนังและเกาะลังกาวี จากการตรวจสอบพบว่าเรือดังกล่าวขนผู้อพยพรวมกว่า 600 คน จึงได้ทำการแจกน้ำดื่มประทังชีพ ก่อนผลักดันออกไปในน่านน้ำสากล ขณะที่ พล.ร.อ.ตัน ก็อก กวี ผู้บัญชาการหน่วยตรวจตราชายฝั่งมาเลเซีย เปิดเผยว่า ยังมีเรือบรรทุกผู้อพยพผิดกฎหมายอีกหลายลำ กำลังมุ่งหน้ามายังน่านน้ำมาเลเซีย ทั้งนี้ ทางการมาเลเซียปฏิเสธการให้ข้อมูลว่าผู้อพยพเหล่านี้เป็นชาวโรฮีนจาหรือไม่