ตามที่นายอาคม จิตร์พาณิชย์ นิติกร และนายอุทัย แกล้วกล้า จนท.บริหารงานทั่วไปมหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ จ.นครศรีธรรมราช พร้อมพวก 17 คน แจ้งความดำเนินคดีผู้บริหารและกรรมการสภามหาวิทยาลัยกรณีถูกตั้งกรรมการสอบสวนทางวินัยอย่างร้ายแรง โดยกล่าวหาว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมมีการ ละเว้นในการปฏิบัติหน้าที่กับผู้กระทำผิดในการก่อสร้างศูนย์การแพทย์ของมหาวิทยาลัย ทั้งยังแต่งตั้ง รก. อธิการบดี โดยไม่ปฏิบัติตาม พ.ร.บ.มหาวิทยาลัย โดย เข้าร้องเรียนต่อแม่ทัพภาค 4 ศูนย์ดำรงธรรมและนายกรัฐมนตรีให้ใช้ ม.44 เข้ามาแก้ไขปัญหา ล่าสุด ผู้ร้องเรียนเตรียมเข้ายื่นหนังสือไปยัง พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย รมว.ศึกษาธิการ และเข้าร้องต่อ ป.ป.ช.ให้สอบสวนดำเนินการกับผู้บริหาร ม.วลัยลักษณ์ ตามข่าวที่ นสพ.ไทยรัฐนำเสนอมาอย่างต่อเนื่องนั้น

ความคืบหน้าในเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 12 พ.ค.นายพงศ์ปนต สนิท นักวิชาการตรวจเงินแผ่นดินชำนาญการ สำนักตรวจสอบพิเศษภาคที่ 14 สตง.เปิดเผยถึงความคืบหน้าในการเข้าไปตรวจสอบความไม่ชอบมาพากลของโครงการก่อสร้างศูนย์การแพทย์ ม.วลัยลักษณ์ว่าได้สรุปและเสนอความเห็นเรื่องนี้ไปยังนายพิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส ผู้ว่าการ สตง. แล้ว 2 เรื่องด้วยกัน ได้แก่ 1. เรื่องการยกเลิกสัญญาจ้างมูลค่า 2,158 ล้านบาทโดยมิชอบ ซึ่งตนและ น.ส. มณฑา ทองสงค์ นักวิชาการตรวจเงินแผ่นดินชำนาญการ สตง.ระบุความเห็นว่าเป็นการยกเลิกสัญญาโดยไม่สุจริต ทำให้รัฐเสียหายวันละ 2,158,000 บาท และเรื่องที่ 2. ได้ระบุความเห็นไปยังผู้ว่าการ สตง.ในกรณีที่ทางสภามหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ แต่งตั้ง ดร.สุเมธ แย้มนุ่น เป็นรักษาการอธิการบดี ม.วลัยลักษณ์ โดยมิชอบด้วยกฎหมาย ทางผู้ว่าการ สตง.ได้รับทราบ ข้อมูลและเอกสารผลสรุปจากตนไปแล้ว พร้อมทั้งสั่ง กำชับในการทำสำนวนคดีต้องให้รัดกุม และให้เดินหน้าอย่างเต็มที่ในการดำเนินการกับผู้กระทำผิด ส่วนผลของคดีจะเป็นอย่างไรก็อยู่ในอำนาจการพิจารณา ของศาลเท่านั้น

...

ขณะเดียวกัน ผู้สื่อข่าวพยายามติดต่อสัมภาษณ์ รก.อธิการบดี มวล. กรณี สตง.สรุปความเห็นให้ดำเนินคดีกับผู้บริหาร มวล. 2 เรื่อง แต่ฝ่ายเลขานุการยัง ไม่สามารถนัดหมายการให้สัมภาษณ์ได้ ซึ่งข่าวคืบหน้าจะเสนอต่อไป.