วืดประกันส่งเข้าคุก!ยังเหลือ3เร่งตามล่า
พงส.นำตัวผู้ต้องหาปาระเบิดศาลอาญารัชดา 3 คน มาขออำนาจศาลทหาร เพื่อฝากขังผัดแรก พร้อมแนบท้ายคำร้องฝากขังคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากเป็นคดีเกี่ยวกับความมั่นคงและเกรงว่าผู้ต้องหาจะหลบหนี หลังสอบสวนผู้ต้องหาทั้ง 3 ราย ให้การรับสารภาพว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการก่อเหตุจริง
กรณีคนร้าย 2 คนก่อเหตุขว้างระเบิดสังหารเข้าไปที่ลานจอดรถศาลอาญา แต่ถูกทหารที่ได้ข่าวระแคะระคายว่า กลุ่มผู้ต้องหาจะก่อเหตุตามสะกดรอยมา ตัดสินใจขับรถขวางรถ จยย.ของคนร้ายจนเกิดดวลปืนกันสนั่นถนนรัชดา จับกุมนายมหาหิน ขุนทอง ส่วนนายยุทธนา เย็นภิญโญ ถูกยิง 4 นัดได้รับบาดเจ็บส่งรักษาตัว รพ.พระมงกุฎ สอบสวนนายมหาหินให้การรับสารภาพถึงผู้ว่าจ้างและผู้ร่วมขบวนการ ต่อมาเจ้าหน้าที่ทหารตามจับกุมผู้ร่วมขบวนการได้แล้ว 16 คน อยู่ระหว่างติดตามตัว 3 คน ล่าสุด ทหารพัน.ร.มทบ.11 นำตัวผู้ต้องหา 3 คนสุดท้ายที่ทหารควบคุมตัวไว้สอบสวนตามกฎอัยการศึก ประกอบด้วยนายวสุ เอี่ยมละออ อายุ 38 ปี นายสมชัย อภินันท์ถาวร อายุ 53 ปี ผู้ต้องหาที่เกี่ยวข้องกับการโอนเงินค่าจ้างให้กลุ่มผู้ก่อเหตุปาระเบิดใส่ศาลอาญารัชดาเมื่อวันที่ 7 มี.ค. และนายสุรพล เอี่ยมสุวรรณ อายุ 53 ปี ผู้รับเงินโอนค่าจ้างวางระเบิดแต่ทำไม่สำเร็จ มาส่งให้พนักงานสอบสวนตำรวจนครบาลดำเนินคดีและทำแผนประกอบคำรับสารภาพตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ความคืบหน้าจากศาลทหารกรุงเทพ กรมพระธรรมนูญ กระทรวงกลาโหม เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 21 มี.ค. ร.ต.ท.วิทวัชร สาคะรินทร์ พนักงานสอบสวน สน.พหลโยธิน ควบคุมตัวนายวสุ เอี่ยมละออ อายุ 38 ปี นายสมชัย อภินันท์ถาวร อายุ 53 ปี มาขออำนาจศาลทหารฝากขัง ส่วน พ.ต.ต.สถาพร สุขสว่าง พนักงานสอบสวนผู้ชำนาญการ สน.โชคชัย ควบคุมตัวนายสุรพล เอี่ยมสุวรรณ อายุ 53 ปี ผู้ต้องหาคดีเดียวกันมาฝากขังเช่นกัน เนื่องจากมีส่วนเกี่ยวข้องกับการจ้างวานมือระเบิดให้ไปก่อเหตุปาระเบิดใส่ศาลอาญารัชดาภิเษก เมื่อวันที่ 7 มี.ค. ซึ่งทั้ง 3 คน ถูกแยกขังไว้ที่ สน.พหลโยธิน 2 คน และ สน.โชคชัย 1 คน โดยขออำนาจศาลทหารกรุงเทพฝากขังเป็นผัดแรก ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพเป็นเวลา 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 21 มี.ค. ถึงวันที่ 1 เม.ย.
...
ทั้งนี้ จากการสอบสวนที่ผ่านมา ผู้ต้องหาทั้ง 3 รายได้ให้การรับสารภาพกับพนักงานสอบสวนแล้ว ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการก่อเหตุจริง รวมทั้ง ได้มีการนำตัวผู้ต้องหา 2 ราย คือ นายวสุและนายสมชัย ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ในจุดที่ผู้ต้องหาใช้เป็นสถานที่ในการโอนเงินแล้ว โดยในวันนี้พนักงานสอบสวนได้แนบท้ายคำร้องฝากขังคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากเป็นคดีเกี่ยวกับความมั่นคงและเกรงว่าผู้ต้องหาจะหลบหนี
สำหรับการออกหมายจับกุมผู้ต้องหาในคดีนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถออกหมายจับผู้ต้องหาไปแล้วจำนวน 19 ราย สามารถจับกุมตัวมาดำเนินคดีได้แล้ว 16 ราย ส่วนผู้ต้องหาอีก 3 รายอยู่ระหว่างหลบหนีการจับกุมตามหมายจับ คือ นายมนูญ ชัยชนะ หรือเอนก ซานฟราน นายวีระศักดิ์ โตวงจร หรือใหญ่ พัทยา และนายธนาวุฒิ อภินันท์ถาวร
ต่อมาเวลา 13.30 น. คณะตุลาการศาลทหารกรุงเทพได้ออกนั่งบัลลังก์พิจารณาอ่านคำร้องที่เจ้าหน้าที่พนักงานสอบสวนกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) ที่ยื่นขอฝากขังผู้ต้องหาทั้ง 3 คน เนื่องจากพนักงานสอบสวนให้เหตุผลว่า ยังคงต้องสืบพยานเพิ่มเติม โดยคณะตุลาการศาลทหารกรุงเทพพิเคราะห์แล้วเห็นว่า มีเหตุผลเพียงพอจึงอนุญาตให้ฝากขังตามที่เจ้าหน้าที่พนักงานสอบสวนยื่นคำร้องขอฝากขังผัดแรกเป็นเวลา 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 21 มี.ค.-1 เม.ย.58 จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจนำตัวผู้ต้องหาทั้ง 3 คนขึ้นรถตราโล่ ไปฝากขังไว้ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯทันที โดยศาลทหารไม่ให้ประกันตัว เนื่องจากผู้ต้องหามีโทษร้ายแรง เกรงว่าจะมีการหลบหนี เป็นอุปสรรคต่อการสืบสวนของพนักงานสอบสวน