รักษาการรองอธิบดีกรมอุทยานฯ เผยจะเข้าตรวจสอบเสือของกลางที่กรมอุทยานฯยึด และฝากเลี้ยงไว้ภายในวัดป่าหลวงตามหาบัวฯ เมืองกาญจน์หายล่องหน 3 ตัว หลังนายสัตวแพทย์ผู้ที่เคยดูแล ออกมาแฉสงสัยมีการนำส่งขายต่างประเทศมูลค่าตัวละ 5 ล้านบาท หากพบเสือหายไปจริงจะเข้าแจ้งความกับตำรวจให้สอบสวนเบื้องหลังเสือสูญหาย เชื่อเกิดจากขบวนการจัดการภายในวัดที่มีการปรับเปลี่ยน เพราะการเข้าไปขโมยเสือในวัดไม่ใช่เรื่องง่าย

กรณี น.สพ.สมชัย วิเศษมงคลชัย สัตวแพทย์ผู้ดูแลเสือของกลาง 147 ตัว ที่กรมอุทยานฯยึดและฝากเลี้ยงไว้ในวัดป่าหลวงตามหาบัวญาณสัมปันโน ต.สิงห์ อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี โดยมีพระวิสุทธิสารเถระ หรือหลวงตาจันทร์ เป็นเจ้าอาวาส ออกมาแถลงว่า เสือโคร่งพันธุ์เบงกอลชื่อดาวเหนือ เพศผู้ อายุ 7 ปี หายไปจากกรงเมื่อวันที่ 21 ธ.ค. 57 ที่ผ่านมา ต่อมาวันที่ 26 ธ.ค. เสือชื่อฟ้าคราม 3 เพศผู้ อายุ 3 ปี และเสือชื่อแฮปปี้ 2 เพศผู้ อายุ 3 ปี หายไปจากกรงเช่นกัน เสือทั้ง 3 ตัว ถูกฝังชิปไว้ เมื่อดูภาพกล้องวงจรปิดที่ติดไว้หน้าประตูวัด และตามเส้นทางไปเกาะเสือ พบรถกระบะและรถเก๋งต้องสงสัย 3 คัน หลังเกิดเหตุได้เข้าพบอธิบดีกรมอุทยานฯ แต่เรื่องเงียบหาย ยืนยันว่า ตนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ และลาออกจากตำแหน่งสัตวแพทย์ผู้ดูแลเสือของวัดแล้ว สำหรับเสือทั้ง 3 ตัว เชื่อว่าถูกส่งไปขายต่างประเทศ มีมูลค่าตัวละ 5 ล้านบาทนั้น

เกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อเย็นวันที่ 21 มี.ค. นายชาติชาย ศรีแผ้ว หน.สำนักงานสนับสนุนป้องกันและปราบปรามที่ 1 (ภาคกลาง) สำนักป้องกันและปราบปราม กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช เผยเกี่ยวกับเรื่องข่าวเสือของกลางที่วัดป่าหลวงตามหาบัวฯ ว่า จากที่นายสัตวแพทย์ที่ดูแลเสือของกลางของกรมอุทยานฯ ที่วัดป่าหลวงตามหาบัวฯ ต.ลุ่มสุ่ม อ.ไทรโยค ดูแลของกลางอยู่ เกิดมีปัญหาคือเสือหายไป 3 ตัว เกี่ยวกับเรื่องนี้ทางนายศักดิ์ดา วิเชียรศิลป์ หน.สำนักป้องกันและปราบปราม กรมอุทยานฯ สั่งให้ตนในฐานะ หน.สปป.ที่ 1 (ภาคกลาง) ลงพื้นที่ประสานงานกับสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง) เพื่อสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับจำนวนเสือของกลางที่อยู่ในการกำกับดูแลของส่วนอนุรักษ์สัตว์ป่า สบอ.3 และร่วมกันลงพื้นที่ตรวจสอบข้อมูลต่างๆว่าเป็นอย่างไร ทั้งนี้ในการปฏิบัติงานในส่วน สปป.ที่ 1 (ภาคกลาง) จะเป็นหน่วยงานสนับสนุนในการดำเนินการเพื่อให้เกิดการตรวจสอบ เมื่อได้ข้อมูลจะรายงานให้สำนักป้องกันฯเพื่อรายงานต่ออธิบดีกรมอุทยานฯเป็นผู้พิจารณาสั่งการในการปฏิบัติว่าจะให้ดำเนินการต่อไปอย่างไร

...

นายชาติชายกล่าวต่อว่า เบื้องต้นทาง สปป.ที่ 1 (ภาคกลาง) ไม่มีฐานข้อมูลเกี่ยวกับการดูแลบริหารจัดการเสือของกลางทั้งหมดว่ามีการปฏิบัติร่วมกับผู้ดูแลรักษาของกลางอย่างไร แต่เมื่อมีข้อร้องเรียนก็จะต้องลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง หากพบว่ามีการดำเนินการอย่างไรก็จะต้องนำเสนอต่อผู้บังคับบัญชาเพื่อพิจารณาสั่งการ เบื้องต้นมีประเด็นที่น่าสงสัยคือ เมื่อเดือน ก.พ.58 ที่ผ่านมา ทาง สบอ.3 (บ้านโป่ง) ลงพื้นที่ตรวจเสือของกลางที่เป็นการตรวจตามปกติในรอบปี ก็ไม่ทราบว่าผลการตรวจสอบมีการรายงานเกี่ยวกับเสือที่หายทั้ง 3 ตัวหรือไม่ ดังนั้น การลงพื้นที่เพื่อร่วมตรวจสอบในประเด็นที่หากมีเสือของกลางหายจริง เราก็จะต้องตรวจสอบต่อไปว่า เสือที่หายไปไปอยู่ที่ไหน และมีการนำไปเพื่อค้าขายหรือไม่ หากมีการนำไปขายต่อก็จะเข้าข่ายการค้าสัตว์ป่าคุ้มครองที่ต้องดำเนิน การติดตามจับกุมมาดำเนินคดีให้ได้ ที่สำคัญเสือโคร่งเป็นสัตว์ป่าคุ้มครองที่ขึ้นบัญชีกับองค์กรไซเตส การดำเนินการเกี่ยวกับเสือโคร่งต้องดำเนินการตามที่ไซเตสมีข้อตกลงไว้ร่วมกัน

ด้านนายอดิศร นุชดำรงค์ รักษาการรองอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวถึงกรณีเสือของกลาง 3 ตัวที่ฝากเลี้ยงไว้ที่วัดป่าหลวงตามหาบัว จ.กาญจนบุรี หายไปว่า ในวันที่ 23 มี.ค.กรมอุทยานฯจะประชุมร่วมกับ ผอ.สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง) จากนั้นจะเข้าไปตรวจสอบเสือที่หายไป 3 ตัว หากพบว่ามีการหายไปจริง จะมีการไปแจ้งความทันที เพื่อขอให้ตำรวจตรวจสอบว่าเสือของกลางหายไปไหน ทั้งนี้ ส่วนตัวเชื่อว่าเกิดจากกระบวนการจัดการภายในวัดดังกล่าวที่มีการปรับเปลี่ยน เพราะการจะเข้าไปขโมยเสือในวัดไม่ใช่เรื่องง่าย อย่างไรก็ตาม กรมอุทยานฯ จะนำเสือของกลาง ที่แต่เดิมมีเพียง 7 ตัว แต่ออกลูกออกหลานเพิ่มมาเป็น 147 ตัว และที่ฝากเลี้ยงไว้ที่วัดตั้งแต่ปี 2544 กลับมาเลี้ยงในสถานีเพาะเลี้ยง ขณะนี้เตรียมไว้แล้วที่สถานีเพาะเลี้ยงเขาสน และเขาประทับช้าง จ.ราชบุรี เป็นต้น โดยจะเริ่มทยอย นำเสือตัวที่วัดนำไปแสดงโชว์ออกมาก่อน ทั้งนี้ จะขออนุญาตอธิบดีกรมอุทยานฯ เพื่อเร่งประสานกับ ผวจ.กาญจนบุรี พร้อมทั้งประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อขอเป็นมติออกมา

นายอดิศรกล่าวด้วยว่า ที่ผ่านมากรมอุทยานฯ ไม่ได้นิ่งนอนใจ พยายามที่จะนำเสือของกลางออกมาจากวัดหลายครั้ง แต่ติดปัญหาบางประการ มีผู้มีอำนาจหลายยุคร้องขอไว้เพื่อไม่ให้นำเสือออก เพราะวัดดังกล่าวเป็นสถานที่ท่องเที่ยวของจังหวัดด้วย เกรงว่าจะส่งผลกระทบ แต่เมื่อเกิดเรื่องขึ้น จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องรีบนำเสือของกลางทั้งหมดกลับมาไว้อยู่ในการดูแลของกรมอุทยานฯ