เกิดเหตุสลด 2 แม่ลูกฆ่าตัวตาย ซื้อยาฆ่าแมลงผสมกับนมเปรี้ยวดื่มแล้วนอนกอดกันลาโลกในหอพัก เพื่อนร่วมหอได้กลิ่นเหม็น และเห็นเลือดไหลออกมาจึงแจ้งตร. สุดเศร้าพบ จม.ลาตาย เขียนตัดพ้อพ่อที่ไม่ดูแล ยากจนไม่มีแม้แต่ค่าเช่าหอ...
เมื่อเวลา 23.00 น.วันที่ 9 มี.ค.2558 พ.ต.ต.ทนงศักดิ์ จันทร์เจือแก้ว พงส.สภ.เมืองเชียงใหม่ ได้รับแจ้งว่ามีกลิ่นเหม็นเน่า และน้ำสีดำคล้ายเลือด ไหลออกมาจากประตูห้องพักของหอพักแห่งหนึ่งใน ต.หายยา จึงพร้อมด้วย พ.ต.อ.ดำเนิน กันอ่อง ผทค. พ.ต.ท.นิติพันธ์ สังขกร สว.สส. แพทย์เวรรพ.มหาราชนครเชียงใหม่ พ.ต.ท.ฐานันดร วิทยาวุฑฒิกุล หัวหน้าพิสูจน์หลักฐานจ.เชียงใหม่ รุดไปตรวจสอบ
ที่เกิดเหตุ เป็นหอพักรวมแบ่งให้เช่า สูง 4 ชั้น ที่หน้าห้องพักบริเวณชั้น 3 มีคราบเลือดไหลออกมา ทางผู้ดูแลหอพักได้เปิดประตูแต่ติดศพที่นอนขวางอยู่ที่ประตู ต้องดันเขาไป พบศพนายณัฐวุฒิ สติดี อายุ 22ปี เป็นคนรูปร่างอ้วน ทราบว่าเพิ่งเรียนจบจากมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งใน จ.เชียงใหม่ และกำลังฝึกงานอยู่ที่บริษัทแห่งหนึ่งในอ.เมืองเชียงใหม่ สภาพสวมเสื้อเชิ้ตแขนสั้นสีน้ำตาลลายตาราง นุ่งกางเกงสามส่วนสีกากี นอนคว่ำหน้า
ติดกันพบศพของนางมุกดา สติดี อายุ 56 ปี ซึ่งเป็นแม่ สภาพสวมเสื้อยืดคอกลมสีเขียวถูกถลกไปกองบนหน้าอก กางเกงขายาวสีกากี และถุงเท้าสีดำ ศพเริ่มเน่าบวมอืดส่งกลิ่นเหม็นคลุ้ง โดยที่ทั้ง 2 ศพอยู่ในสภาพนอนกอดกัน ในห้องพักยังพบโทรศัพท์มือถือของผู้ตายวางอยู่บนเตียงนอน ขวดนม มีคราบยาฆ่าแมลงปนอยู่ในขวด และในถังขยะพบซองยาฆ่าแมลง 1 ซองใหญ่
นอกจากนั้น ยังพบจดหมายลาตาย ที่เขียนว่า ‘บันทึกก่อนตาย7มี.ค.58’ ซึ่งนางมุกดา ได้เขียนระบายไว้เกือบ 20 หน้ากระดาษ เนื้อหาโดยรวมได้ตัดพ้อว่า พ่อ ไม่ดูแลลูก ปล่อยลูกซึ่งป่วยหนักเป็นโรคเบาหวาน ไม่มีเงินใช้จ่าย แม้กระทั่งค่าเช่าห้อง ถูกทวงมาหลายวันก็ไม่มีปัญญาจ่าย ลูกชายป่วย คงอยู่ได้อีกไม่นาน ก็จะลาโลกไปคนเดียว จึงขอไปดูแลลูกทุกภพทุกชาติ และขอบคุณสำหรับทุกสิ่งทุกอย่างที่ผ่านมา ลาก่อนลาตลอดไป รักพ่อนะ รักมากด้วย ลงชื่อแม่
...
ส่วนนายณัฐวุฒิ ก็เขียนจดหมาย พอสรุปได้ ว่า รักครอบครัวมาก แต่ตนมาป่วยเป็นโรคเบาหวาน แม้เรียนจบมาแล้วก็ยังไม่สามารถทำงานหาเงินได้ กำลังได้ฝึกงานอยู่บริษัทใหญ่ แต่แม้แต่ค่าเดินทาง ค่ากินอยู่ก็ยังลำบาก จึงขอลาตายไปอยู่กับเมีย ไปอยู่กับแม่
จากการสอบสวนเพื่อนร่วมหอพัก ทราบว่า ก่อนหน้านี้มีคนในหอพักเห็นคราบเลือดสีดำไหลออกมาทางประตูห้องพักที่เกิดเหตุ แต่ไม่มีใครกล้าเปิดเข้าไปดู จึงโทรศัพท์แจ้งตำรวจมาตรวจจนพบศพสองแม่ลูกอยู่ในห้องดังกล่าว
ทางด้าน พ.ต.ท.ฐานันดร วิทยาวุฑฒิกุล หัวหน้าพิสูจน์หลักฐานจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบห้องเกิดเหตุ พบสลิปของร้านสะดวกซื้อเป็นนมเปรี้ยว 2 ขวด เมื่อวันที่ 7 มี.ค.57 เวลา 18.29 น. ที่ผู่้ตายนำมาผสมยาพิษดื่มพร้อมกันเพื่อฆ่าตัวตาย คาดว่าทั้งสองคงจะเสียชีวิตในคืนวันดังกล่าวนั้นเอง ประกอบกับได้ตรวจในที่เกิดเหตุแล้ว ลงความเห็นว่า ผู้ตายทั้งสองดื่มยาพิษฆ่าตัวไปด้วยกัน ไม่ได้เป็นการฆาตกรรมส่วนสภาพศพที่เน่าเร็วนั้น ส่วนหนึ่งเนื่องจากอากาศร้อน
ขณะที่ พ.ต.ต.ทนงศักดิ์ จันทร์เจือแก้ว พงส.สภ.เมืองเชียงใหม่ กล่าวว่า คดีนี้ น่าจะเป็นคดีที่แม่และลูกพร้อมใจกันกินยาฆ่าตัวตายเอง เพื่อหนีปัญหาเรื่องเศรษฐกิจ และโรคประจำตัวของลูกชาย ตามเนื้อความในจดหมายลาตายที่เขียนบันทึกไว้ ส่วนใครจะชักจูงใครนั้น ตอนนี้ยังไม่ทราบ แต่จากหลักฐานและพยาน ทราบว่า ลูกชายเข้ามาพักที่หอพักได้ประมาณ 4 เดือนและเพิ่งจบปริญญาตรีมา แต่มีอาการป่วยเป็นโรคเบาหวานอย่างหนัก ต้องเข้าออกโรงพยาบาลตลอด
"เมื่อวันที่ 6 มี.ค.ที่ผ่านมา ทราบว่า ผู้เป็นแม่ เดินทางจากบ้านใน อ.แม่แตง เพื่อมาดูแลลูก มีคนพบทั้งสองไปกินข้าวด้วยกันครั้งสุดท้าย เมื่อตอนเย็นวันที่ 7 มีนาคม จากนั้น ก็เห็นไปที่ร้านสะดวกซื้อเพื่อซื้อนมเปรี้ยวด้วยกัน คาดว่านำมาผสมกับยาฆ่าแมลงเพื่อกินปลิดชีพ แล้วนอนกอดกันตาย ซึ่งทางพนักงานสอบสวนจะได้ประสานญาติมาสอบปากคำเพิ่มเติม ส่วนศพสองแม่ลูกได้ส่งไปให้แพทย์ภาควิชานิติเวช ร.พ.มหาราชนครเชียงใหม่ ผ่าชันสูตรอีกครั้ง" พงส.สภ.เมืองเชียงใหม่ กล่าว.