หัวโจกค้าคนโรฮีนจาปูพรมค้น ‘บ้าน-เกาะ’ ‘โกหนุ่ย’มอบตัวอีก1

ตำรวจ ทหาร สนธิกำลังกว่า 300 นาย เปิดยุทธการล้างบางขบวนการค้ามนุษย์ “โรฮีนจา” จู่โจมตรวจค้นบ้าน “โกโต้ง” อดีตนายก อบจ.สตูล พร้อมคนใกล้ชิด 15 จุดหลังถูกศาลออกหมายจับพัวพันแก๊งค้ามนุษย์ ในขณะที่อดีตนายก อบจ.พร้อมภรรยาไหวตัวหลบหนีไปก่อนหน้าแล้ว อายัดทรัพย์สินมีทั้งรถเบนซ์-ฟอร์จูนเนอร์ บ้านพักตากอากาศ และทรัพย์สินอื่นๆอีกหลายรายการไว้ตรวจสอบ นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ยังลุยค้นเกาะส่วนตัวโกโต้ง พบหลุมฝังศพต้องสงสัย 19 หลุม คนดูแลอ้างเป็นสุสานคนในครอบครัวของโกโต้ง รอง ผบ.ตร.แฉอดีตนายก อบจ.คนดัง เป็นแก๊งค้ามนุษย์รายใหญ่ มีเครือข่ายมากถึง 5 กลุ่ม ส่วน “โกหนุ่ย” หนึ่งในเครือข่ายค้ามนุษย์ จ.ระนอง ยอมเข้ามอบตัวแล้ว ผบ.ตร.สั่งสอบ ตม.สะเดา หลังพบอุ้มรีด “โรฮีนจา” เตรียมเด้ง ตร.อีกลอตใหญ่

เจ้าหน้าที่หลายหน่วยงานยังคงเดินหน้าปราบปรามขบวนการค้ามนุษย์ชาว “โรฮิงญา” หรือที่ราชบัณฑิตยสถานกำหนดให้เรียกชื่อใหม่ว่า “โรฮีนจา” อย่างต่อเนื่องชนิดขุดรากถอนโคน โดยมีการออกหมายจับผู้ต้องหาไปแล้ว 50 คน มีทั้งจับกุมและมอบตัวแล้ว 15 คน ในจำนวนนี้มีนักการเมืองท้องถิ่นรวมอยู่ด้วยหลายคน เหลืออีก 35 คน อยู่ระหว่างการติดตามไล่ล่าแล้วนั้น ล่าสุด ตำรวจบุกค้นบ้านอดีตนายก อบจ.สตูล หลังพบว่ามีความเชื่อมโยงกับแก๊งค้ามนุษย์

บุกค้นบ้าน “โกโต้ง” พัวพันค้ามนุษย์

โดยเมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 11 พ.ค. นายเดชรัฐ สิมศิริ ผวจ.สตูล พร้อมด้วย พล.ต.ท.มนตรี โปตระนันทน์ ผบช.ภ.9 พล.ต.ต.เอกภพ ประสิทธิ์วัฒนชัย รอง ผบช.ภ.9 รรท.ผบก.ภ.จ.สตูล สนธิกำลังตำรวจ ทหาร ที่ระดมมาจากหลายจังหวัดของภาคใต้กว่า 300 นาย เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมายที่คาดว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการค้ามนุษย์ชาวโรฮีนจาในพื้นที่ จ.สตูล โดยจุดแรกกำลังตำรวจนำโดย พ.ต.ท.เจริญพร สอนสังข์ รอง ผกก.ป.สภ.เขาชัยสน จ.พัทลุง เข้าปิดล้อมตรวจค้นบ้านเลขที่ 217 ถนนปานชูรำลึก อ.เมืองสตูล เป็นบ้านของนายปัจจุบัน อังโชติพันธ์ หรือ “โกโต้ง” อดีตนายก อบจ.สตูล เจ้าของธุรกิจสัมปทานรังนกนางแอ่น ธุรกิจโรงแรม และบ้านเช่า ซึ่งถูกตำรวจออกหมายจับเป็นรายล่าสุด หลังพบว่ามีความเชื่อมโยงกับแก๊งค้ามนุษย์ชาวโรฮีนจา โดยพบว่าเป็นบ้าน 2 ชั้นหลังใหญ่ ปลูกอยู่บนเนื้อที่กว่า 1 ไร่ ขณะเข้าตรวจค้นไม่พบตัวนายปัจจุบันและภรรยา ทราบจากคนในบ้านว่านายปัจจุบันหลบหนีไปก่อนหน้าแล้วตั้งแต่มีข่าวว่าเข้าไปพัวพันกับการค้ามนุษย์ชาวโรฮีนจา โดยมีญาติประมาณ 4-5 คนที่อยู่เฝ้าบ้านนำตรวจค้น ผลการตรวจค้นไม่พบสิ่งผิดกฎหมาย ตำรวจจึงได้อายัดรถเก๋งยี่ห้อเบนซ์ รุ่นเอส 500 สีดำ หมายเลขทะเบียน ขก 5555 สตูล และรถโตโยต้าฟอร์จูนเนอร์ สีดำ ทะเบียน กข 2345 สตูล และทรัพย์สินอื่นๆรวมทั้งบ้านพักตากอากาศบนเกาะแรดใหญ่ ต.เกาะสาหร่าย อ.เมืองสตูล ไว้ตรวจสอบถึงการได้มา

...

ลุยเป้าหมายคนใกล้ชิด 15 จุด

จุดที่สองตำรวจนำโดย พ.ต.อ.พิชัย กิระวานิช ผกก.สส.บก.สส.ภ.9 เข้าปิดล้อมตรวจค้นบ้านเลขที่ 29 หมู่ 4 บ้านวังประจัน อ.ควนโดน จ.สตูล ของนายอาบู ฮะอุรา ส.จ.เขต อ.ควนโดน จ.สตูล เป็นบ้านหลังใหญ่ชั้นเดียว ผลการตรวจค้นไม่พบสิ่งของผิดกฎหมายแต่อย่างใด สำหรับนายอาบู ถูกตำรวจจับกุมไปแล้วตั้งแต่ค่ำวันที่ 9 พ.ค.ที่ผ่านมา หลังพบว่าเป็นหนึ่งในขบวนการค้ามนุษย์ชาวโรฮีนจา ในขณะที่กำลังตำรวจอีกชุดนำโดย พล.ต.ต.พุทธิชาติ เอกฉันท์ รอง ผบช.ภ.9 เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมายในพื้นที่ ต.เกาะสาหร่าย อ.เมืองสตูล รวมทั้งตรวจสอบหลุมฝังศพ บนเกาะแรดหรือเกาะปอออ ต.เกาะสาหร่าย อ.เมืองสตูล เป็นเกาะในทะเลอันดามัน เนื่องจากมีรายงานว่าพบหลุมฝังศพต้องสงสัยจำนวน 19 หลุม รวมพื้นที่เป้าหมายที่ตำรวจเข้าตรวจค้นทั้งหมด 15 จุดใน 2 อำเภอ คือ อ.เมือง และ อ.ละงู จ.สตูล โดยส่วนใหญ่เป็นคนใกล้ชิดกับนายปัจจุบัน และนายอาบู

พบหลุมศพต้องสงสัยอีก 19 หลุม

มีรายงานว่า ก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่ทหารนำโดย นาวาตรีวีรพงศ์ นาคประสิทธิ์ ผู้บังคับการหน่วยปฏิบัติการต่อสู้และรักษาชายฝั่ง 491 จ.สตูล เข้าปิดล้อมตรวจค้นเกาะกลางทะเลอันดามัน 3 แห่ง ที่คาดว่าขบวนการค้ามนุษย์นำชาวโรฮีนจาไปพักพิงชั่วคราวก่อนจะส่งต่อไปยังประเทศที่ 3 โดยจุดแรกชื่อ “เกาะปาหนัน” ต.เกาะสาหร่าย อ.เมืองสตูล เป็นเกาะร้างไม่มีผู้คนอาศัย ผลการตรวจค้นไม่พบสิ่งผิดกฎหมาย จุดที่ 2 “เกาะแรดใหญ่” หรือ “เกาะปอออ” ต.เกาะสาหร่าย พบมีการก่อสร้างบ้านพักตากอากาศ 1 หลัง มีการเลี้ยงวัวและกวางจำนวนมาก มีคนงานดูแล 2 คน หลังบ้านพักคนงานพบหลุมศพฝังเรียงรายใกล้ๆกันรวม 19 หลุม สภาพเป็นหลุมศพใหม่ สอบถามคนงานที่ดูแลให้การว่า เกาะดังกล่าวเป็นเกาะส่วนตัวของนายปัจจุบัน อังโชติพันธุ์ หรือ “โกโต้ง” อดีตนายก อบจ.สตูล ส่วนหลุมศพเป็นของคนในตระกูล “อังโชติพันธุ์” สาเหตุที่หลุมค่อนข้างใหม่เนื่องจากมีการทำบุญเช็งเม้งไปเมื่อเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา จุดสุดท้ายชื่อ “เกาะเลตง” ต.เกาะสาหร่าย เป็นเกาะที่ได้รับการสัมปทานรังนกนางแอ่นของบริษัทแห่งหนึ่ง และทราบว่ามีนายปัจจุบัน เป็นคนดูแล แต่ขณะเข้าตรวจค้นไม่พบนายปัจจุบันและสิ่งผิดกฎหมายรวมถึงชาวโรฮีนจาแต่อย่างใด

ปล่อยทิ้ง 26โรฮีนจากลางสวนยาง

วันเดียวกัน ขณะที่เจ้าหน้าที่พบชาวโรฮีนจา 26 คน ขณะเดินอยู่ในสวนยางพาราบ้านหน้าควน หมู่ 2 ต.ฉลุง อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เป็นชาย 17 คน หญิง 9 คน ในจำนวนนี้มีเด็กรวมอยู่ด้วย 12 คน ส่วนใหญ่เป็นครอบครัวเดียวกันพ่อแม่ลูก ทั้งหมดอยู่ในสภาพอิดโรย และร่างกายได้รับบาดเจ็บบริเวณเท้าจากการเดินป่า ต้องกินเม็ดมะขามประทังชีวิต สอบถามทราบว่าถูกนายหน้าทิ้งลอยแพ และกำลังหาทางเดินข้ามชายแดนไปประเทศมาเลเซีย แต่เดินหลงอยู่ในป่ามานาน 14 วัน เจ้าหน้าที่จึงได้ช่วยเหลือนำตัวทั้งหมดไปพักไว้ที่มัสยิดบ้านหน้าควนชั่วคราวและหาอาหาร น้ำดื่มมาให้รับประทาน ก่อนจะส่งตัวไปยังอำเภอหาดใหญ่ เพื่อรอการคัดแยกอีกครั้ง

นำพยานชี้จุดข่มขืนสาวพม่า

ส่วนกรณีแก๊งค้ามนุษย์ก่อเหตุข่มขืนหญิงสาวชาวพม่าในแคมป์กลางป่าหมู่ 8 ต.บ้านนา อ.เมืองชุมพร ความคืบหน้าเมื่อตอนสายวันเดียวกัน พ.ต.ต.วิลาศ หนูเอียด สวป.สภ.เมืองชุมพร นำกำลังพร้อมพยานเป็นชาวพม่า 3 คน เข้าตรวจสอบจุดเกิดเหตุพบว่าเป็นบ้านของเจ้าหน้าที่รัฐวิสาหกิจคนหนึ่ง แต่ปล่อยทิ้งร้างเนื่องจากเจ้าของไปทำงานอยู่ในกรุงเทพฯ โดยมีเสื้อผ้าของผู้เสียหายถูกทิ้งไว้จำนวนหนึ่ง พ.ต.ท.สมภพ เชื้อทอง สว.สส.สภ.เมืองชุมพรเผยว่า ได้สอบปากคำชาวต่างด้าวทั้งหมดและรวบรวมพยานหลักฐาน พบว่ามีผู้หญิงสาวต่างด้าวถูกข่มขืนจริงและยังมีการใช้อาวุธปล้นเอาทรัพย์สินของมีค่าจากชาวต่างด้าวไปด้วย มีการชี้ตัวยืนยันภาพถ่ายตัวหัวหน้าแก๊งคนไทยที่มีประวัติพัวพันค้ามนุษย์ซึ่งเป็นคนในพื้นที่ จ.ชุมพร ขณะนี้พนักงานสอบสวนกำลังรวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมดเพื่อออกหมายจับต่อไปแล้ว

“โกหนุ่ย” เข้ามอบตัวแล้ว

ที่ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจภูธรภาค 9 ส่วนหน้า พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ รอง ผบ.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา รอง ผบ.ตร. ร่วมกันแถลงความคืบหน้าการคลี่คลายคดีขบวนการค้ามนุษย์ชาวโรฮีนจา ว่า ล่าสุดนายสุวรรณ แสงทอง อายุ 66 ปี หรือ “โกหนุ่ย” เจ้าของแพปลาใน จ.ระนอง ซึ่งเป็นตัวการใหญ่เครือข่ายขบวนการค้ามนุษย์ใน จ.ระนอง ได้เข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่อีก 1 คน หลังถูกออกหมายจับใน 3 ข้อหาหนักคือ สมคบและร่วมกันตั้งแต่สามคนขึ้นไปกระทำการอันเป็นการค้ามนุษย์ ร่วมกันช่วยเหลือด้วยประการใดๆแก่บุคคลต่างด้าวที่เข้ามาในราชอาณาจักรโดยผิดกฎหมาย และร่วมกันหน่วงเหนี่ยวกักขังผู้อื่นโดยทำให้ปราศจากเสรีภาพในร่างกายและร่วมกันเรียกค่าไถ่ แต่ยังคงให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา

...

แฉ “โกโต้ง” เป็นเครือข่ายใหญ่

พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ เผยว่า สำหรับความคืบหน้าของคดีขณะนี้ได้มีการออกหมายจับผู้ต้องหาไปแล้วทั้งหมด 50 คน เจ้าหน้าที่ควบคุมตัวได้แล้ว 17 คน เหลือผู้ต้องหาที่ยังหลบหนีอีก 33 คน โดยรายล่าสุดที่ถูกออกหมายจับคือ นายปัจจุบัน อังโชติพันธุ์ หรือ “โกโต้ง” อดีตนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสตูล เป็นนักธุรกิจ และเจ้าของธุรกิจรีสอร์ต และเรือนำเที่ยวบนเกาะหลีเป๊ะ จ.สตูล เป็นหัวหน้าขบวนการค้ามนุษย์ใน จ.สตูล ที่มีเครือข่ายค้ามนุษย์รวมทั้งหมด 5 กลุ่ม รวม 29 คน ที่นำชาวโรฮีนจาและบังกลาเทศเข้ามาและส่งไปยังประเทศมาเลเซีย โดยทั้งหมดถูกออกหมายจับแล้ว แต่โกโต้งไหวตัวหลบหนีออกนอกพื้นที่ไปก่อน

ในวันนี้ยังได้มีการเข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมายใน จ.สตูล รวม 15 จุด ที่อยู่ในเครือข่ายของโกโต้ง ทั้งบ้านพัก รีสอร์ตของโกโต้ง และบ้านพักของเครือข่ายที่เป็นลูกน้องทั้งหมด โดยเฉพาะกลุ่มตระกูลโต๊ะดินทั้ง 6 คน ซึ่งมีหมายจับเดิมอยู่ก่อนแล้ว ประกอบด้วย นายมาเลย์ โต๊ะดิน นายเจ๊ะอาด โต๊ะดิน นายสุชาติ โต๊ะดิน นายซำซูดิน โต๊ะดิน และนายรอซัก โต๊ะดิน

จัดชุด “กินรี” หาเบาะแส

พล.ต.อ.เอกกล่าวอีกด้วยว่า ส่วนจำนวนผู้อพยพที่เจ้าหน้าที่ได้ให้การช่วยเหลือขณะนี้มีทั้งหมด 250 คน เป็นผู้ต้องหาที่ถูกดำเนินคดีหลบหนีเข้าเมือง 187 คน ส่วน 63 คน เป็นเหยื่อของการค้ามนุษย์ซึ่งเจ้าหน้าที่จะให้การช่วยเหลือต่อไป นอกจากนี้จะมีการจัดเจ้าหน้าที่ชุดกินรี เป็นตำรวจหญิงลงพื้นที่เป้าหมายที่พบกลุ่มผู้อพยพทั้ง อ.รัตภูมิ อ.หาดใหญ่ และ อ.สะเดา เพื่อขอความร่วมมือให้ชาวบ้านช่วยแจ้งเบาะแสของกลุ่มผู้อพยพมายังศูนย์ปฏิบัติการตำรวจภูธรภาค 9 ส่วนหน้า สายด่วน 1300

...

เผย 50 รายชื่อค้ามนุษย์

พล.ต.อ.เอก ยังเผยอีกว่า ขณะนี้ได้ขออนุมัติหมายจับศาลจังหวัดนาทวี เพื่อจับกุมเครือข่ายตามบัญชีรายชื่อผู้เกี่ยวข้องในคดีค้ามนุษย์ สถานีตำรวจภูธรปาดังเบซาร์ จังหวัดสงขลา ตามคดีอาญา ที่ 148/2558 ลงวันที่ 3 พ.ค.จำนวน 50 คนได้แก่ 1.นายอ่าสัน อินทธนู 2.นายยาหลี เขร็ม 3.นายประสิทธิ์ เหล็มเหล๊ะ 4.นายซอเนียง อานุ 5.นายพรรคพล หรือแบน เบ็ญล่าเต๊ะ 6.นายร่อเอ สนยาแหละ 7.นายเจริญ ทองแดง 8.นายอาหลี ล่าเมาะ 9.นายมงคล สุโร 10.นายอัศณีย์รัญ นวลรอด 11. นายสะอารี หรือสะหรี เขร็ม 12. นายเจ๊ะมุสา หรือล้าน สีสัย 13. นายศักดา หรือรอโสน ทองแดง 14.นายชลชาสน์ หรือโอบ ไชยมณี 15.นายสุไหลหมาน หรือปาชี หมัดอาด้ำ 16.นายพิชัย หรือบ่องล๊ะ คงเอียง 17.นางฝารีด๊ะ ทองแดง 18.นายสมยศ อังโชติพันธุ์ 19.นายอาทร หรือเล็ก วัฒนอักษร 20.นายขยัน หรือบังโสย วงษ์ใหญ่ 21. นายสาโรจน์ หรือบังสา แก้วมณีโชติ 22.นายถาวร หรือบังวร มณี 23.นายธัชพล หรือบังเป้า หวังเบ็ญหมุด 24.นายบรรณจง หรือจง ปองผล 25. นายสะอาด หรือบังแอ อุดมศิลป์ 26.นายอารีฝิ่น หรือบอย อารี 27.นางจินตนา หรือจิน พรหมอักษร 28. นายหาด หรือยีสัน ทอดทิ้ง 29. นายดีน หรือบังดีน เหมมันต์ 30.นายปิยวัฒน์ หรือโกหย่ง พงษ์ไทย 31.นายสุวรรณ หรือโกหนุ่ย แสงทอง 32. นายทะนงศักดิ์ หรือยี่สัน เหมมันต์ 33. นายอาบู หรือบังบู ฮะอุรา 34.นายนพรัตน์ หรือบังติ เบ็ญโส๊ะ 35. นายอนุสรณ์ หรือโกเล้ง สุขเกษม 36.นายมูปะกาส หรือบังกาด แขกพงศ์ 37.นายสราวุธ หรือบังเครา พรหมกะหมัด 38.นายสุรียา หรือโกชัย อาหะหมัด 39.นางสาวปาลิตา หรือทอม ชูอมรทรัพย์ 40.นายสมบัติ บำเพ็ญพงษ์ 41.นายชาญณรงค์ หรือพี่รงค์ พรหมนุช 42.นางสมพิศ หรือเจ๊ะหนุ่ย พรหมนุช 43.นายวิรัช หรือบังเสม เบ็ญโส๊ะ 44.นายดลเลาะ หรือบังทอง สาหมัน 45.นายอูมอด หรือมอส หรือยีมอส ลาเซบ 46.นายโค เทวย์ 47.นายชลธิชา หรือบังชล ไชยมณี 48.นายณัฐภัทร หรือโกมิก แสงทอง 49.นายวราคม หรือโกเนิน โมฬี และ 50.นายปัจจุบันหรือ โกโต้ง อังโชติพันธุ์

...

สั่งสอบ ตม.อุ้มรีดชาวโรฮีนจา

พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร.กล่าวว่า ปัญหาชาวโรฮีนจาไม่ใช่เป็นปัญหาของประเทศไทยประเทศเดียว แต่เป็นปัญหาของประเทศต้นทาง กลางทาง และประเทศปลายทาง ในวันที่ 13 พ.ค.ตนจะได้มีโอกาสพบกับอธิบดีกรมตำรวจประเทศมาเลเซีย จะมีการพูดคุยแบบนอกรอบหารือถึงวิธีการแนวทางที่จะช่วยเหลือกันอย่างไรบ้าง เพื่อให้กระบวนการค้ามนุษย์ชาวโรฮีนจาหมดไป ปัญหาเรื่องนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อน สิ่งที่ยืนยันได้อย่างเดียวคือประเทศไทยไม่ใช่ปลายทางของชาวโรฮีนจา ประเทศไทยเป็นเพียงแค่ทางผ่าน ส่วนประเด็นที่มีข่าวว่า ตม.สะเดา เอารถไปรับแรงงานชาวโรฮีนจา จากประเทศมาเลเซีย เข้ามาทำบันทึกประวัติว่าเป็นแรงงานหลบหนีเข้าประเทศไทย และมีการเรียกรับทรัพย์ รายละเอียดต้องไปสอบถาม พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ รอง ผบ.ตร.ตนทราบแต่ไม่ละเอียดพอ เนื่องจากตนได้มอบหมายให้ลงไปดูแลในรายละเอียดและมอบอำนาจในการดำเนินการ

เตรียมเด้ง ตร.อีกลอต

“เบื้องต้นทราบว่าจะมีการเสนอรายชื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องจำนวน 10 กว่ารายขึ้นมา ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจเหล่านั้นเป็นเจ้าหน้าที่ที่ พล.ต.อ.เอก และผู้บังคับบัญชาในพื้นที่พิจารณาแล้วว่ามีความจำเป็นให้มาช่วยราชการเพื่อให้เกิดความเรียบร้อยและสามารถที่จะทำการสืบสวนสอบสวนได้อย่างไม่มีข้อขัดข้องหรืออุปสรรคในการทำงาน บุคคลที่ พล.ต.อ.เอกเสนอขึ้นมามีการกลั่นกรองแล้วว่ามีผลกระทบต่อการทำงานของท่าน ตำรวจอยู่ระหว่างการติดตามตัว “โกโต้ง” ซึ่งเชื่อว่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลังคนสำคัญ หากโกโต้งเห็นว่าตัวเองไม่มีความผิดก็ควรเข้ามาพบตำรวจ” ผบ.ตร.กล่าว

ยันใครเกี่ยวข้องฟันไม่เลี้ยง

พล.ต.อ.สมยศกล่าวอีกว่า นอกจากนี้ เตรียมเสนอ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พิจารณาโยกย้ายข้าราชการตำรวจนอกวาระ เพื่อความเหมาะสมในการแก้ปัญหาคดีการค้ามนุษย์ หากพบมีหลักฐานชัดเจนว่าตำรวจกระทำผิดจะดำเนินคดีอาญา ที่ผ่านมามีการดำเนินคดีอาญาและให้ออกจากราชการไปแล้ว 2 ราย เป็นตำรวจยศ ร.ต.ท. และ ด.ต. เจ้าหน้าที่คนใดที่เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่มีส่วนรู้เห็นแต่ปล่อยปละละเลย ต้องถูกโยกย้ายสับเปลี่ยนออกนอกพื้นที่ สำหรับบุคคลที่มีหลักฐานชัดเจนต้องถูกดำเนินคดีอาญา ให้ออกจากราชการไว้ก่อน ส่วนที่เป็นปัญหาใหญ่คือเราจะดำเนินการอย่างไรกับชาวโรฮีนจาในประเทศไทย เพราะประเทศพม่าเองไม่รับว่าชาวโรฮีนจาเป็นประชากรของเขา ปัญหาคือเราอยู่ตรงกลาง ต้องดูแลชาวโรฮีนจาทั้งหมดหรือไม่

ผกก.–รอง สว.โดนย้ายระนาว

พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ ผู้ช่วย ผบ.ตร.และโฆษก ตร.กล่าวว่า พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร.มีคำสั่งเรียกเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้องโรฮีนจามาปฏิบัติราชการที่ ศปก.ตร.เพิ่มอีก 14 นาย เป็นระดับ ผกก.จนถึง รอง สว.ที่อยู่ในพื้นที่เชื่อมโยงเส้นทางอพยพชาวโรฮีนจาเพื่อเปิดโอกาสให้จเรตำรวจดำเนินการสืบสวน หากมีส่วนเกี่ยวข้องจะเสนอย้ายออกจากตำแหน่ง ถ้ามีพยานหลักฐานเรียกรับผลประโยชน์จะมีการดำเนินคดีอาญาทันที ส่วนผู้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องสามารถกลับไปปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งเดิม เป็นอีกมาตรการแสดงความตั้งใจที่ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร.จะแก้ไขปัญหาตามคำสั่งของนายกรัฐมนตรีให้ได้มากที่สุด ที่ผ่านมาไม่เคยมีรัฐบาลไหนแก้ไขปัญหาอย่างจริงจัง ทำให้ไทยถูกมองเป็นประเทศที่ไม่ให้ความสำคัญกับปัญหาการค้ามนุษย์ ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากเจ้าหน้าที่รัฐมีส่วนช่วยเหลือ สนับสนุนเรียกรับประโยชน์

ผบ.ทบ.อ้างไทยแค่ทางผ่าน

พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม และ ผบ.ทบ.กล่าวถึงการแก้ไขปัญหาชาวโรฮีนจาว่า เราแสดงออกถึงความจริงใจในการแก้ไขปัญหา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ให้นโยบายกับกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) และกระทรวงมหาดไทย ประสานความร่วมมือกัน เพราะไทยเป็นประเทศกลางทาง ส่วนประเทศต้นทางและปลายทางต้องมีส่วนเกี่ยวข้องด้วย ขณะนี้ได้ประสานความร่วมมือกับจุดต่างๆที่อาจเป็นจุดหลบซ่อนหรือพักพิงให้ชาวโรฮีนจาอย่างไม่ถูกต้อง โดยมอบให้ พล.ท.ปราการ ชลยุทธ แม่ทัพภาคที่ 4 ในฐานะ ผอ.รมน.ภาค 4 สน. ประสานงานตำรวจแลกเปลี่ยนข้อมูลในพื้นที่ที่สงสัย ต้องทำให้จริง เชื่อว่าต้องดีขึ้น

ยืนกรานทหารไม่มีเอี่ยว

พล.อ.อุดมเดชกล่าวอีกว่า ส่วนระยะเวลา 10 วันที่นายกฯต้องการให้แก้ไขปัญหานั้น เป็นการกำหนดคร่าวๆ เราพยายามทำให้ดีที่สุดตามกรอบที่นายกฯกำหนด ขณะนี้สามารถเข้าพื้นที่ได้เกินครึ่งที่กำหนดแล้ว ยืนยันว่าไม่มีทหารเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ เราทำงานตรงไปตรงมา หากมีกำลังพลไปเกี่ยวข้องต้องถูกดำเนินการตามนโยบายของนายกฯอย่างเด็ดขาด คือปรับออกนอกพื้นที่ และสอบสวนทางวินัยหากผิดจริงก็ปลดออกจากตำแหน่งส่วนที่มีข่าวปรับย้ายนายทหารบางนายนั้น ถ้ามีเหตุการณ์เกิดขึ้นแล้วไม่สามารถดูแลพื้นที่ได้ ก็ต้องปรับออกนอกพื้นที่ หากทำงานไม่มีประสิทธิภาพก็ต้องปรับเช่นกัน เมื่อถามว่า จะประสานกับประเทศต้นทางอย่างไร พล.อ.อุดมเดชกล่าวว่า กระทรวงการต่างประเทศ จะดำเนินการตามนโยบาย ทุกฝ่ายพยายามดำเนินการแก้ไขปัญหาโดยนายกฯให้การแก้ไขปัญหานี้เป็นวาระแห่งชาติ ต้องนำไปสู่การยอมรับของต่างประเทศ

ยึดหลักสิทธิมนุษยชน

พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กล่าวว่า สำหรับชาวโรฮีนจา ที่ถูกนายหน้านำมาปล่อยทิ้งไว้ในพื้นที่ที่บริเวณรอยต่อ อ.รัตภูมิ ติดกับ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา นานหลายวันในสภาพอิดโรย มีร่องรอยถูกทำร้ายร่างกายนั้น ได้นำตัวเข้ามาอยู่ในความดูแลของกระทรวงการพัฒนาสังคมฯ แล้ว ที่สถานคุ้มครองชายจังหวัดระนอง สถานคุ้มครองชายจังหวัดสงขลา สถานคุ้มครองชายจังหวัดปทุมธานี สถานคุ้มครองชายจังหวัดเชียงราย และสถานคุ้มครองพัฒนาอาชีพภาคใต้จังหวัดสุราษฎร์ธานี ทั้งนี้ ตนได้ให้นโยบายกับเจ้าหน้าที่ที่ดูแลผู้เสียหายตามหลักสิทธิมนุษยชน โดยเน้นการคัดแยกผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ทุกคน 100 เปอร์เซ็นต์ และเข้มงวดเรื่องระบบการรักษาความปลอดภัย ตลอดจนการป้องกันการหลบหนี

ลอยแพที่มาเลย์-อินโดฯอีกเพียบ

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 10 พ.ค. อ้างถึงนายจามิล อาห์เหม็ด เจ้าหน้าที่ตำรวจเกาะลังกาวี ภาคตะวันตกเฉียงเหนือของมาเลเซีย คาดว่า มีเรือ 3 ลำ บรรทุกผู้ลี้ภัยชาวโรฮีนจาจากเมียนมาและผู้อพยพชาวบังกลาเทศราว 1,018 คน แยกเป็นชาวบังกลาเทศราว 555 คน ชาวโรฮีนจา 463 คน รวมสตรี 99 คน และเด็ก 54 คน พร้อมทั้งยึดเรือไว้ได้ 1 ลำ ส่วนอีก 2 ลำ คาดว่าหลบหนีออกทะเลไปแล้ว โดยกลุ่มผู้ลักลอบขนคนเข้าเมืองทิ้งผู้ลี้ภัยให้ลอยอยู่กลางทะเลตั้งแต่วันอาทิตย์ ทำให้บางส่วนต้องว่ายน้ำขึ้นฝั่ง และบางส่วนก็ได้รับความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่แต่คาดว่ายังมีอีกมากที่ยังลอยเคว้งอยู่กลางทะเล ส่วนที่อินโดนีเซีย หน่วยกู้ภัยใน จ.อาเจะห์ ก็พบผู้อพยพชาวโรฮีนจากว่า 400 คนทั้งผู้ชาย ผู้หญิงและเด็กจากเมียนมาและบังกลาเทศบริเวณนอกชายฝั่งจ.อาเจะห์ ด้านตะวันตกของอินโดนีเซียเมื่อช่วงเช้าตามเวลาท้องถิ่น หลังก่อนหน้านี้ไม่นาน เจ้าหน้าที่เข้าช่วยเหลือไว้ได้เกือบ 600 คน